ผู้เขียน | เลิศศักดิ์ ไชยแสง |
---|---|
เผยแพร่ |
เปิดแนวคิด ภาษีสุราพื้นบ้าน 0% ไวน์บำเรอ ตัวแทนไวน์โลกใหม่ ที่อยากดันไวน์ไทยดังไกลทั่วโลก
“ทำไมไวน์ในไทยราคาแพง ทั้งๆ ที่ต่างประเทศราคาถูก”
คำถามเริ่มต้นของ เควิน เริธลิ่ง ชายต่างชาติชาวเยอรมัน ผู้ซึ่งเป็นสามีของ คุณกระต่าย-เล่มเทียน เริธลิ่ง ผู้ร่วมก่อตั้ง บำเรอ ทั้งเป็นพี่สาวของ คุณกระตั้ว-เผ่าทอง แข็งขัน Wine Maker บำเรอ
เล่าให้ฟังถึงที่มาที่ไปของ บำเรอ ไวน์ไทยจังหวัดเชียงราย ว่าเริ่มต้นด้วยหนทางมืดบอด หากย้อนกลับไป 10 ปีก่อนที่ความเข้าใจสุราพื้บ้านยังไม่เคยเกิดขึ้น
เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไรในวันที่กฎหมายเริ่มเห็นใจประชาชน ทั้งลดภาษี 0% สุราชุมชนให้ผลดีผลเสียอะไรในวันที่ของนำเข้าลงมาเท่ากัน และอนาคตนับจากนี้บนเวทีโลก

จุดเริ่มต้นของบำเรอมาจากอะไร
สามีต่ายเป็นชาวเยอรมัน เขาศึกษาเรื่องไวน์มาตั้งแต่แรก ทำไวน์มาทั่วโลก ทั้งออสเตรีย นิวซีแลนด์ พอมาเมืองไทยได้มีโอกาสไปดูการทำไวน์ของไทย ก็มีความตั้งใจว่าอยากทำไวน์เป็นของตัวเอง ตัดสินใจทิ้งชีวิตที่กรุงเทพฯ ย้ายมาอยู่เชียงรายแบบไม่มีทุนรองรับชีวิต มาเริ่มต้นกันเองด้วยการทำไร่องุ่น
สิ่งที่เขาทำเหมือนอุทิศตนให้เมืองไทย เพราะพอซื้อไวน์ในประเทศไทยก็มองว่าทำไมมันต้องแพง เขาก็คิดมาของเขาตั้งแต่แรกเลยว่าอยากผลิตไวน์ที่มีคุณภาพในราคาที่ไม่แพง แต่เป็นความคิดเมื่อ 10 ปีที่แล้ว มันก็ยากอยู่เหมือนกันแบบอยู่ๆ เราจะมาทำไวน์
พอกฎหมายอนุญาตให้คนทั่วไปทำได้ เป็นสุราแช่ชุมชนโรงเล็ก ซึ่งศักยภาพเราถึงใช้คนงานไม่กี่คน กับเครื่องจักรเล็กๆ เราก็เลยเริ่มหมักไวน์ตัวแรกคือ บำเรอ
เป้าหมายสำคัญของบำเรอคืออะไร
เป็นไวน์แต่ทำไมไม่ใช้ชื่อภาษาอังกฤษหรือโลโก้เป็นนางรำ ก็มาจากสามีย้อนกลับไปที่เป้าหมายแรกคือเราอยากแสดงจุดยืนที่ชัดเจนว่าเราเป็นไวน์ไทย ทำออกมาให้คนไทย ณ ตอนนั้นเราก็ไม่ได้สนใจหรอกว่าชาวต่างชาติเขาจะอ่านเข้าใจไหม (หัวเราะ)
ซึ่งเป้าหมายของเราคืออยากให้คนไทยได้กินไวน์คุณภาพดีราคาถูก เราเลยได้ชื่อได้โลโก้นี้ออกมา
พอบ่มออกมาได้สักพัก เราเลยตัดสินใจเอาไวน์เข้าประกวดที่งาน AWC Vienna 2023 เป็นงานไวน์ระดับโลก เราไม่ได้คาดหวังอะไรเพราะมันเป็นตัวแรกที่เพิ่งเริ่มทำ แต่ที่เราส่งไปเพราะอยากให้ต่างชาติเห็นว่า MAKE FOR THAILAND
พอผลออกมาเราก็อึ้ง ทั้งดีใจ เราได้รางวัลเหรียญเงิน ก็เลยมั่นใจมากขึ้นถึงแม้ว่าเราจะเป็นแค่สุราชุมชน โรงบ่มเล็ก เป็นไวน์โลกใหม่ มาจากเมืองร้อนเราก็สามารถยืนในที่ระดับโลกได้

ในมุมของผู้ประกอบการที่ผลิตไวน์ในประเทศไทย ตลาดตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง
ตอนนี้ตลาดไวน์ในไทยดีขึ้นเรื่อยๆ คนไทยเริ่มเปิดใจให้ไวน์ไทยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่ไวน์องุ่นแต่ไวน์ผลไม้อื่นๆ ต่ายเห็นเขาทำออกมาได้ดี ทั้งไวน์หมากเม่า ไวน์มัลเบอร์รี หรือแม้แต่ไวน์กล้วย
เอาดีๆ ไวน์ไทยสู้ไวน์ต่างชาติได้เลย เพราะในเรื่องของกระบวนการทำไวน์ต่างชาติเขาจะทำเป็นโรงงานใหญ่ๆ ถ้าในส่วนของไวน์ไทยจะมีหลายโรงที่อยู่ในขนาดเล็กและขนาดกลาง การใส่ใจในการหมักการผลิตมันมีความพิถีพิถันมากกว่า
ถ้าพูดในเรื่องวัตถุดิบ องุ่นของต่างชาติเขาเป็นเมืองหนาวอยู่แล้ว ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย มันเป็นอะไรที่ท้าทายในการปลูกองุ่นในประเทศเมืองร้อนอย่างเรา แต่เราก็ทำได้ ตอนนี้ไร่องุ่นเยอะขึ้นมาก อย่างเชียงรายเมื่อ 10 ปีที่แล้วไม่มีสักไร่ ตอนนี้มี 4-5 ไร่ แต่ละไร่ปลูกออกมาได้ผลิตที่มีคุณภาพสูง
ด้วยความที่เราถือว่าเป็นไวน์โลกใหม่ที่ในประเทศไทยเพิ่งเริ่มผลิต ไม่ถึง 30 ปี ต่างจากของเมืองนอกที่เขาทำมา 200-300 ปี กลายเป็นว่าทุกกระบวนการตั้งแต่ปลูกองุ่น การหมัก บ่ม ทุกอย่างที่ทำในประเทศไทยมันท้าทายหมดเลย
สำหรับไวน์ไทยมันเริ่มกระจายไปทั่วโลก ให้คนต่างชาติได้เห็นเยอะขึ้น แล้วชาวต่างชาติเขาตื่นเต้นที่จะได้ชิมไวน์ไทย เอาจริงนักท่องเที่ยวที่มาไทย 80% เขาอยากกินไวน์ไทยมากกว่า เพราะเขางงว่าเมืองไทยทำไวน์ได้ด้วยเหรอ มันเป็นสิ่งที่เขาเซอร์ไพรส์ว่าเมืองเล็กๆ ก็สามารถทำไวน์ได้เหมือนกัน
จากกรณีลดภาษีสุราพื้นบ้าน 0% เป็นอย่างไรบ้าง
(หัวเราะ) มันตื่นเต้นและก็ขนลุก สามีต่ายนี่กระโดดเลย ขนลุกแบบดีใจมากเขาก็ดีใจว่า 0% ของสุราพื้นบ้าน แต่ต่ายก็กังวลว่าไวน์มันจะรวมหรือเปล่า คุยไปคุยมาก็รวมอยู่นะ มันเหมือนของขวัญปีใหม่ มันดีมาก คือเราสามารถลดราคาได้อีกแล้ว ตรงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้แต่แรกคืออยากให้ไวน์ไทยถูกและมีคุณภาพ
แต่ไม่ถึง 24 ชม. กลุ่มของผู้ประกอบการสุราพื้นบ้านมาแลกเปลี่ยน ศึกษาถึงตัวโครงสร้างนี้จริงๆ มันไม่ใช่แค่สุราพื้นบ้านตามที่เป็นข่าว แต่มันรวมไปถึงไวน์นำเข้าด้วย
พอเรามานั่งดูจริงๆ เราไม่ได้ลดนี่หว่า อาจจะลด 5 บาท 10 บาท แต่กลายเป็นว่าไวน์นำเข้าที่ต้องเสียภาษี 60% กลายเป็นว่าเขาเหลือ 0
นั่นทำให้เรารู้สึกอกหัก อกหักจริงๆ จนน้ำตาคลอว่า ‘เออ…ทำไมวะ ทำไม’ แต่ถามว่ามาถึงขั้นนี้แล้วจะสู้ไหม ก็ต้องสู้ต่อไป
แล้วที่เขาบอก 0% สุราพื้นบ้าน เหล้าบางตัวยังไม่ได้ลดเลยสักบาท นั่นแหละ แต่ ณ ตอนนี้ผู้ประกอบการเหล้า เบียร์ สุรา ไวน์ ก็บอกกัน ‘สู้ๆ ไม่เป็นไรเราก็สนับสนุนกันไป’
กฎหมายสุราชุมชนก็ดีขึ้นจากเดิมมาบ้างแล้ว ในมุมของผู้ประกอบการอยากให้ทางภาครัฐมาช่วยสนับสนุนเรื่องอะไร
เอาจริงๆ ที่เน้นๆ อยากให้ภาครัฐสนับสนุนสุราชุมชนคือเรื่องการโฆษณา เพราะว่าเราไปทางไหนไม่ได้เลยการโฆษณา เพราะกว่าที่เราจะผลิตสุรา เหล้า เบียร์ ไวน์ มันก็ยากอยู่แล้วเนอะ ไหนจะเรื่องต้นทุนการผลิตบ้าง อยากจะออกสื่อก็ผิด พ.ร.บ. มาโดนปรับ มันลำบากมากที่ต้องมาโฆษณาหลบๆ ซ่อนๆ
ส่วนที่เขาสนับสนุนเรื่องการลดภาษีก็โอเค มันส่งผลดีไม่มากก็น้อยให้กับแต่ละคนแต่ในเรื่องของการโฆษณาก็อยากให้ผ่อนปรนบ้างในมุมของผู้ประกอบการ
ผลสำเร็จของ บำเรอ นับจากอะไร
เราถือว่าเราประสบผลสำเร็จไปแล้วขั้นแรก ที่คนรู้จักมากขึ้นกับไวน์ไทยออกไปข้างนอกได้ ถามว่า ณ ตอนนี้ ยิ้มได้ไหม เรายิ้มได้ อย่างพนักงานเราเป็นชาวบ้าน รางวัลที่ได้มาเราก็ให้กับคนงานที่เขาเริ่มกับเรามาตั้งแต่แรก ตั้งแต่ปลูกต้นองุ่นที่ยังไม่มีอะไรเลย เราก็บอกพวกเขาว่ารางวัลมันไม่ใช่ของเจ้าของ แต่มันคือของทีม เขาก็ตื่นเต้นกัน
การที่เราได้รางวัลหลายคนอาจจะไม่รู้จัก บำเรอ แต่เขารู้จักว่าเป็น Thai Wine
ส่วนตัวคุณกระต่ายภูมิใจกับคำว่า Thai Wine มากน้อยแค่ไหน
อันนี้ภูมิใจมาก อย่างที่บอกไปว่าเราเป็นประเทศเล็กๆ เป็นไวน์โลกใหม่ ตามหลังเขาเป็นร้อยปี แต่เราสามารถมาถึงจุดนี้ได้มันดีมากๆ และสิ่งที่ต่ายเห็นในคอมมูฯ สุราพื้นบ้านด้วยกันคือ ทั้งชาวสวนชาวไร่ชาวบ้านที่เขาเอาผลไม้ท้องถิ่นมาทำไวน์ ต่ายมองว่าเขาเก่งมากๆ กับการเอาวิถีชีวิตมาสร้างสิ่งนี้
มาถึงจุดนี้เราควรภูมิใจกับไวน์ไทย สุราไทย ที่เอาวัตถุดิบท้องถิ่นมาใช้ และนับจากนี้ต่ายมองว่า สุราชุมชน คราฟต์เบียร์ Thai Wine ไปไกลระดับโลกได้ หลายๆ ตัว และเราไปได้แน่ๆ
ช่องทางเพิ่มเติม