“ ปลูกขิงแดงในสวนผลไม้ ” ฟันรายได้หลักแสนต่อเดือน แถมตลาดต้องการต่อเนื่อง

“ ขิงแดง ” เป็นไม้ดอกไม้ประดับทำเงินที่น่าสนใจอีกชนิดหนึ่งในยุคนี้  เพราะขิงแดงเป็นพืชที่มีราคาดี ปลูกดูแลง่าย  ขายคล่อง เป็นที่ต้องการของตลาด  ทั้งต้นและดอก  หากใครทำสวนผลไม้ก็สามารถปลูกขิงแดง เสริมรายได้เป็นอย่างดี เรียกว่าโกยรายได้ทะลุหลักแสน ต่อเดือนจากการเพาะปลูกขิงแดงแซมไม้ผล เช่นเดียวกับ “  สมศักดิ์ บันดาล ”  เกษตรกรคนเก่งที่พักอาศัยอยู่ บ้านเลขที่ 43 หมู่ที่ 9 บ้านบึกทองหลาง ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี โทรศัพท์ (086) 131-9640

รู้จัก “ ขิงแดง ” กันสักหน่อย

ขิงแดง ( Red ginger )  ไม่ใช่พืชประจำท้องถิ่น  แต่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากต่างแดน  มีถิ่นกําเนิด อยู่ในประเทศนิวแคลีโดเนีย   หมู่เกาะโซโลมอน  ประเทศวานูอาตู  ขิงแดงตามธรรมชาติ  เติบโตในพื้นที่ที่ระดับนํ้าทะเล จนถึง 650 เมตร

ขิงแดงที่ปลูกผสมผสานกับ ส้มโอ และกล้วยเล็บมือนาง

ขิงแดง เป็นพืชวงศ์เดียวกับขิง ข่า  มีลําต้นใต้ดิน เรียกว่า เหง้า   มีขนาดสั้น แตกสาขาทอดขนานไปกับผิวดินและเป็นที่สะสมอาหาร เหง้ามีสีแดง เส้นผ่าศูนย์กลาง 1-1.5 เซนติเมตร ส่วนลําต้นเหนือดินเป็นกาบใบที่โอบซ้อนกันแน่นเช่นเดียวกับพวกกล้วย ส่วนนี้คือ ลําต้นเทียม  เติบโตเหนือดินสูง 1-2 เมตร หากสมบูรณ์มากหรือขึ้นอยู่ในธรรมชาติอาจสูงถึง 5 เมตร ขึ้นอัดแน่นเป็นกอใหญ่

ใบ เป็นรูปรี  ช่อดอกจะออกที่ยอดช่อดอกยาว ประมาณ 30 เซนติเมตร อาจยาวได้ถึง 90 เซนติเมตร ประกอบด้วย กลีบประดับเรียงซ้อนกันอยู่ กลีบประดับมีสีแดงสดรูปไข่ ปลายแหลม ขนาดยาว 3-4 เซนติเมตร และกว้าง 1.5-2.5 เซนติเมตร ดอกแท้เป็นรูปกรวยสีขาวขนาดเล็ก อยู่ภายในกลีบประดับไม่ค่อยเห็นโผล่ออกมาเหนือกลีบประดับ ดอกแท้มักเหี่ยวแห้งไปในเวลาอันรวดเร็ว คงเหลือแต่ริ้วประดับ ซึ่งคงมีสีสดอยู่เป็นเวลานาน

ดอกขิงแดงสวยงามแปลกตา

ขิงแดงมีหลากหลายสายพันธุ์ ได้แก่   กลุ่มแรกเรียกว่า ขิงแดง ( Red ginger) เป็นสายพันธุ์ที่นิยมปลูกอย่างแพร่หลาย  กลุ่มที่สองเรียกว่า ขิงชมพู    (Pink ginger) เนื่องจากมีกลีบประดับสีชมพู ลักษณะช่อดอกคล้ายขิงแดง  ส่วนกลุ่มที่สาม  เรียกว่า Jungle King มีกลีบประดับสีแดง ช่อดอกจะมีลักษณะมน อ้วนกว่าขิงแดง

กลุ่มที่สี่เรียกว่า Jungle Queen มีกลีบประดับสีชมพูจาง ลักษณะช่อดอกคล้าย Jungle King  กลุ่มที่ห้า  คือ Tahitian มีกลีบประดับสีแดง และมักจะมีช่อดอกแขนงจํานวนมาก แตกจากช่อดอกหลัก ทําให้มีลักษณะเป็นช่อใหญ่และกลุ่มสุดท้ายคือ Kimi เป็นพันธุ์ที่เกิดจากการเพาะเมล็ดของขิงชมพู กลีบประดับมีสีชมพูเหลือบแดง สวยงามมาก ลักษณะช่อดอกคล้ายขิงแดง

 จุดเปลี่ยน “ ปลูกขิงแดงผสมผสานในสวนผลไม้ ”

เดิมทีครอบครัวคุณสมศักดิ์  มีรายได้หลักจากการ ปลูกข้าวโพด ทำนา ปลูกกล้วยน้ำว้า มะม่วงแก้ว  ต่อมาการทำสวนผลไม้เจอปัญหาโรคและแมลงรบกวน จึงได้ผลผลิตน้อยและเจอปัญหาผลไม้ล้นตลาด ขายผลผลิตได้ราคาต่ำ คุณสมศักดิ์จึงเปลี่ยนมาปลูกส้มโอออกขาย  แต่ทำรายได้ต่ำกว่าที่ต้องการ ต่อมา พี่ชายของภรรยา ได้แนะนำให้คุณสมศักดิ์ทดลองปลูกขิงแดงแซมในสวนส้มโอ ปรากฎว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ พลิกฟื้นฐานะและรายได้ให้มีความมั่นคงอย่างต่อเนื่อง

ขิงแดงที่ปลูกใต้ร่มเงาต้นกล้วยเล็บมือนาง

คุณสมศักดิ์สรุปข้อดีของขิงแดง  ว่า  ขิงแดง สามารถปลูกร่วมกับพืชอื่นได้   สามารถเจริญเติบโตได้ดีในสภาพดินทั่วไป ที่สำคัญเป็นพืชที่ไม่ต้องการแสง สามารถอาศัยร่มจากไม้ที่โตกว่า จึงเหมาะกับการปลูกแซมในสวนส้มโอ

การปลูกดูแล

การลงทุนในระยะแรก คุณสมศักดิ์ปลูกต้นขิงแดงเพียง 60 หลุม เท่านั้น  โดยปลูกขิงแดง  3 ชนิด ได้แก่  สีแดง สีชมพู และสีบานเย็นปลูกในระยะห่าง  60×80 เซนติเมตร ขุดหลุมลึก 20 เซนติเมตร  ขั้นตอนการปลูกขิงแดง เริ่มจากขุดหลุมทิ้งไว้ล่วงหน้าก่อน 1 วัน ใส่ปุ๋ยคอกลงไปผสมกับดินก้นหลุม จากนั้นก็นำหน่อขิงแดง ประมาณ 3 หน่อ ลงหลุม กลบดินและรดน้ำ

สภาพสวนเกษตรผสมผสานแห่งนี้ มีต้นส้มโอ อายุ 7 ปีขึ้นไป มีร่มเงา สามารถพรางแสงแดดได้ 60 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าจุดที่ปลูกไม่มีร่มไม้ ก็จะขึงตาข่ายพรางแสงช่วย อีกทั้งสภาพดินเป็นดินร่วนปนเหนียว มีแหล่งน้ำตลอดทั้งปี จึงเหมาะสำหรับปลูกพืชชนิดนี้

ขิงแดงที่ปลูกผสมผสานกับ ส้มโอ และกล้วยเล็บมือนาง

การปลูกขิงแดง จะใช้วิธีการขยายพันธุ์ใช้วิธีการแยกกอจากต้นที่มีอายุ 4-5 เดือนขึ้นไป หรือเลือกจากกอที่สมบูรณ์แข็งแรง โดยขุดหลุมลึกประมาณ 20 เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างต้น 60 เซนติเมตร และระหว่างแถว 80 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยเคมีหรือปุ๋ยชีวภาพ นำต้นพันธุ์ลงปลูกหลุมละ 4-5 ต้น กลบดินโคนต้น แล้วรดน้ำให้ชุ่ม

หลังปลูกให้ดูแลรดน้ำทุกวัน โดยใช้ระบบสปริงเกลอร์เปิดน้ำครั้งละครึ่งชั่วโมง หากอากาศในช่วงกลางวันร้อนจัด ดินแห้งเร็วจะให้น้ำเพิ่มเป็นครั้งละ 45 นาทีถึง 1 ชั่วโมง ดังนั้นพื้นที่ปลูกจะต้องมีแหล่งน้ำที่พอใช้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง   คุณสมศักดิ์ใช้ปุ๋ยชีวภาพปั้นเม็ดผสมกับปุ๋ยเคมีสูตร 25-7-7 อย่างละ 1 ส่วน ใส่รอบโคนต้นเดือนละครั้ง ครั้งละประมาณ 1 กำมือ

ด้านตลาด

หลังจากปลูก 8 เดือน  สามารถขุดขิงแดงออกขายได้ทั้งกอโดยมีพ่อค้ามารับซื้อในราคากอละ 100 บาท  พ่อค้าจะส่งคนงานมาขุดยกกอ โดยคัดเลือกขิงแดงที่มีขนาดตรงกับความต้องการของตลาด คือ ขนาดความสูง 70-150 เซนติเมตร  รูปทรงพอเหมาะ กอละ  20 หน่อ ต่อกอ มีดอก 3-5 ดอก  เกษตรกรหมุนเวียนขุดขายได้เดือนละ 2-3 ครั้ง ครั้งละประมาณ 200 กอ

ขิงแดงเป็นพืชที่มีลู่ทางการเติบโตทางการตลาดที่แจ่มใสมาก  เป็นที่ต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่องทั้งปี  สร้างงานและรายได้ที่มั่นคงให้แก่คุณสมศักดิ์และครอบครัว   คุณสมศักดิ์จึงตัดใจขยายพื้นที่ปลูกขิงแดงเพิ่มขึ้นจนเต็มเนื้อที่ 10 ไร่

ขิงแดงที่ขุดขาย ในราคากอละ 100 บาท

ดอกขิงแดงมี สีสันสดใส งดงาม ดอกมีลักษณะสวยแปลกตา และให้ผลผลิตได้ตลอดทั้งปี ทุกวันนี้  คนไทย จำนวนมากจึงนิยมใช้ ต้นขิงแดง จัดสวนกลางแจ้ง   โดยแหล่งรับซื้อใหญ่อยู่ที่ตลาดดงบัง จังหวัดปราจีนบุรี  ขิงแดงที่ถูกขุดออกไปขาย คุณสมศักดิ์ จะขุดแยกหน่อขิงแดงจากกอข้างๆ มาปลูกทดแทน ทำให้ประหยัดเงินในการหาหน่อใหม่มาปลูก

กอขิงแดงที่พร้อมส่งไปขายตลาดดงบัง

ปัจจุบันสวนแห่งนี้ ปลูกพืชแบบผสมผสาน โดยปลูกไม้โตเร็ว เช่น ทุเรียน มังคุด มะไฟ มะนาว กล้วยเล็บมือนาง ไม้คลุมดิน เช่น ไม่ประดอกไม้ประดับ   ใช้ประโยชน์จากที่ดินให้ได้มากที่สุด   ด้านการดูแลรักษาไม่ยุ่งยากเนื่องจาก พืชแต่ละชนิดสามารถเกื้อกูลกันได้ เช่น การให้น้ำ การให้ปุ๋ย  การทำสวนผลไม้แบบผสมผสานโดย ใช้พื้นที่ว่างใต้ต้นไม้ผล ปลูกขิงแดงขายเป็นรายได้เสริม ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง เพราะตลาดซื้อขายไม้ดอกไม้ประดับมีความต้องการมาก  สามารถสร้างรายได้ได้ตลอดทั้งปี เฉลี่ยเดือนละ 100,000 บาท/ไร่

หากผู้อ่านท่านใด อยากสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปลูกขิงแดง หรือสนใจอยากซื้อสินค้าจากสวนแห่งนี้ สามารถติดต่อสอบถามไปได้ที่ คุณสมศักดิ์   บรรณดาล  เบอร์โทรศัพท์  086-1319640