“เบอร์เกอร์น้ำแตก” ปรับความเลี่ยน เปลี่ยนเป็นความแซ่บ ยอดขายหลักแสน สู่แฟรนไชส์หมื่นต้นๆ

“เบอร์เกอร์น้ำแตก” ปรับความเลี่ยน เปลี่ยนเป็นความแซ่บ ยอดขายหลักแสน สู่แฟรนไชส์หมื่นต้นๆ

ในขณะที่ประเทศไทยมีร้านเบอร์เกอร์อยู่เกือบจะทั่วทุกแห่งหน ทั้งรายใหญ่รายย่อย แต่มีร้านเบอร์เกอร์เล็กๆ ที่เปิดมาได้ปีกว่า จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ทำจากความชอบ สู่ความเปลี่ยนแปลงที่มองเห็นได้ชัด 

เวลาเพียง 1 ปี สามารถทำให้เขาคนนี้ คุณบอย-เชาวลิต​ วงษ์มะเซาะ อายุ 38 ปี เจ้าของร้านเบอร์เกอร์น้ำแตก สร้างแบรนด์เบอร์เกอร์และทำให้คนเปิดใจยอมรับในตัวสินค้าของเขาได้ จนพัฒนามาเป็นแฟรนไชส์ สร้างอาชีพให้กับคนอื่นๆ

เริ่มต้นเป็นแค่ส่วนหนึ่งในร้านบุฟเฟต์

ในตอนแรก ร้านเบอร์เกอร์ยังไม่ได้มีหน้าร้านแต่อย่างใด แต่เป็นการวางขายในร้านบุฟเฟต์ของเพื่อน แต่ผลการตอบรับจากลูกค้าในร้าน ต้องบอกว่าดีมากๆ เลยทำให้เป็นการจุดประกายความคิดว่าน่าจะนำเบอร์เกอร์ออกมาขายให้ลูกค้าที่ต้องการเฉพาะเบอร์เกอร์ เลยคิดลองทำมาเป็นตัวแฟรนไชส์เลยทันที

การตัดสินใจที่แน่วแน่และรวดเร็ว ไม่ได้บอกว่าเขาจะไม่เตรียมตัวและศึกษาเรื่องธุรกิจแต่อย่างใด แต่เขามีฐานความรู้จากการทำร้านบุฟเฟต์กับเพื่อนมาอยู่แล้ว โดยทำในเนื้องานที่เกี่ยวกับระบบหลังบ้าน การจัดการเรื่องอาหาร จึงง่ายต่อการเริ่มต้นทำแฟรนไชส์ เพราะไม่ได้เริ่มจากศูนย์ แต่สามารถเดินต่อไปในลำดับที่ สี่ ห้า หก ได้เลย

พาร์ตเนอร์นั้นสำคัญไฉน? 

ในส่วนของเส้นทางธุรกิจ ร้านเบอร์เกอร์น้ำแตก ไม่ได้มีเพียงคุณบอยเป็นเจ้าของร้าน แต่ยังมีเพื่อนๆ รวมแล้ว 4 คนที่เป็นหุ้นส่วนด้วย ดังนั้น การทำร้านอาหารที่มีพาร์ตเนอร์มันก็จะมีทั้งข้อดีและข้อเสียปะปนกันไป 

“การมีพาร์ตเนอร์มันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ในส่วนของตัวข้อดีมันมีหลายไอเดียในการที่เราจะนำเสนอลูกค้า และจะมีการแบ่งพาร์ตงานกันทำตามที่แต่ละคนถนัดเฉพาะทางของตนเอง มันก็ทำให้ธุรกิจมันไปเร็ว” คุณบอย เล่าด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

ก่อนเล่าต่อ

“ในส่วนของข้อเสีย อาจจะมีบ้างในส่วนที่เป็นปัญหา บางทีเราต้องมาทำข้อตกลงกัน แต่น้ำหนักให้ไปในทางส่วนข้อดีมากกว่า เพราะว่าทุกครั้งที่เราจะต้องสรุป หรือมีความคิดใหม่ๆ เกิดขึ้น เราจะต้องมานั่งประชุมทุกครั้ง โดยจะใช้วิธีการโหวต” 

ถึงแม้ธุรกิจจะดูว่าราบรื่นไปได้สวย แต่ก็ยังคงมีปัญหาบ้าง ในตอนที่เริ่มขายแฟรนไชส์ให้ลูกค้าครั้งแรก ไม่เคยรู้เกี่ยวกับเรื่องกฎหมายแฟรนไชส์ หรือข้อตกลงระหว่างแฟรนไชซีและแฟรนไชซอร์เลย หลังจากเคสนั้นจึงต้องศึกษา ร่างสัญญา แก้ไขหลายครั้ง ปรับเปลี่ยนให้ลงตัวมากที่สุด เพื่อที่จะให้ลูกค้าเซ็นครั้งแรก 

เอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร 

อย่างที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า ก่อนที่จะทำแฟรนไชส์ได้นั้น ตัวสินค้าจะต้องมีประสิทธิภาพ และเป็นความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง สำหรับร้านเบอร์เกอร์น้ำแตก ที่ต้องยอมรับเลยว่า แม้ในสังคมจะมีร้านเบอร์เกอร์มากมาย แต่เขาก็ยังอยู่ได้ ซึ่งสิ่งที่ทำให้ลูกค้ายังคงไว้ใจคือ รสชาติอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

“ตัวแตกต่างคือไส้เบอร์เกอร์เราทำเป็นสูตรของเราเอง และตัวซอส จะเป็นสูตรเฉพาะของทางแฟรนไชส์เลย ทำเอง ไม่ต้องพึ่งซอสมะเขือเทศหรือซอสพริกเลย ลูกค้าสามารถทานซอสที่เราทำมาในลูกเบอร์เกอร์ได้เลย” เขาเล่า

ในเรื่องของรสชาติ ต้องปรับให้ถูกปากคนไทย เพราะจากที่ได้ลองกินเบอร์เกอร์หลายๆ แบรนด์ มันจะมีความเป็นต่างชาติมาก โดยจะต้องพึ่งตัวซอสมะเขือเทศหรือซอสพริก เพื่อตัดความเลี่ยน ทางร้านเลยได้คิดค้นสูตร โดยใช้ระยะเวลานานพอสมควร ซึ่งดูจากผลตอบรับจากลูกค้าร้านบุฟเฟต์ก่อน แล้วนำมาปรับให้มีความหอมกลิ่นเครื่องเทศมากขึ้น รสชาติที่ถูกปากคนไทยมากขึ้นด้วย

ชื่อนี้มีที่มา

ไม่พูดถึงไม่ได้เลยนอกจากเรื่องรสชาติที่ถูกปากแล้ว ชื่อร้านก็โดนใจไม่แพ้กัน “เบอร์เกอร์น้ำแตก” ชื่อสุดแปลกที่แบกความอร่อยของเบอร์เกอร์ไว้ หลายคนคงสงสัยว่าทำไมถึงเป็นชื่อนี้ มันจะมีความหมายไปในทิศทางไหนได้บ้าง คุณบอยได้เล่าให้เราฟังว่า ชื่อแฟรนไชส์เบอร์เกอร์น้ำแตก มาจากซอสที่ใส่ให้ในเบอร์เกอร์ เวลากัดไปหนึ่งคำ น้ำซอสจะไหลเยิ้มจนล้นทะลักออกมา เลยเป็นที่มาของชื่อนี้

เบอร์เกอร์น้ำแตก
เบอร์เกอร์น้ำแตก

หากพูดถึงราคาเบอร์เกอร์ หลายคนคงตั้งเป้าราคาไว้สูงเลยทีเดียว แต่อีกหนึ่งความเป็นเอกลักษณ์เลยคือ เบอร์เกอร์น้ำแตก ขายอยู่ในราคา 39 บาทเท่านั้น แต่กว่าจะมาอยู่ในราคานี้ได้ก็เคยลองผิดลองถูกมาก่อน

“ขายครั้งแรกขายเป็นราคาสูงขึ้นไปเลย 89 บาท แต่พอเรามาดูผลยอดการขาย มันก็ยังไม่ตอบโจทย์ลูกค้าเท่าไหร่ เพราะว่าเมื่อเราขายราคาสูงแล้วเนี่ย มันกลายเป็นแบบว่าเราไปเป็นคู่แข่งกับแบรนด์ใหญ่ๆ แล้ว เราก็เลยปรับขนาด ปรับปริมาณภายในตัวเบอร์เกอร์ เพื่อให้ราคามันเข้าถึงลูกค้าง่ายมากขึ้น” คุณบอย เล่า

ก่อนเล่าเสริม

“เหมือนเอาราคา นำเสนอให้ลูกค้าเข้าถึงง่ายมากขึ้น เพื่อไปถึงส่วนตัวรสชาติ”

เมื่อราคาที่ถูกลง จึงไม่จำเป็นเลยที่จะไปแข่งขันกับเจ้าใหญ่ๆ ทำให้ยอดขายเพิ่มมากขึ้น เมื่อปรับปริมาณแล้ว ทำให้ตัวกำไรได้เกินตามความคาดหมายเอาไว้ทั้งผลตอบรับจากลูกค้า ผลตอบรับจากแฟรนไชส์ รวมไปถึงเม็ดเงินที่เป็นหลักแสนต่อเดือน 

คุณบอย เผยว่า ช่วงที่พีกๆ ที่สุดเลย เคยขายต่อวันได้ถึง 380 ลูก ในราคา 39 บาท วันนั้นได้ไปถึง 14,820 บาทต่อวันเลยทีเดียว

แฟรนไชส์จากความตั้งใจ

ในตอนแรกไม่คิดว่าลูกค้าจะตอบรับเรื่องแฟรนไชส์ได้ดีขนาดนี้ ซึ่งราคาแฟรนไชส์ของร้านเบอร์เกอร์น้ำแตก มีอยู่ด้วยกัน 2 ไซซ์ โดยตัวเริ่มต้นจะอยู่ที่ 19,000 บาท เหมาะสำหรับลูกค้าที่มีหน้าร้านอยู่แล้ว หรือปรับใช้กับร้านอาหารของตัวเอง จะได้ในส่วนของตัววัตถุดิบให้อย่างเดียว และอีกหนึ่งราคา อยู่ที่ 49,000 บาท จะได้วัตถุดิบ อุปกรณ์ บูธ ทุกอย่าง พร้อมเปิดร้านได้เลย

ปัจจุบันมีอยู่ด้วยกัน 3 สาขา เนื่องจากเป็นแบรนด์ที่ค่อนข้างใหม่มากๆ จึงอาจจะต้องใช้เวลาในการขยับขยายไปทีละนิดๆ เพื่อความมั่นคง และไม่ได้จำกัดว่าจะต้องขายเฉพาะกรุงเทพฯ ในต่างจังหวัดก็สามารถขายได้เช่นกัน 

การตั้งกลุ่มเป้าหมายก็เป็นปัจจัยสำคัญของการทำธุรกิจ โดยร้านเบอร์เกอร์จะเน้นไปทางสตรีตฟู้ดอยู่แล้ว สามารถเปิดได้ทุกที่ กลุ่มลูกค้าที่ตั้งไว้ก็เป็นคนทั่วๆ ไป นักเรียน นักศึกษา ที่ต้องการความสะดวก ซื้อแล้วกินได้เลย และไม่ต้องคิดเยอะในเรื่องราคา 

การดำเนินธุรกิจฉบับเบอร์เกอร์น้ำแตก

หากพูดถึงการทำธุรกิจ ต้องใช้กลยุทธ์และวิธีการดำเนินธุรกิจ อย่างคุณบอยได้วางเอาไว้ว่า

“จะเน้นเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหญ่ก่อน เจาะการตลาดกลุ่มคนในเมืองให้รับรู้ในส่วนของตัวแบรนด์ เพื่อให้ลูกค้าได้มาทดลองชิม ว่าสินค้าของเรามันเด่นที่รสชาติ ให้เขาเปิดใจกับตัวผลิตภัณฑ์เรามากขึ้น”

คุณบอยได้เปิด 3 ข้อ สำหรับคนที่จะทำธุรกิจร้านอาหารต้องมี ดังนี้

  • เข้าใจในตัวอาหาร

รายละเอียดของตัวอาหารมันเยอะ ต้องเข้าใจถึงวิธีการเก็บรักษา วิธีการขาย วิธีการหาวัตถุดิบ อันนี้สำคัญมาก เพราะวัตถุดิบที่ดี ก็ต้องคู่กับราคาที่ไม่สูงด้วย

  • การทำบัญชี

ธุรกิจร้านอาหาร มันไม่ใช่แค่ธุรกิจที่ซื้อมาจากใคร เพราะฉะนั้น การทำบัญชีมันสำคัญมาก เพราะว่ามีต้นทุนอะไรหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นรายรับ รายจ่าย จะทำให้เราสามารถรับรู้ได้ถึงตัวเลขที่เกิดขึ้นในร้าน 

  • ความประทับใจของลูกค้า

เราจะทำอย่างไรให้ลูกค้าเกิดการซื้อซ้ำ เพราะอาหารที่เมื่อไหร่ถูกปาก และพอใจ จนลูกค้าซื้อซ้ำ ลูกค้ากลับมาแน่นอน

เบอร์เกอร์น้ำแตก
เบอร์เกอร์น้ำแตก

อย่างไรก็ตาม คนที่จะเริ่มทำธุรกิจต้องศึกษาและหาข้อมูลให้ดี เพื่อที่จะเตรียมพร้อมและดำเนินธุรกิจให้ก้าวไปข้างหน้า และต้องรักในสิ่งที่ทำ อย่างที่คุณบอยได้ฝากเอาไว้ว่า

“แน่นอน คนที่คิดจะทำธุรกิจ ให้เรามีความรู้สึกว่าเราชอบในสิ่งนี้ เมื่อเราเกิดความชอบในสิ่งที่เราทำ มันจะไม่มีข้อแย้งในตัวเองว่า เราเหนื่อยว่ะ เราไม่ไหวแล้ว” คุณบอย กล่าว

สนใจติดต่อแฟรนไชส์ เพจ เบอร์เกอร์น้ำแตก Burker Squirt

โทร. 092-929-8808 (คุณบอย)