พลิกชีวิตจากพ่อค้าเงินหมื่นสู่เอสเอ็มอีเข้มแข็ง “บ้านมะขาม” สินค้าขายดีในร้านเซเว่นฯ

ทุกครั้งที่เดินเข้าร้านเซเว่นฯจะพบว่ามีสินค้าหลากหลายให้เลือกซื้อ โดยเฉพาะสินค้าเอสเอ็มอีที่มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก็เชื่อว่าสินค้าทุกตัวขายดีไม่แพ้กัน เพราะทั้งรสชาติและคุณภาพสินค้าที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคอย่างเราๆ ยกตัวอย่าง ผลิตภัณฑ์มะขามคลุกเสวยของบ้านมะขาม ยามว่าง ยามง่วงเหงาหาวนอน เป็นอาหารทานเล่นที่น่าสนใจทีเดียว ด้วยรสชาติที่จี๊ดจ๊าด บรรจุอยู่ในกล่องพลาสติกขนาดกระทัดรัดสะดวกกับการบริโภค รับประทานไม่หมดก็ปิดฝาเก็บไว้รับประทานครั้งต่อไปได้ เป็นพัฒนาการอีกขั้นของสินค้าเกษตรที่ต่างจากในอดีต

ปัจจุบันผลิตภัณฑ์บ้านมะขามที่มีหลากหลายรูปแบบให้เลือกว่า 18 รายการ โดยสินค้าที่เป็นไฮไลท์ หรือสินค้าขายดี เช่น  มะขามคลุกเสวย  มะขามเคี้ยวหนึบ และ มะขามเปรี้ยวแซ่บ ด้วยจุดเด่นในเรื่องของ รสชาติหวาน หนึบ เคี้ยวสนุก และ เพิ่มความสดชื่น

เห็นพัฒนาการของสินค้าบ้านมะขาม ทำให้นึกถึงเจ้าของผลิตภัณฑ์ที่มีความน่าสนใจไม่แพ้ผลิตภัณฑ์  เท่าที่ทราบข้อมูลกิจการบ้านมะขาม เป็นของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่เริ่มต้นจากศูนย์  โดยนิวัฒน์  โฆวงศ์ประเสริฐ ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของสินค้าบ้านมะขาม บอกว่า  ก่อนจับพลัดจับผลูมาขายมะขาม  เดิมทีตัวเขาก็ทำธุรกิจเฟอร์นิเจอร์มาก่อน  แต่พอเจอวิกฤตปี 40 ทำงานไม่ได้เงิน และโดนธนาคารเจ้าหนี้ฟ้องร้อง   ทำให้ต้องมองหารายได้จากส่วนอื่นมาเสริม  ภรรยาคือ พัชรี โฆวงศ์ประเสริฐ   ก็พยายามมองโอกาสใหม่ๆ จึงมีความคิดว่า อย่างไรคนก็ต้องกิน  ไม่ว่าจะเจอวิกฤตขนาดไหนก็ตาม  แล้วอาหารว่างประเภทรับประทานเล่นๆ (สแน๊ก) ก็เป็นที่นิยมของสาวออฟฟิศ พัชรีจึงปิ้งไอเดียในการแปรรูปมะขามมาทำเป็นของกินเล่น เพราะโดยส่วนตัวเป็นคนจังหวัดเพชรบูรณ์ จึงคุ้นเคยกับมะขามหวาน  ซึ่งในเวลานั้นยังไม่มีใครสนใจนำมะขามมาทำเป็นของทานเล่นมาก่อน

เมื่อเห็นโอกาสก็เริ่มลงมือทำทันที จากจุดเริ่มต้นที่ใช้เงินลงทุนเพียงหลักหมื่นบาท ทดลองทำมะขามให้เพื่อนๆชิม ก็สามารถขยายตลาดและเพิ่มช่องทางได้อย่างต่อเนื่อง  ทุกอย่างดูเหมือนจะไปได้ดีแต่ต่อมาไม่นานมีคู่แข่งหน้าใหม่เข้ามาแข่งในตลาด ใช้กลยุททธ์การตัดราคาขาย ทำให้ธุรกิจบ้านมะขามต้องสะดุดไปเล็กน้อย

ในห้วงเวลานั้น นิวัฒน์ จำต้องหาทางยกระดับสินค้า พัฒนาผลิตภัณฑ์  การสร้างแบรนด์และเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ๆ ประจวบเหมาะกับในปี 2545 มีเพื่อนแนะนำให้ลองขายสินค้าผ่าน ร้านเซเว่นฯ  จึงกลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของธุรกิจนี้ ที่ช่วยยกระดับจากธุรกิจครอบครัวสู่ธุรกิจเอสเอ็มอีอย่างเต็มตัว

นิวัฒน์ เล่าว่า ในตอนนั้นเห็นเทรนด์ผู้บริโภคที่ชอบความสะดวกสบายในการซื้อสินค้า จึงมองช่องทางร้านสะดวกซื้อเป็นโอกาสในการขยายตลาด ซึ่งในช่วงนั้น ร้านเซเว่นฯ ก็กำลังมองหาสินค้าแปลกใหม่มาขายในร้านอยู่พอดี สินค้าของบ้านมะขาม จึงได้จังหวะเข้าไปวางจำหน่ายในร้านเซเว่นฯ

“การที่เราตัดสินใจนำสินค้าไปวางขายที่ร้านเซเว่นฯ ในปี 2545 ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะนอกจากยอดขายจะเพิ่มขึ้นแล้ว ยังทำให้แบรนด์ของบ้านมะขามเป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยเจ้าหน้าที่เซเว่นฯ ได้มาช่วยให้คำแนะนำในเรื่องของการตลาด การพัฒนาคุณภาพสินค้า และบรรจุหีบห่อเพื่อให้สะดุดตากับผู้บริโภค  ทางเซเว่นฯ แนะนำให้เราเปลี่ยนแพคเกจใหม่เป็นซองลามิเนต เพื่อความทันสมัยและรักษาความสะอาด ซึ่งถือเป็นรายแรกในกลุ่มเอสเอ็มอีที่ทำในรูปแบบนี้  สินค้าของบ้านมะขามจึงโดดเด่น มีแพคเกจและแบรนด์เป็นที่น่าสนใจในตลาด เซเว่นฯ จึงถือเป็นครูคนแรกที่ทำให้แบรนด์บ้านมะขามเติบโตอย่างในปัจจุบัน” นับตั้งแต่สินค้าบ้านมะขามขายผ่านช่องทางร้านเซเว่น ยอดขายก็เติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 20% จนปัจจุบันยอดขายสินค้าผ่านร้านเซเว่นฯมีมากกว่า 40%

เซเว่นฯ จึงเป็นเหมือนสปริงบอร์ด ที่ช่วยผลักดันให้ธุรกิจครอบครัวเล็กๆ กลายมาเป็นเอสเอ็มอีที่เข้มแข็ง ซึ่งความสำเร็จเหล่านี้ ไม่ได้มาด้วยความบังเอิญ แต่เกิดมาจากการร่วมกันพัฒนา ระหว่างผู้ผลิตสินค้า และทีมงานจำหน่ายสินค้าของเซเว่นฯ เห็นความช่วยเหลือเอสเอ็มอีอย่างจริงจังของเซเว่นฯ ก็ดีใจแทนคนไทย เพราะบ้านมะขามอาจจะเป็นตัวอย่างเล็กๆ แต่มีเอสเอ็มอีอีกมากมายที่เซเว่นฯให้การสนับสนุนส่งเสริม เพราะนโยบายของซีอีโอ ซีพี ออลล์ ธานินทร์ บูรณมานิต

ย้ำอยู่กับทีมงานตลอดเวลาถึงนโยบายในการส่งเสริมและสนับสนุนสินค้าจากผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็กหรือเอสเอ็มอี ที่ผลิตสินค้ามีคุณภาพมาตรฐานและเป็นที่นิยมจากประชาชน โดยบริษัทจะทำหน้าที่เป็นช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี จำนวนกว่า 20,000 รายการ เพื่อส่งสินค้าตรงถึงมือผู้บริโภคผ่านสาขาร้านเซเว่นฯ ทั่วประเทศ และบริษัท ทเวนตี้โฟร์ ช้อปปิ้ง จำกัด ที่มีช่องทางการจำหน่ายผ่านนิตยสารทเวนตี้โฟร์แคตตาล็อก ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ และอีคอมเมิร์ซ ซึ่งสามารถรองรับความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ ช้อปปิ้งสะดวกตลอด 24 ชั่วโมง