นักธุรกิจนานาชาติ ตอบรับอย่างดี “หมอนยางพารา-แบรนด์กลางกยท.”

สืบเนื่องจาก การยางแห่งประเทศไทย หรือ กยท. ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ โครงการผลิตหมอนยางพารา กับสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางพารา และภาคเอกชนอย่างบริษัท เลย์เทกซ์ (ประเทศไทย) จำกัด  ในการผลิตและร่วมมือทางการตลาด เพื่อจัดตั้งแบรนด์กลางของ กยท. พัฒนากระบวนการผลิต เพิ่มช่องทางในการทำตลาดและส่งออกเพื่อเพิ่มมูลค่ายางพาราให้สูงขึ้น โดยหลังจากได้ลงพื้นที่เพื่อไปอบรมให้ความรู้กับสถาบันเกษตรกร   ให้สามารถผลิตหมอนยางพาราให้ตรงตามมาตฐานการส่งออกไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมาจากโครงการนำร่องที่ชื่อว่า “นครศรีโมเดล” นั้น

ล่าสุด ผลิตภัณฑ์รุ่นแรกของเกษตรกรซึ่งถูกพัฒนาโดยกลุ่มสถาบันเกษตรกรทั้งสิ้น 8 แห่งจากทั่วประเทศได้เสร็จสมบูรณ์ พร้อมออกแสดงสู่สาธารณะชนแล้ว โดยมีการจัดแสดงรุ่นแรกภายในงาน “GLOBAL  RUBBER LATEX & TYRE EXPO” หรือ GRTE 2018 ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้านานาชาติที่เกี่ยวกับนวัตกรรมเทคโนโลยี ซึ่งผู้ร่วมงานหลักเป็นกลุ่มนักธุรกิจส่งออกและนำเข้าที่เดินทางมาจากทั่วทุกมุมโลก และได้รับการตอบรับที่ดีอย่างมากจากกลุ่มนักธุรกิจต่างประเทศที่มาติดต่อ เพื่อขอเป็นตัวแทนจำหน่ายแล้วหลายราย

โดยช่วงแรกที่นำสินค้าออกสู่ตลาดนี้ บริษัท เลย์เทกซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะภาคเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญด้านการผลิตและส่งออกยางพารามากว่า 45 ปี จะช่วยสนับสนุนในด้านการผลิตรุ่นอื่นๆ ก่อน และในระหว่างทางจะคอยให้ความรู้ คำแนะนำสถาบันเกษตรกรให้สามารถผลิตผลผลิตให้ครอบคลุมทุกรุ่นของแบรนด์กลางกยท.นี้ได้ ซึ่งถือเป็นเป้าหมายสูงสุดของโครงการฯเพื่อที่จะเพิ่มมูลค่าให้กับยางพาราไทยอย่างยั่งยืน เพิ่มรายได้ที่มั่นคงและทำให้สินค้าที่ชื่อว่าเป็นสินค้าจากสถาบันเกษตรกรของไทยไปได้ไกลถึงระดับโลก

สำหรับหมอนยางพารา โดยแบรนด์กลางกยท.นี้ จะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ในงาน STYLE 2018 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 19-23  เม.ย.นี้  ที่ศูนย์การแสดงสินค้าไบเทคบางนา โดยได้วางแนวทางการตลาดไว้อย่างชัดเจน ซึ่งจะเป็นมากกว่าคำว่า หมอนยางพาราคุณภาพ แต่จะบวกด้วยการดีไซน์ที่โดดเด่นและสวยงาม ผนวกกับการเล่าเรื่องของผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มมูลค่าการส่งออกให้มากยิ่งขึ้น

และเหนือสิ่งอื่นใด การที่กยท. และภาคเอกชนได้เข้ามาช่วยเหลือเกษตรกรในเรื่องของช่องทางการตลาดเพื่อรองรับผลผลิตในครั้งนี้ คณะผู้เชี่ยวชาญของโครงการฯยังมีความยินดีที่จะลงพื้นที่ไปให้ความรู้และคำแนะนำเกษตรกรในภูมิภาคอื่นๆในกระบวนการผลิตให้สามารถผลิตหมอนและที่นอนที่ตรงตามมาตรฐานการส่งออกให้มุ่งสู่ตลาดโลกได้อย่างภาคภูมิในอนาคตอันใกล้