ชีวิตติดลบเพราะเจ๊งหุ้น ล้างหนี้หลายล้านได้ ด้วย“ผัดไทย”

คุณสุภาดา ตะวันดา เคยเป็นเจ้าของบริษัทออกแบบกิจการใหญ่โต แต่มีอันต้องเป็นคน “มีหนี้” หลักหลายล้านบาท อันเนื่องมาจากภาวะความปั่นป่วนของตลาดหุ้น เมื่อราวปี 2547

จากที่เคยมีทรัพย์สินมูลค่านับสิบล้าน กลับต้องหมดตัวภายในช่วงเวลาเพียงข้ามคืน

“พอเกิดเหตุการณ์นั้นพยายามตั้งสติ ก่อนจะหันเหมาเปิดร้านอาหารเล็กๆอยู่กับบ้าน ขายอาหารตามสั่งรายรับพออยู่ได้ และมีผัดไทย เป็นตัวขายดีสุด” สาวใหญ่ เจ้าของเรื่องราว ย้อนความทรงจำไปเมื่อราว พศ.2554

ทำอยู่ได้ไม่นาน รู้สึกไม่ใช่ตัวเอง เพราะต้องอยู่นั่งเฝ้าร้านทุกวัน จึงเข้าไปเปิดขายในห้างสรรพสินค้า สุดท้ายได้ทำเลในฟู้ดคอร์ตของห้าง ไชน่าเวิลด์ ย่านวังบูรพา ใช้ชื่อว่า “ร้านบลูตะวัน” และถึงแม้จะเป็นร้านอาหารตามสั่ง แต่เมนูเดียวที่ขายดีมากเหมือนเดิม ก็คือ “ผัดไทย”

“เป็นคนชอบทาน-ชอบทำผัดไทย และมีสูตรซอสผัดไทยที่เก็บได้นานเป็นเดือนยังอร่อยอยู่ แต่ไม่อยากจำเจมีชีวิตผูกติดกับร้านอยู่ที่เดียวตลอดเวลา จึงคิดขยายธุรกิจในรูปแบบของแฟรนไชส์ เลยไปเข้ารับการอบรมกับทางสมาคมแฟรนไชส์ไทย จนสามารถตกตะกอนความคิดได้ออกมาเป็นระบบ” คุณสุภาดา เล่า

และว่า หลังจากเข้ารับการอบรมหลักสูตรแฟรนไชซีแล้ว ใช่ว่าจะขายแฟรนไชส์ได้เลย ต้องทำสาขาของตัวเองให้แข็งแรงก่อน ในทุกเรื่อง ทั้งรสชาติ การจัดเก็บ การจัดส่งวัตถุดิบ การแก้ไขปัญหา ข้อดี-ข้อเสีย กระทั่งเกิดความมั่นใจ

กระทั่งปี 2556 เปิดขายแฟรนไชส์ “ผัดไทยตะวันดา” ร้านแรก มีเมนูขายอยู่ 7 เมนู  ได้แก่ ผัดไทย ขนมผักกาด หอยทอด ซึ่งเป็นจานหลักที่โดดเด่นของร้าน ส่วนเมนูทางเลือก ได้แก่ สปาเกตตี มะกะโรนี วุ้นเส้น และเมนูเสริมตระกูลเส้นที่หากินยาก คือ ผัดหมี่ซั่ว

ใช้เวลา 3 ปี ปัจจุบันร้านผัดไทยตะวันดา มีร้านสาขาแฟรนไชส์  63 แห่งทั่วประเทศ ต่างประเทศมีที่ ออสเตรเลีย กัมพูชา และเมืองกว่างโจว ประเทศจีน แต่ไม่มีร้านต้นแบบแม้เพียงร้านเดียว โดยเธอให้เหตุผล อยากทุ่มเทเวลาทั้งหมด ในการดูแลร้านสาขามากกว่า

“ธุรกิจนี้เริ่มจากมือเปล่าแถมติดลบอีก แต่ตอนนี้มีมูลค่าทรัพย์สินเยอะกว่าที่เคยมีมา สามารถซื้อตึกใหม่ทำออฟฟิศ ขยายแฟรนไชส์ที่สอง แบรนด์ขนมจีนคุณพลอย มีที่ดิน 30 ไร่ พร้อมสำหรับทำการเกษตร ชีวิตเหมือนต้นไม้เกิดใหม่ แตกยอดกิ่งก้านสาขาออกไปเรื่อยๆ” เจ้าของแฟรนไชส์ผัดไทยตะวันดา ว่าอย่างนั้น

และขอฝากไว้ สำหรับคนที่คิดอยากมีอาชีพอิสระด้วยว่า

“สิ่งแรกที่คุณต้องเตรียม คือ ใจ สำคัญที่สุด และถ้าคิดจะทำ ลงมือทำเลย  อย่าท้อ อย่ากลัว  มีเป้าหมายให้ชัดเจน และอย่าคิดว่าทำไม่ได้ ถ้าคิดให้เป็นบวก ชีวิตจะบวกตลอด”

ก่อนเผย เทคนิคการทำร้านเล็กให้รวย ให้ฟัง

“คนที่อยากทำแฟรนไชส์ เท่ากับคุณเป็นเมล็ดพันธุ์ที่หว่านลงดินแล้ว แต่การจะแจ้งเกิดได้หรือ อยู่การตีโจทย์ให้แตก รู้อย่างลึกซึ้ง  จับหลักให้ได้แล้วลงมือทำ ธุรกิจอาหารเกิดง่าย แต่เกิดอย่างไรให้อยู่คงทน เกิดแล้วให้อยู่ยาวที่สุด ควรจับอาหารเฉพาะตัวเด่นๆ เช่น ขนมถังทอง ขนมครก หรือลูกชิ้น เป็นแฟรนไชส์ได้ทั้งนั้น จับมาตัวหนึ่งแล้วทำจริง ลุยจริง”

“ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วมองว่า การเข้าไปขายในห้างนั้น โอกาสขาดทุนนั้นมีน้อย เพราะไม่ต้องสร้างร้าน ไม่ต้องซื้อจานชาม ไม่ต้องจ้างพนักงานทำความสะอาด แต่ต้องมี “สายป่าน”ยาวหน่อย อย่างไรก็ตาม เรื่องของทำเล นับเป็นอีกหนึ่งที่มาของความสำเร็จ เพราะถ้าไปตั้งร้านริมถนน ฝนตก ไม่มีที่จอดรถ คนก็ไม่เข้าแล้ว”

“แต่เวลาเกิดอุปสรรคปัญหา อย่าท้อเด็ดขาด เพราะถ้าท้องานจะไม่เดินหน้า และถ้าไม่เดินต่อหรือท้อ หรือกลัวต่ออุปสรรค ไม่กล้า กลัวหมดทุน ก็จบ แต่ในความเป็นจริงการทำธุรกิจทุกชนิด ปัญหา เป็นแค่องค์ประกอบหนึ่งที่ทุกคนต้องเจอ”

“อย่างไรก็ตาม การทำอย่างไรให้คนรู้จักแบรนด์ของเรา เป็นเรื่องจำเป็น สิ่งที่ต้องทำให้ได้คือ ทำอย่างไรให้กินแล้วบอกต่อ กินแล้วเดินกลับมากินอีกครั้งหนึ่ง โซเชียลมีเดีย เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ทำให้คนรู้จักโดยไม่ต้องใช้เงิน เราผู้ประกอบการต้องใช้ให้เป็น แต่สิ่งสำคัญเหนืออื่นใดนั้น คือ ความซื่อสัตย์ต่ออาชีพ ความซื่อสัตย์ต่อลูกค้า เป็นวิธีการสร้างแบรนด์ที่ดีที่สุด”