คุณยุทธชัย ไชยมงคล หรือพี่ต้อม อายุ 35 ปี เจ้าของร้านคนปัจจุบัน บอกว่า เราขายถังแตกที่นี่มาหลายสิบปีแล้ว ตั้งแต่รุ่นดั้งเดิมคือพ่อแม่ ส่วนตัวผมมาสานต่อได้ประมาณ 6 ปี เราขายดีมาเรื่อยๆ ตั้งแต่สมัยก่อน

ด้วยเพราะรสชาติที่โดดเด่น อย่างเช่น หอม ไม่หวานมาก ไม่เปรี้ยวเหมือนขนมถังแตกสมัยก่อนๆ เพราะขนมถังแตกเป็นแป้งหมัก การจะควบคุมให้อร่อย ต้องดูแป้ง และสังเกตเป็น และมีไส้ขนมที่หลากหลาย ใส่ไส้เยอะ ไม่หวงไส้ ใส่แบบจัดเต็ม ครีมใช้เป็นครีมที่ทำมาจากน้ำตาลมะพร้าวแท้มันจะไม่หวานมากและหอม”

การเตรียมวัตถุดิบที่ใช้ขายในแต่ละวัน คือ ใช้แป้งหมักสำหรับทำขนมถังแตกกว่า 60 กิโลกรัม ส่วนไส้มีมากถึง 8 ไส้ ซึ่งการเตรียมวัตถุดิบเพื่อขายจะเตรียมมากพอสมควร เพื่อให้เพียงพอต่อการขาย เช่น ใช้ฝอยทองประมาณ 40 กิโลกรัม ข้าวโพดประมาณ 120 ฝักต่อวัน ส่วนไส้อื่นๆ ก็เตรียมเยอะพอสมควร ต้องใช้คนช่วยประมาน 4-5 คน ที่ร้าน และไม่สามารถนับจำนวนชิ้นที่ขายในแต่ละวันได้เลย เพราะขี้เกียจนับ มันค่อนข้างเยอะพอควร จึงทำให้ไม่รู้ว่า วันๆ หนึ่ง ขายขนมถังแตกไปกี่ชิ้น กลุ่มลูกค้าหลากหลายมีตั้งแต่วัยรุ่นไปจนถึงคนสูงวัย

สำหรับไส้ที่ขายดี คนนิยมสั่งมาก คือไส้ฝอยทอง ข้าวโพด มะพร้าวงา และเผือก

“ช่วงนี้ที่ขายดี ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่า มีคนต่างจังหวัดเข้ามากรุงเทพฯ เยอะ เพราะเป็นช่วงกราบพระบรมศพ คนเขาก็มาหาของกินกัน ซึ่งวังหลังก็ขึ้นชื่อ ว่าเป็นแหล่งอาหารอยู่แล้วซึ่งก็ขายหมดทุกวัน และจะใช้วัตถุดิบที่เตรียมวันต่อวัน” พี่ต้อม บอกเช่นนั้น

ที่ร้านป้าติ๋มขนมถังแตกวังหลัง จะเปิดขายกันตั้งแต่เวลา 7 โมงเช้า ไปจนถึง 6 โมงเย็น ที่ตลาดวังหลัง