อดีตพ่อค้าตลาดนัด ผันตัวเป็นเกษตรกร ปลูกโป๊ยเซียนสีสวยด้วยเทคนิคปักชำ กว่า 100 สายพันธุ์

โป๊ยเซียน มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Crown of thorns plant มีถิ่นกำเนิดในป่าแถบแอฟริกาเหนือ เป็นพืชอวบน้ำ และเติบโตได้ดีในสภาพแห้งแล้ง

สิ่งที่ใช้กำหนดพันธุ์โป๊ยเซียน คือสีดอก ซึ่งมีทั้งแบบสีล้วนอย่างดอกสีเขียว สีเหลือง ดอกสีชมพู ดอกสีขาว ดอกสีส้ม หรือเป็นประเภทดอกกระ และผสมเป็นแกมสีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นดอกสีแดงอมส้ม ดอกสีเหลืองอมชมพู โดยมีการตั้งชื่อพันธุ์ตามแหล่งเพาะบ้าง ตามสีดอกที่ต้องการให้เป็นมงคลบ้าง

ความนิยมหรือกระแสโป๊ยเซียนก็ไม่ต่างจากไม้ดอกประเภทอื่นที่มีขึ้น-ลงอยู่เป็นประจำ ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ที่ถูกจุดขึ้นในแต่ละช่วงเวลา อย่างไรก็ตาม แม้เวลาผ่านไปหลายสิบปี แต่ความนิยมไม้ดอกที่มีหนามอย่างโป๊ยเซียนยังคงมีอยู่เสมอไป

คุณเอกชัย พัฒนชาญสกุลชัย เจ้าของสวนโป๊ยเซียน “เอกอุดม” ตั้งอยู่เลขที่ 221 หมู่ที่ 4 ตำบลทุ่งพญา อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา ถือเป็นสวนที่มีคุณภาพไม่เพียงระดับประเทศ แต่ยังได้รับความนิยมในต่างประเทศหลายแห่งด้วย

คุณเอกชัยเดิมมีอาชีพขายของตามตลาดนัด เวลาเดินทางไปมักเห็นต้นโป๊ยเซียนสวยๆ วางขายตามริมถนนก็หาซื้อมาสะสมและเริ่มสนใจความสวยงามของโป๊ยเซียนมาตั้งแต่ปี 2538 กระทั่งมาจับเป็นอาชีพจริงจังเมื่อปี 2540 โดยไปเสาะหาต้นโป๊ยเซียนสวยๆ แปลกๆ ที่วางขาย แล้วนำมาปลูกไว้ดูเล่น เมื่อมีดอกบานสะพรั่งสวยงามก็เลยทดลองขยายพันธุ์ด้วยการเสียบชำ แล้ววางขายหน้าบ้านได้รับความสนใจแม้การเดินทางเข้ามาที่บ้านจะแสนลำบาก แต่ก็มีลูกค้าที่มีความพยายามเข้ามาซื้อเพราะรู้ว่าต้นโป๊ยเซียนของเรามีดอกใหญ่ สีสดสวย มีหลายสี จะหาซื้อที่ไหนไม่ได้ง่าย

คุณเอกชัยกับภรรยา

ภายหลังเมื่อเริ่มมีความชำนาญในการขยายพันธุ์ ประกอบกับแนวโน้มการขายกิ่งพันธุ์มีจำนวนมากขึ้น จึงหยุดขายของตามตลาดนัดแล้วหันมาทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับการเพาะขยายและจำหน่ายโป๊ยเซียนอย่างจริงจัง ขณะที่เพาะขยายพันธุ์ ก็ได้พยายามหาพันธุ์อื่นมาเพาะเสริม จนทุกวันนี้มีพันธุ์โป๊ยเซียนที่จำหน่ายกว่า 100 ชนิด พร้อมไปกับได้ทำต้นส่งเข้าประกวดแล้วได้รับรางวัลชนะเลิศต่างๆ มากมายเพื่อเป็นการสร้างความรู้จักให้แก่คนทั่วไปด้วย

โป๊ยเซียน สามารถขยายพันธุ์ปลูกได้ด้วย 2 แนวทาง คือใช้เมล็ด กับวิธีการปักชำกิ่ง แต่ทั่วไปนิยมใช้การปักชำกิ่งมากที่สุด เนื่องจากกิ่งชำออกรากและติดรวดเร็วมาก เมื่อเทียบกับการปลูกด้วยเมล็ด แล้วยังให้ต้นที่ค่อนข้างเตี้ย รวมถึงทำได้รวดเร็วและได้จำนวนมากในเวลาไม่กี่วัน

กิ่งที่เตรียมปักชำ

คุณเอกชัย บอกว่า แต่เดิมจะขยายพันธุ์ด้วยการเสียบยอด แต่พบว่าทำได้เพียงคนละ 20-30 กิ่ง ซึ่งไม่ทันต่อความต้องการ ดังนั้น จึงเปลี่ยนมาใช้วิธีปักชำแทน เพราะสามารถทำได้มากกว่าพันกว่ากิ่งต่อคน ดังนั้น วิธีปักชำจึงช่วยลดรายจ่าย แล้วยังเพิ่มรายได้

วัสดุปลูกที่สำคัญคือใบก้ามปู จะนำมาผสมกับกาบมะพร้าว โดยใช้ใบก้ามปู 3 ส่วน ดินสัก 1 ส่วน นำมาคลุกเคล้าแล้วปลูก ปุ๋ยคอกไม่ค่อยเหมาะสมนักเพราะที่ผ่านมาเจอเชื้อรา นอกจากนั้น จะใส่ฟูราดานและปุ๋ยเม็ดสูตรเสมอเฉพาะช่วงที่ต้องเปลี่ยนขนาดกระถาง เพื่อเตรียมขาย

ใบก้ามปูวัสดุปลูกที่สำคัญ

ทั้งนี้ จะใส่เพียงครั้งเดียว พอต้นมีอายุสัก 6-7 เดือน ซึ่งใหญ่เกินกระถาง 8 นิ้ว ก็ย้ายมาใส่กระถางใหญ่แล้วใช้สาหร่ายทะเลรดอย่างเดียวในทุก 1-2 อาทิตย์ ต่อครั้ง เพราะเป็นการช่วยเปิดตาดอก โดยใส่ทุกอาทิตย์

โป๊ยเซียนใช้เวลาปลูกและดูแลจำนวน 45-60 วัน ก็สามารถนำไปขาย ลูกค้าที่มาซื้อมีทั้งซื้อแบบมีดอก กับไม่มีดอก โดยจะไปเปิดดอกขายเองเพื่อให้มีกำไรสูง ลูกค้าที่ซื้อไปขายปลีกจะได้กำไรมากกว่าขายส่ง แต่เสี่ยงกว่า โดยราคาขายจากสวนเริ่มที่ 35 บาท ต่อต้น และขายราคาปลีกต้นละ 50 บาท

สร้างโรงเรือนท่ามกลางพันธุ์ไม้หลายชนิดเพื่อความสมดุลทางธรรมชาติ

โรงเรือนปลูกโป๊ยเซียนของคุณเอกชัยใช้พลาสติกเป็นมุ้ง ทั้งนี้ เพราะข้อจำกัดการปลูกโป๊ยเซียนอยู่ในช่วงหน้าฝนที่สร้างปัญหาทำให้ต้นเน่า รากเน่า ดังนั้น หลังคาพลาสติกจะป้องกันน้ำฝนได้อย่างดี ป้องกันความเสียหาย ทำให้ได้จำนวนต้นมากกว่าโรงเรือนชนิดอื่น ถือเป็นทางออกที่ดีที่สุด คุ้มค่าที่สุด เพราะจะช่วยป้องกันความชื้น น้ำค้าง และหมอกได้อย่างดี ไม่ทำให้ต้นเน่าเสียเป็นโรค ถือว่าเป็นโรงเรือนพลาสติกแห่งเดียวในประเทศไทย

“โรงเรือนพลาสติก สามารถปลูกต้นโป๊ยเซียนได้กว่า 300 ต้น ต่อหลัง ถ้าขายราคาเพียงต้นละ 35 บาทก็มีรายได้แล้วหลังละหมื่นกว่าบาท ค่าสร้างโรงเรือนพลาสติกหลังละประมาณ 4,000 บาท ซึ่งสามารถใช้งานไปยาวนาน ดังนั้น แค่ปลูกขายสัก 2 โรงเรือนในรอบเดียว ก็สามารถได้ค่าลงทุนสร้างโรงเรือนคืนแล้ว”

เจ้าของสวนเอกอุดมเผยว่า จะใช้ประสบการณ์ที่คลุกคลีกับโป๊ยเซียนมานานนับสิบปีจนรู้ว่าลูกค้าชอบแนวไหน แล้วจึงเพาะขยายพันธุ์เหล่านั้นเพื่อทำให้มีราคาขายที่สูง กระทั่งเมื่อลูกค้าเข้ามาซื้อในสวนก็จะขายพ่วงกับพันธุ์อื่นร่วมไปด้วย ฉะนั้น จึงทำให้ในสวนเอกอุดมไม่มีพันธุ์ไม้เก่าๆ ตกค้างเหลืออยู่ เพราะมีแต่พันธุ์รุ่นใหม่ที่มีความสมบูรณ์เท่านั้น

หลากหลายพันธุ์เตรียมส่งขาย

นอกจากนั้น ยังชี้ว่าระหว่างกลางปีจะเป็นช่วงผลิตต้นโป๊ยเซียนหรือการเตรียมขุมกำลัง เพื่อไว้จำหน่ายในช่วงปลายปีตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนไปจนถึงประมาณเดือนเมษายน เพราะในช่วงเวลาดังกล่าวเข้าฤดูหนาวที่เริ่มมีกิจกรรมกลางแจ้งหลายประเภท จึงนิยมนำโป๊ยเซียนออกวางขาย ขณะเดียวกัน ผู้ค้ารายย่อยก็จะตระเวนหาซื้อต้นโป๊ยเซียนตามแหล่งผลิตหลายแห่งกันอย่างคึกคัก

การผลิตโป๊ยเซียนของคุณเอกชัยทำได้ตลอดทั้งปี มีจำหน่ายทุกวันและทุกสัปดาห์ แต่ในช่วงฤดูฝนอาจมีจำนวนลดลง แต่เมื่อหมดฝนแล้วเข้าหนาวจะขายดีมาก ที่เตรียมไว้เท่าไรก็ขายได้หมด แถมยังไม่เพียงพอด้วย อย่างไรก็ตาม ลักษณะการขายจะไม่มีการสั่งจอง ไม่มีการมัดจำล่วงหน้า หากใครต้องการให้เดินทางเข้ามาเลือกซื้อที่สวนเท่านั้น

“ลูกค้าหลักเป็นคนนำต้นไม้ไปขายตามงานแสดงต่างๆ แต่ถ้าเป็นช่วงปกติจะส่งอยู่ที่ตลาดดอกไม้คลองสิบห้า ธัญบุรี, ตลาดนัดจตุจักร, บางบัวทอง โดยลูกค้าต้องเดินทางมาเลือกซื้อด้วยตัวเอง ไม่มีการจอง ไม่มีการมัดจำ ใช้หลักใครมาก่อนได้ของดีก่อน”

สีชมพูได้รับความนิยม
ดอกประเภทผสมแกมสีต่างๆ
ประเภทดอกตกระ

ถึงแม้ช่วงหนึ่งความนิยมในตลาดโป๊ยเซียนจะลดลงอันมาจากมีการเพาะขายมาก จนทำให้ราคาตก แต่คุณเอกชัย กลับเดินหน้าผลิตโป๊ยเซียนต่อไปอย่างไม่ลดละ เนื่องจากตลาดลูกค้าของเขามิได้ซบเซาเช่นรายอื่น แต่กลับยังมีการจำหน่ายได้ดีเช่นเดิม ทั้งนี้ เป็นเพราะสวนเอกอุดมผลิตโป๊ยเซียนที่ได้มาตรฐาน มีความสวยงาม ต้น กิ่ง ก้านใบสมบูรณ์เป็นที่ชื่นชอบของตลาดต่างประเทศ

ช่วงกระแสแรงของโป๊ยเซียนคือระหว่างเดือนพฤศจิกายน-มีนาคมในปีถัดไป ถือเป็นเวลา 4 เดือนที่ขายดีมาก จึงทำให้คุณเอกชัยมีรายได้ในช่วงดังกล่าวถึงเดือนละเป็นล้านบาท ถึงกระนั้นก็ยังมีไม่เพียงพอเพราะลูกค้าแต่ละรายจะหาซื้อกันเป็นจำนวนพันต้นขึ้นไป นอกจากนั้น ยังมีลูกค้าต่างประเทศที่ติดตามเพจอีกเป็นจำนวนมาก จึงนับได้ว่าสวนแห่งนี้เป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกไปแล้ว

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณเอกชัย โทรศัพท์ (081) 863-0216 หรือชมความงามของต้นโป๊ยเซียนจากสวนเอกอุดมได้ที่ fb.com/suanaekudom