ลงทุนจนท้อแต่กัดฟันสู้ต่อ! รถเข็นโชว์สินค้า Relux ปัจจุบันโดนใจลูกค้าทั้งไทย-เทศ

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ไฟแรง กำลังมองหาอาชีพใหม่หรือเกี่ยวข้องกับอาชีพธุรกิจ SMEs เดิมที่กำลังทำอยู่ เช่น อาหาร เครื่องดื่ม เครื่องประดับ เครื่องสำอาง ฯลฯ เรารู้ว่านอกจากคุณจะมีสินค้าคุณภาพยอดเยี่ยมแล้ว คุณยังต้องการมีภาพลักษณ์ที่โดดเด่นในการโชว์สินค้า ชวนให้ลูกค้าที่ผ่านไปมา เข้ามาแวะเยี่ยมชม…เราจึงมีข่าวดีสำหรับคุณ!”

อ่านข้อความในแผ่นพับโฆษณาดังว่า จึงเงยหน้ามองหาต้นเรื่อง ครั้นกวาดสายตาพิจารณาเพียงแว่บเดียว ตัดสินใจได้ทันที “เส้นทางเศรษฐีออนไลน์” ต้องมีเรื่องราวของสินค้าตัวนี้ มานำเสนอให้ได้ ครั้นทาบทามถามถึงเจ้าของกิจการ พนักงานฝ่ายขาย จึงกุลีกุจอติดต่อให้ ด้วยความเต็มใจอย่างยิ่ง

คุณเอกชัย วีระนพรัตน์ เจ้าของกิจการ ผู้ผลิตและจำหน่าย รถเข็นโชว์สินค้าดัดแปลง ภายใต้  แบรนด์ “Relux-รีลักส์” กรุณาสละเวลามานั่งพูดคุยด้วยอัธยาศัยเป็นกันเอง เริ่มต้นให้ฟังว่า เต่เดิมกิจการของครอบครัวเขาเป็นโรงงานผลิตอัลบั้มรูป มาในระยะหลังตลาดเริ่มซบเซา จึงเกิดความคิดนำเครื่องจักรในการผลิตอัลบั้มรูป ไปสร้างสินค้าประเภทอื่น

ประกอบกับการวิเคราะห์ความต้องการของ “คนรุ่นใหม่” ในยุคนี้ ที่มีหลายคนอยากมีอาชีพอิสระ ทำธุรกิจในแบบที่ชอบ หรือแม้กระทั่งคนที่มีงานประจำอยู่แล้ว ก็ยังอยากใช้เวลาว่าง ช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ ออกค้าขายเพื่อหารายได้เสริม

“รถเข็นโชว์สินค้าน่าจะเป็นเครื่องมือชิ้นหนึ่ง ที่ช่วยให้คนอยากค้าขายมีฝันที่เป็นจริง  โดยผมมีแนวคิดตั้งต้นว่า คุณมีสินค้าและทำเล ส่วนเราจะเข้าไปช่วยเหลือในขั้นตอนการจัดระบบดิสเพลย์ให้เหมาะสมกับสินค้าของคุณ” คุณเอกชัย อธิบาย

จนราวปี 2547 สินค้าล็อตแรก ถูกนำออกมาอวดโฉมในท้องตลาด ซึ่งคุณเอกชัย เล่าว่า ลูกค้ากลุ่มแรกที่มาอุดหนุนนั้น เป็นกลุ่มดั้งเดิมที่ทำธุรกิจค้าขายอัลบั้มรูปหรืออุปกรณ์สำนักงานกันมาก่อนหน้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจชาวต่างชาติ ที่เห็นว่ามันมีความน่าสนใจ

“รถเข็นโชว์สินค้าที่ทำออกมารุ่นแรก เป็นโมเดลจำลองของโรสรอยซ์ และรถรุ่นนโปเลียนสมัยสงครามโลก โดยลูกค้าชาวญี่ปุ่นและมาเลเซีย นำไปวางขายคุกกี้และไอศกรีม ที่ประเทศของพวกเขา ปรากฏว่ามันเวิร์ก หลังจากนั้นจึงมีลูกค้าทยอยสั่งทำในแบบอื่นเข้ามาเรื่อยๆ” คุณเอกชัย เล่าให้ฟังและว่า กระทั่งถึงปัจจุบัน มีสินค้าอยู่ในสต๊อกหลายสิบแบบ

ถามถึงความโดดเด่นของสินค้าในแบบของเขา เจ้าของกิจการท่านเดิม แจงว่า เป็นรถเข็นโชว์สินค้าที่จำลองมาจากโมเดลดั้งเดิม ซึ่งมีสเกลใกล้เคียงของจริงมาก ก่อนนำมาดัดแปลง แก้ไข ออกแบบพื้นที่ใช้งาน ให้มีคุณสมบัติการใช้งานได้ทุกส่วน รวมทั้งติดตั้งระบบไฟให้มีความสวยงามควบคู่กันไป

เมื่อขออนุญาตถามไถ่ถึงเงินลงทุน คุณเอกชัย เผยเปิดอก

“5 ปีแรก ลงแต่ทุนล้วนๆ แบบไม่เห็นผลตอบแทนอะไรกลับมาเลย เพราะลูกค้าไม่เห็นสินค้าเขาไม่กล้าซื้อ เราเองก็ไม่สามารถขายฝันหรือขายภาพวาดได้ เพราะสิ่งที่จะขายได้ คือ จับต้องได้ เห็นคุณภาพก่อน ลูกค้าถึงจะยอมซื้อ ยอมทำธุรกิจกับเรา แรกๆเราลงทุนไปกับการทำตัวอย่างสินค้าเยอะมาก”

 มาถึงขั้นตอนของการประชาสัมพันธ์เพื่อแนะนำตัวกับลูกค้าเป้าหมาย คุณเอกชัย ใช้วิธีร่วมออกงานแฟร์เป็นหลัก  เพราะสินค้าของเขาต้องการพื้นที่ในการจัดแสดงพอสมควร ซึ่งลูกค้าหลัก ถึง  90 เปอร์เซ็นต์ เป็นต่างชาติ โดย 60 เปอร์เซ็นต์ อยู่ในเอเชีย อีก 30 เปอร์เซ็นต์ อยู่ในโซนยุโรป อเมริกา และแอฟริกา ส่วนลูกค้ากลุ่มคนไทยอีก 10 เปอร์เซ็นต์นั้น มักอยู่อุตสาหกรรมโรงแรมและการท่องเที่ยว

“สินค้าของผมไม่ใช่ตลาดใหญ่  แต่เป็นช่องว่างในตลาด  คือ มีลูกค้าต้องการ แต่ไม่มีใครทำให้ ก่อนหน้านี้หากอยากได้จริงๆ ต้องไปจ้างคนออกแบบ แก้งานกันจนกว่าจะพอใจ ซึ่งงบอาจบานปลาย แต่ของเราไม่ใช่ เพราะมีของจริงให้เห็นกันชัดๆ ความเสี่ยงลูกค้าจึงต่ำ คุมงบได้ และยังสามารถเปลี่ยนสี หรือใส่โลโก้ของตัวเองได้ตามต้องการ บอกมาเลยจะวางตรงตำแหน่งไหนของรถ” คุณเอกชัย ว่ามาอย่างนั้น

ก่อนขอเสริมอีกว่า  สินค้าในแบบของเขาเป็นกึ่งงานฝีมือ เป็นงานศิลปะ เปรียบเทียบหากการผลิตรถยนต์เป็นเหมือนรูปดิจิตอล งานของเขาจะเป็นรูปวาด ซึ่งมีความยาก-ง่ายผิดกัน

“อุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ สามารถปั๊มออกมาได้คราวเดียวเป็นพันเป็นหมื่นคัน แต่งานของผม คันเดียวก็ทำให้ สิบคันก็ทำให้ แต่ถ้าเป็นมาร้อยคันทำให้ไม่ได้” คุณเอกชัย บอก

แม้ตลอดหลายปีที่ดำเนินกิจการมา รถเข็นโชว์สินค้า Relux มักเป็นที่รู้จักในกลุ่มนักลงทุนต่างชาติเท่านั้น แต่ในปัจจุบัน เริ่มมีกลุ่มลูกค้าคนไทยหันมาสนใจมากขึ้นตามลำดับ คุณเอกชัย จึงวิเคราะห์ให้ฟังว่า อาจเป็นเพราะ ลูกค้าต้องการความแปลกใหม่ ไม่ใช่สิ่งที่จำเจ ทำให้การแข่งขันในทุกด้านสูงขึ้น ไม่เว้นแต่การตกแต่งหน้าร้านเพื่อดึงดูดลูกค้า เพราะทุกวันนี้ต่อให้สินค้าคุณดีขนาดไหน  หากการตกแต่งหน้าร้านไม่โดน” คงดึงลูกค้าเข้าร้านไม่ได้

“ขั้นตอนแรกของการขายของ คุณต้องทำยังไงก้ได้ให้ลูกค้าเข้าร้าน การตกแต่งหน้าร้านจึงเป็นตัวดึงดูดสำคัญ เมื่อลูกค้าเข้ามาแล้วเห็นสินค้าที่วางจำหน่าย ถ้าสินค้าดีเขาก็ซื้อ กลับกันถ้าสินค้าดี แต่ตกแต่งร้านไม่สวย  ลูกค้าคงแค่เดินผ่าน ปิดการขายตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลย” คุณเอกชัย ยกตัวอย่างเห็นภาพชัดเจน

 สนทนามาถึงตรงนี้ คุณเอกชัย มีตัวอย่างจริงมาเล่าสู่กันฟัง มีนักลงทุนชาวไต้หวัน ซื้อรถเข็นโชว์สินค้าของเขาไปวางหน้าร้านอาหารของเขาเองในบริเวณห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เพื่อการตกแต่งสวยงาม เนื่องจากมีความชอบรถคลาสสิคเป็นทุนเดิม แต่กลับมีลูกค้ามามุงดูและขอถ่ายรูปกันเป็นจำนวนมาก

เจ้าของร้านอาหารนั้น จึงเกิดไอเดียนำอาหารประเภท “เทค โฮม” มาวางขายบนรถเข็นดังกล่าว ปรากฏว่าขายดีไม่แพ้ขายในร้าน โดยมียอดเพิ่มกว่า 30 เปอร์เซ็นต์  และทำท่าจะเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ

ถามถึงความยากในการทำธุรกิจ คุณเอกชัย ยิ้มน้อยๆ ก่อนบอก  กิจการนี้ ตั้งต้นด้วยทุนค่อนข้างมาก อาศัยการทำตลาดที่หนักมาก เพราะช่วงแรกลูกค้าไม่เข้าใจ เขาชอบมาถ่ายรูป สวยดี ตื่นเต้น แต่ไม่ซื้อ

“ด้วยการลงทุนจำนวนมากในช่วงแรก ที่หมดไปทั้งกับการผลิตโมเดลใหม่ๆ การตลาด การออกบู๊ธ การทำโปรโมชั่น บอกตรงๆ เลยว่าท้อเหมือนกัน  แต่ที่สู้ต่อ เพราะเชื่อว่าธุรกิจนี้ต้องไปได้แน่นอน และถ้าดูจากผลตอบรับทุกวันนี้ พอสรุปได้ว่าความเชื่อของผมวันนั้น มันไม่ผิด” คุณเอกชัย บอกมา

สำรวจสินค้าที่ตั้งโชว์อยู่อย่างตั้งใจ จึงบอกไปตรงๆ ไม่น่าเชื่อว่าฝีมือไทย คุณเอกชัย หัวเราะเบาๆ ก่อนเล่า  มีหลายคนบอกอย่างนี้ แม้ลูกค้าบางคนยังไม่เชื่อใจ เขาต้องขับรถพาลูกค้าคนนั้นไปดูที่ถึงโรงงานผลิตย่านวงเวียนใหญ่

“ลูกค้าหลายคนไม่เชื่อใจ บอกคนไทยทำไม่ได้หรอก ต้องไปจ้างใครมาทำแน่ๆ ผมก็เข้าใจนะ ว่าวัฏจักรมันเป็นอย่างนี้จริงๆ เขามองว่าสินค้าในเมืองไทยส่วนใหญ่มาจากจีนแทบทั้งนั้นแล้วแต่จริงๆ คนไทยยังทำกันอยู่ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่มีความละเอียดต้องใช้ความเชี่ยวชาญสูง คนไทยยังทำได้อยู่”

เกี่ยวกับช่องทางจำหน่ายในปัจจุบัน คุณเอกชัย บอกนอกจากร่วมออกงานแฟร์แล้ว เขายังมี เว็บไซต์ แต่ส่วนใหญ่มักได้แต่ลูกค้าต่างชาติ แต่ใจจริงแล้วอยาก เขาอยากให้คนไทยหันมาให้ความสำคัญกับการดิสเพลย์บ้าง เพื่อผลดีในระยะยาว

“เคยเจอลูกค้ารายหนึ่ง เขาใช้คีออสแบบไม้อัด  พอไปอยู่กลางแจ้ง ตากฝนจนไม้มันบวม ปิดประตูไม่ได้ ต้องขนไปซ่อม กว่าจะซ่อมเสร็จก็ใช้เวลานาน ทำให้ขาดรายได้โดยใช่เหตุ แต่รถเข็นของผม หากใช้งานปกติ 2-3 ปีไม่ต้องดูแลอะไรเลย”

“รถเข็นโชว์สินค้าแบบนี้ ราคาสูงเริ่มต้นที่ 6 หมื่นบาท ไล่ไปจนถึงกว่า 4 แสนบาท ขึ้นอยู่กับขนาด และการใช้งาน แต่หากคิดถึงผลตอบแทนในระยะยาว และภาพลักษณ์ที่จะได้กลับมา ผมว่ามันคุ้มมาก” คุณเอกชัย ฝากทิ้งท้ายไว้อย่างนั้น

สนใจรถเข็นโชว์สินค้า Relux ที่สามารถดัดแปลงให้ลงตัวกับทุกอาชีพ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณเอกชัย วีระนพรัตน์ เลขที่ 98/16 หมู่ 11 ถนนพุทธมณฑลสาย 5  ต.ไร่ขิง อ.สามพราน จังหวัดนครปฐม 73210 โทรศัพท์ 081-817-9345  หรือเว็บไซต์ www.reluxplus.com  อีเมล [email protected]