รู้ลึกศาสตร์ “ธาตุเจ้าเรือน” เสริมแกร่ง…ธุรกิจสปาไทย

หลังจากมีเสียงเรียกร้องให้จัดอบรม “วิชาสปา” ให้กับผู้ประกอบการสปา ที่ต้องการใช้ความรู้ที่ได้ไปต่อยอดให้เกิดมูลค่าเพิ่มในธุรกิจที่ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นไปไทยสืบต่อกันมาแต่โบราณ

โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ในฐานะที่เป็น ผู้นำด้านการพัฒนาสมุนไพรและได้ขยายมาสู่ การจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมอภัยภูเบศร เดย์ สปา ขึ้น มีวัตถุประสงค์ เพื่อการพัฒนาผู้ประกอบการและนักบำบัดสปา ให้มีองค์ความรู้ด้านการแพทย์แผนไทย และสามารถประยุกต์นำองค์ความรู้ด้านการแพทย์แผนไทย-สมุนไพร ไปใช้ในการบริการสปาได้ เพื่อยกระดับการแพทย์แผนไทยเข้าสู่การบริการในระดับนานาชาติ และสร้างความแตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์ให้กับสปาของไทยได้

ด้วยเหตุนี้ จึงได้จัดการอบรมขึ้นเป็นครั้งที่สองขึ้น เมื่อเร็วๆนี้   โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมอย่างล้นหลาม เป็นกลุ่มผู้ประกอบการ ผู้ดำเนินการสปา ผู้ให้บริการสปา และแพทย์แผนไทย ที่สนใจในการนำองค์ความรู้เรื่องศาสตร์ของ”เจ้าเรือน”ไปประยุกต์ใช้ในทุกมิติการส่งเสริม ฟื้นฟูสุขภาพในสถานบริการสปาของแต่ละแห่ง

โดยมีการสอนให้เข้าใจในลักษณะของแต่ละเจ้าเรือน การแก้ไขปัญหาสุขภาพแบบองค์รวม รวมถึงการนำองค์ความรู้เรื่องของตัวยาสมุนไพรมาประยุกต์ใช้ในการบริการสปาทรีทเมนท์ อาหารเครื่องดื่มสุขภาพ เพื่อสร้างความแตกต่าง

“เจ้าเรือน ที่แตกต่างกัน จะสื่อให้เห็นถึงโครงสร้าง ลักษณะทางกายภาพ บุคลิกภาพ ความสัมพันธ์ การเรียนรู้ การตัดสินใจ แนวโน้มเกี่ยวกับสุขภาพความเจ็บป่วย จิตใจ และอารมณ์  อภัยภูเบศร เดย์ สปา จึงนำเจ้าเรือนมาประยุกต์ใช้ในการดูแลสุขภาพ โดยเป็นการปรับร่างกายเข้าสู่สภาวะสมดุล โดยเลือกดูเจ้าเรือนตามลักษณะ นอกจากจะสามารถดูแลสุขภาพของตนเอง เรายังสามารถดูแลสุขภาพของคนรอบข้างได้ โดยไม่ต้องทราบวันเดือนปีเกิด” พท.ป.ชลาลัย  โชคดีศรีจันทร์ อาจารย์จากวิทยาลัยการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร กล่าว

ช่วงหนึ่งของการอบรมในครั้งนี้  มีการให้ความรู้เกี่ยวกับ “ธาตุเจ้าเรือน” ตามลักษณะในปัจจุบันมี 3 ลักษณะเด่นได้แก่ ปิตตะ หรือ ไฟ  วาตะ หรือ ลม และ เสมหะ หรือ ดิน-น้ำ อย่างไรก็ตาม ในแต่ละบุคคลอาจมีการผสมของลักษณะเด่นมากกว่าหนึ่งลักษณะได้

สำหรับวิธีการสังเกตเบื้องต้น เพื่อวิเคราะห์ธาตุของแต่ละคน ดูได้จาก คนธาตุ ปิตตะ  จะมีรูปร่างปานกลาง ผิวแพ้ง่าย หิวบ่อย หงุดหงิดง่าย มีระบบการย่อยอาหารดี การเผาผลาญและการดูดซึมดี มีความสามารถในการวิเคราะห์

คนธาตุวาดะ รูปร่างผอม ผิวแห้ง หยาบ มีความกระตือรือร้น เคลื่อนไหวเร็ว ไม่ชอบอยู่นิ่ง เรียนรู้เร็ว แต่ลืมง่ายตัดสินใจเร็ว ในขณะที่

คนธาตุเสมหะ จะผิวพรรณดี ขนผมดกดำ ผมหนา อ้วนง่าย ลดยาก ง่วงนอนบ่อย เชื่องช้า  ขี้เซา จิตใจเย็น อดทนดี น้ำเสียงไพเราะ พูดช้าๆ เรียบง่าย เป็นมิตร เอื้อเฟื้อ เป็นผู้ตามที่ดีไม่นอกกรอบ

ซึ่งเมื่อวิเคราะห์ธาตุเบื้องต้นแล้ว ค่อยมีการถามวัน-เดือน-ปี เกิด เพื่อความละเอียดยิ่งขึ้น ก่อนจะแนะนำหลักการดำเนินชีวิตให้สมดุลของแต่ละธาตุ ทั้งเรื่องของความเป็นอยู่ เลือกอาหารให้เหมาะกับธาตุ รวมทั้งกิจวัตรประจำวันที่อาจต้องปรับตัว

และสิ่งที่ขาดไม่ได้ในธุรกิจสปา คือ เรื่องของการดูแลผิวพรรณและรูปร่าง ซึ่งแน่นอนว่า ธาตุเจ้าเรือน มีส่วนสำคัญที่จะต้องเลือกรับประทานอาหาร หรือเลือกผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการบำรุงผิวแตกต่างกันไป

สำหรับ คนธาตุปิตตะ นั้น มีผิวที่มีการสะสมความร้อนมากกว่าธาตุเจ้าเรือนอื่น ลักษณะผิวค่อนข้างบอบบาง แพ้ง่าย จึงต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสม และเลือกรับประทานสมุนไพรฤทธิ์เย็น เช่น สะเดา ฟ้าทะลายโจร บัวบก ตำลึง ฟักแฟง แตงกวา เป็นต้น

ขณะที่ผิวคนวาตะ มักจะแห้งมีความชุ่มชื่นน้อย ทำให้ผิวแห้งกร้านหมองคล้ำ และเกิดริ้วรอยได้ง่ายกว่าเจ้าเรือนอื่น ดังนั้นในการบำรุงผิว จะต้องใช้สมุนไพรหรือวัตถุดิบที่มีความชุ่มมัน เช่น น้ำมันงา น้ำมันมะพร้าว ข้าว นม น้ำผึ้ง ว่านหางจระเข้ เพื่อบำรุงความชุ่มชื่นของผิว

สุดท้าย คือ ผิวแบบเสมหะ มักมีความชุ่มมันในผิวมาก ทำให้ผิวพรรณดี เหี่ยวช้า เกิดริ้วรอยและแห้งกร้านได้ยากกว่าเจ้าเรือนอื่น แต่หากชุ่มมันมากเกินไปก็จะเกิดสิวอุดตัน ซีสต์ใต้ผิวหนัง ดังนั้นจึงต้องควบคุมด้วยสมุนไพรรสเปรี้ยวชำระล้างความมันส่วนเกิน เช่น มะเขือเทศ หรือสมุนไพรรสฝาก หรือใช้ในการควบคุมความมันอย่าง แครอท เป็นต้น

ส่วน อาหาร นับเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ จะช่วยเสริมเพื่อให้มีสุขภาพดี อาหารที่รับประทานของคนแต่ละธาตุก็จะแตกต่างกันไป เมนูอาหารสำหรับชาวปิตตะ เมื่อเกิดภาวะธาตุไม่สมดุล ควรรับประทานอาหารรสขม เพื่อกลับสู่สมดุล โดยจัดสรรเป็นเมนูอาหาร ของหวาน และเครื่องดื่ม เช่น มะระผัดไข่ ว่านหางจระเข้ลอยแก้ว น้ำกระสายยา ยำใบบัวบกทูน่า แกงจืดหมูบะช่อแตงกวา เป็นต้น

เมนุธาตุสำหรับชาววาตะ เมื่อเกิดภาวะธาตุไม่สมดุล ควรรับประทานอาหารรสเผ็ดร้อน หวานเล็กน้อย เช่น แกงป่าไก่ อกไก่ผัดพริกไทยดำ เต้าทึงน้ำลำไย ยำตะไคร้กุ้งสด น้ำกระสายยาลดวาตะ เป็นต้น

สุดท้ายคือ เมนูอาหารสำหรับชาวเสมหะ เมื่อธาตุไม่สมดุล ควรรับประทานอาหารรสเปรี้ยว เผ็ดร้อน เช่น บัวลอยน้ำขิง ยำเห็ดสามอย่าง อกไก่ผัดขิง ไก่ต้มขมิ้น น้ำกระสายยาลดเสมหะ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันธุรกิจสปา มีหลากหลายรูปแบบ แต่การจะคงเอกลักษณ์ความเป็นไทย ชูจุดแข็งภูมิปัญญาตะวันออก เพื่อสร้างความแตกต่างนั้น ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญ ในการที่จะพัฒนาสปาไทยให้โด่งดังไกลทั่วโลก

สำหรับผู้ที่พลาดโอกาสในครั้งนี้  โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร แจ้งว่า จะมีการจัดกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยมีการปรับรูปแบบเพื่อให้เกิดความน่าสนใจ ขอให้ติดตามกันต่อไปเป็นระยะ

ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดต่าง ๆ หรือสอบถามกิจกรรมได้ที่ อภัยภูเบศร เดย์สปา โทร.037-217127