หยิบสมุนไพรริมรั้วมาทำเครื่องหอม! ธุรกิจที่เกิดจากออฟฟิศซินโดรม สู่แบรนด์ขึ้นห้างขวัญใจต่างชาติ

หยิบสมุนไพรริมรั้วมาทำเครื่องหอม! ธุรกิจที่เกิดจากออฟฟิศซินโดรม
หยิบสมุนไพรริมรั้วมาทำเครื่องหอม! ธุรกิจที่เกิดจากออฟฟิศซินโดรม

เมื่อร่างกายส่งสัญญาณว่าทำงานหนักเกินไปจนเป็นออฟฟิศซินโดรม ทั้งอาการปวดหัว ปวดหลังรุมเร้า ทำให้อดีตกราฟิกดีไซเนอร์ คุณหลี-ประภาวี ศิวเวทกุล ตัดสินใจหันกลับมาดูแลตัวเอง พร้อมนำสมุนไพรข้างรั้วของแม่ที่เคยใช้บรรเทาอาการเจ็บป่วยในวัยเด็ก มาสร้างแบรนด์ Herbpiness ด้วยความตั้งใจอยากให้คนที่ใช้เครื่องหอมสมุนไพรได้บรรเทาความเหนื่อยล้า คลายความเครียดและเพิ่มความสุข

คุณหลี-ประภาวี ศิวเวทกุล และคุณแม่
คุณหลี-ประภาวี ศิวเวทกุล และคุณแม่

จุดเริ่มต้น Herbpiness เครื่องหอมสมุนไพร

“ตอนเด็กๆ ไม่เข้าใจหรอกเวลาที่แม่ใช้สมุนไพรมาบรรเทาอาการเจ็บป่วยแทนการใช้ยาปฏิชีวนะ เช่น เอาใบพญายอมาบดแล้วโปะเวลาโดนยุงกัดหรือเป็นลมพิษ หรือใช้ว่านหางจระเข้เวลาโดนน้ำร้อนลวก รู้ตัวอีกทีอาการก็บรรเทาลงแล้ว และกลายเป็นความผูกพัน ความรักในการใช้สมุนไพรของแม่ที่เป็นนักชีววิทยาและชาวสวน พอมีอาการเจ็บป่วยจากการทำงานก็ทำให้เราตกตะกอนความคิดชวนแม่มาสร้างแบรนด์เครื่องหอมสมุนไพร” คุณหลี เล่าให้ฟัง

โปรดักต์จากแบรนด์ Herbpiness
โปรดักต์จากแบรนด์ Herbpiness

Herbpiness คือแบรนด์เครื่องหอมสมุนไพรไทยที่ตั้งใจนำความเป็นไทยมาตีความใหม่ให้เข้าใจและเข้าถึงง่าย ด้วยการออกแบบกลิ่นมาเพื่อคลายความเครียด บรรเทาความเหนื่อยล้า และเพิ่มความสุข พร้อมบรรจุในแพ็กเกจจิ้งที่ดูทันสมัย ใส่ใจเรื่องความสวยงามและน่าใช้มากขึ้น เช่น การนำเครื่องจักสานจากผู้เฒ่าผู้แก่ในชุมชนทุ่งเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัย มาเป็นแพ็กเกจจิ้ง หรือการใส่ดอกไม้ในขวดลูกกลิ้ง เป็นต้น

โดยโปรดักต์ตัวแรกที่วางจำหน่ายคือยาดม เพราะเจ้าของแบรนด์มองว่าสินค้าตัวนี้สามารถเข้าถึงคนได้ง่าย หากต้องพบเจอกับกลิ่นไม่ดี เช่น กลิ่นขยะ หรือกลิ่นควันรถ การได้สูดกลิ่นยาดมเข้าไปจะช่วยให้รู้สึกเหมือนได้อยู่อีกโลกหนึ่งที่สดชื่นขึ้น หอมขึ้น มีความสุขขึ้นตามความตั้งใจของแบรนด์ตั้งแต่แรกเริ่ม

สมุนไพรในรั้วบ้าน
สมุนไพรในรั้วบ้าน

สมุนไพรในรั้วบ้าน 

จุดเด่นของ Herbpiness คือการเลือกใช้สมุนไพรจากรั้วบ้านมาเป็นส่วนผสมในการทำโปรดักต์ต่างๆ ที่ปลูกเองโดยธรรมชาติ และบางชนิดที่ไม่สามารถปลูกเองได้จากข้อจำกัดเรื่องภูมิอากาศ ขนาดพื้นที่ จึงไปคัดสรรจากชาวสวนใกล้กรุงเทพฯ ที่มีแนวคิดเดียวกันคือปลูกโดยธรรมชาติ แม้ต้นไม่ใหญ่ ใบเล็ก แต่ยังคงสรรพคุณไว้มากมาย

“สมุนไพรที่ปลูกเองเรามั่นใจมาก ไม่มีสารเคมีแน่นอน เช่น พญายอ ขมิ้นชัน ไพล และตระกูลดอกไม้ เช่น กุหลาบมอญ พวงชมพู กระดังงา เราปลูกไว้ที่บ้านแม่และบ้านตัวเองด้วยในตลิ่งชันกับสมุทรปราการ และกำลังจะขยายพื้นที่ปลูกไปนครปฐม ส่วนบางชนิดที่ปลูกเองไม่ได้ เช่น ดอกจันทน์ ตะไคร้หอม กระวาน กานพลู พริกไทยหอม พริกไทยดำ เราไปคัดสรรจากชาวสวน หรือลาเวนเดอร์ เราฝากญาติปลูกที่ฝรั่งเศสแล้วเก็บผลผลิตส่งมาให้”

ซึ่งการเลือกใช้สมุนไพรแต่ละชนิด ต้องมาจากการตั้งโจทย์ว่าจะทำโปรดักต์อะไรวางจำหน่าย ซึ่งโจทย์นั้นมาจากการพบเจอปัญหาในชีวิตประจำวัน อย่างเช่น การออกนอกบ้านไปเจออากาศร้อน

“สมมติเราออกไปข้างนอก รู้สึกวันนี้แดดร้อนไม่ไหวแล้ว เราอยากได้ผลิตภัณฑ์สักตัวที่ช่วยคลายความร้อนได้ เป็นสเปรย์ที่ฉีดแล้วเย็น ในแพ็กเกจจิ้งที่พกพาสะดวก เราต้องคิดต่อ มีสมุนไพรอะไรบ้างใช้แล้วเย็นขึ้น ยูคาลิปตัสไหม เปปเปอร์มินต์ไหม ใส่ลาเวนเดอร์ หรือเลมอนกราสเพิ่มไหม เพื่อกันยุงกันแมลง

เราต้องศึกษาว่าสมุนไพรแต่ละตัวมีสรรพคุณอะไรบ้าง แล้วทดลองทำว่าใช้ได้หรือเปล่า กว่าจะได้ผลิตภัณฑ์สัก 1 ตัว ใช้เวลาไม่เท่ากัน อย่างน้อยๆ ต้องมีครึ่งปีเลยนะ” เจ้าของแบรนด์ อธิบายเสริม

โปรดักต์จากแบรนด์ Herbpiness
โปรดักต์จากแบรนด์ Herbpiness

Herbpiness ถูกใจคนไทย ต่างชาติ

ถึงปัจจุบัน Herbpiness มีอายุครบ 9 ปี มีโปรดักต์วางจำหน่ายแล้วหลายตัว ไม่ว่าจะเป็น ยาดมสมุนไพร ยาหม่องน้ำ ยาหม่องขี้ผึ้ง สเปรย์ฉีดหมอน น้ำมันหอมระเหยดอกไม้ตามฤดูกาล กล่องข้าวหอมบรีซบ๊อคส์ ฯลฯ จำหน่ายในราคาเริ่มต้น 69 บาท ไปจนถึงหลักพันบาท

“สินค้าขายดี ตัวแรกคือ ยาดม ตามมาด้วยยาหม่องน้ำ และ น้ำมันหอมดอกไม้ตามฤดูกาล สามารถใช้แต้มตามจุดชีพจร เช่น ขมับ ต้นคอ ข้อมือ จมูก ช่วยบำบัดความเครียด เราใส่ดอกไม้ลงไปในขวด เพิ่มสุนทรีทางตาเหมือนมีสวนดอกไม้อยู่ใกล้ๆ ตัว”

น้ำมันหอมดอกไม้ตามฤดูกาล
น้ำมันหอมดอกไม้ตามฤดูกาล

สำหรับกลุ่มลูกค้าของ Herbpiness มีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ เช่น รัสเซีย เยอรมนี และเอเชีย จากการวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าโซนสยาม หอศิลปกรุงเทพ หรือไอคอนสยาม

“การที่แบรนด์สามารถเจาะกลุ่มลูกค้าได้หลายเชื้อชาติ เรามองว่าทุกคนก็มีปัญหาเรื่องอารมณ์ ความรู้สึก ความเหนื่อยล้าในชีวิตประจำวัน เลยอยากได้ตัวช่วยมาบรรเทาอาการเหล่านั้นให้เบาลง และสมุนไพรไทยก็สามารถช่วยได้ เราก็อยากเสนอความดีงามตรงนี้ให้ทุกคนรับรู้

ฟีดแบ็กจากลูกค้ามีเยอะมาก เคยมีคนหนึ่งเขาสั่งของไปโรงพยาบาลตลอดเวลา เขาเป็นผู้ป่วยติดเตียงที่ใช้แบรนด์เราแล้วรู้สึกดีขึ้น มีความสุขมากขึ้นจนต้องสั่งซื้อตลอด หรือแม้แต่ชาวต่างชาติ เขาใช้แบรนด์เรามา 3 ปี และบอกว่าถ้ากลับไทยจะมาซื้ออีก หรือบางคนก็อยากให้ส่งไปต่างประเทศด้วย”

และนี่คือเรื่องราวของ Herbpiness เครื่องหอมจากสมุนไพรข้างรั้ว แบรนด์ที่อยากส่งต่อความสุข บรรเทาความเหนื่อยล้าและความเครียด หากสนใจสามารถติดตามได้ที่เพจ Herbpiness