พ่อแม่ติดโควิด จุดเปลี่ยนหนุ่มรถตู้ หวนวิ่งรถอีกครั้ง รับคนไข้ หาเงินส่งไฟแนนซ์

“ทำอาชีพวิ่งรถตู้อยู่ 3 ปี จนมาเจอโควิด ทำให้ไม่มีงานมา 2 ปีกว่า สุดท้ายมาวิ่ง ASQ อยู่ 2 เดือนก็เลิกวิ่ง เพราะกลัวจะพาโควิดมาติดคนในครอบครัว ระหว่างนั้นทำมาหาเลี้ยงชีพด้วยการขับรถรับชาวต่างชาติที่ยังอยู่ในประเทศ ไปต่อพาสปอร์ต ไปซื้อของ มีคนไทยเหมาเดือนละครั้งบ้าง แล้วก็ช่วยแม่ขายหมูปิ้ง” คุณตั้ม-สรายุทธ สายแสง อายุ 34 ปี เจ้าของเพจ เหมารถตู้ราคาถูก เริ่มต้นให้ข้อมูลกับ เส้นทางเศรษฐีออนไลน์ อย่างนั้น

ก่อนเผยความเป็นมา พื้นเพเป็นคนกรุงเทพฯ ทำอาชีพขับแท็กซี่ตั้งแต่อายุ 19 เคยไปอบรมคอร์สภาษาอังกฤษ จึงพอสื่อสารได้บ้าง เมื่อ 3 ปีที่แล้วจึงออกรถตู้มาวิ่งรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่วนใหญ่เป็นชาวฮ่องกง สิงคโปร์ และมาเลเซีย แต่ด้วยสถานการณ์โรคระบาด ทำให้รายได้หลักแทบเป็นศูนย์ เคยวิ่งรับคนต่างชาติมา ASQ (Alternative State Quarantine) อยู่ 2 เดือน ตัดสินใจเลิกทำ เพราะกลัวติดโควิด

“เคยนำรถตู้ไปปรับให้มีแผ่นอะครีลิกกั้นห้องผู้โดยสารกับคนขับ ลงทุนไปประมาณพันกว่าบาท แต่พอเลิกวิ่งก็ถอดเก็บ กระทั่งวันที่ 20 ก.ค. ที่ผ่านมา มีเหตุให้ต้องนำกลับมาใช้อีกครั้ง” คุณตั้ม เล่าถึงจุดเริ่ม

ก่อนบอกต่อ กลางดึกของวันดังกล่าวได้รับแจ้งข่าวว่า แม่ของเขาอาการไม่สู้ดี ตอนแรกทำอะไรไม่ถูก กระทั่งนึกได้ เคยมีชุดพีพีอี มีแผนอะครีลิกกั้น เลยนำมาประกอบ ก่อนวิ่งรถจากสมุทรปราการ ไปรับแม่ซึ่งพักอยู่ที่เขตสาทร หวังพาแม่ไปส่งโรงพยาบาล

“ตอนนั้นยังไม่รู้เรื่องอะไรเลยจะพาคนไปรักษาโควิด ต้องทำยังไงบ้าง คิดว่าไปส่งโรงพยาบาลแล้ว เขาก็จะรับเราไปรักษาเลย ผมก็มุ่งหน้าไปสถาบันบำราศนราดูร เพราะว่าตอนโควิดใหม่ๆ ช่วงต้นปี 2563 ยังวิ่งรถรับนักท่องเที่ยวชาวจีน เกาหลี อยู่ จึงเคยไปตรวจที่สถาบันบำราศฯ แต่ผลเป็นลบ เลยตัดสินใจพาแม่ไปตอน 4 ทุ่ม ตอนนั้นอาการแม่ผมแย่แล้ว แต่บำราศฯ เขาไม่รับ เขาบอกว่าต้องมี ผลตรวจ RT PCR ผมก็ไม่รู้จัก และไม่ใช่คนนนท์ ไม่รับ เขารับเฉพาะคนนนท์” คุณตั้ม เล่าเสียงหม่น

แต่เขาไม่ละความพยายาม หันมาถามผู้เป็นแม่ว่ามีสิทธิประกันสังคมอยู่ที่ไหน ได้คำตอบอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ เลยพากันไปจองคิวตรวจตั้งแต่ 4 ทุ่ม ได้ตรวจตอน 8 โมงเช้าของวันรุ่งขึ้น ส่วนพ่อซึ่งนั่งรถมาด้วย มีสิทธิประกันสังคมอยู่ที่โรงพยาบาลเจริญกรุง ไม่ได้ลงคิวตรวจด้วย เพราะกลัวจะเสียเงินค่าตรวจ 2 พันกว่าบาท แต่ผ่านไปแค่วันเดียว อาการทั้งพ่อและแม่ ทรุดลงเร็วมาก

ผ่านไปประมาณ 2 วัน โรงพยาบาลตำรวจ แจ้งว่าแม่ติดโควิด ส่วนตัวเขาไม่ติด แค่นั้นจบ ไม่มีการแจ้งว่าจะรับรักษาอะไร เลยต้องดิ้นรนหาทางเอง หาโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ อยู่ 2 วัน ไม่มีเลย จึงเสิร์ชหาโรงพยาบาลต่างจังหวัดไปเรื่อยๆ กระทั่งมีคนชี้ช่อง โรงพยาบาลราชพฤกษ์ขอนแก่น จึงโทรศัพท์ไปจอง โชคดีมีเตียงว่าง แต่ทางโรงพยาบาลบอกไม่มีรถมารับ ญาติคนไข้ต้องหาทางไปส่งเอง

“เคยไปลงทะเบียนกลับบ้านล่วงหน้ากับบางหน่วยงาน เขาบอกให้รอติดต่อกลับ ซึ่งไม่รู้เมื่อไหร่ งั้นผมไม่รอแล้ว เลยใส่ชุดพีพีอี ติดแผ่นอะครีลิก พาแม่ไปส่งเองเลย” คุณตั้ม ย้อนความทรงจำเมื่อไม่นาน

ก่อนบอกต่อ ส่งแม่เข้าโรงพยาบาลวันที่ 23 ก.ค. ตัวเขาเองต้องกักและสวอบหาเชื้อวันที่ 29 ก.ค. ปรากฏผลเป็นลบ ส่วนพ่อของเขาถูกส่งตัวมารักษาห้องเดียวกันกับแม่ในวันที่ 25 ก.ค. โดยมีเพื่อนรถตู้ด้วยกันพามาส่งที่จังหวัดขอนแก่น ล่าสุดพ่อกับแม่เขาได้รับการรักษาจนหายดีกลับบ้านได้แล้ว

“มาเกิดความคิด ขนาดใกล้ชิดกับแม่ แต่ไม่ยุ่งกับห้องโดยสารด้านหลัง อยู่แต่ที่คนขับ พาพ่อไปตรวจ ผมตรวจ 2 ครั้งก็ไม่ติด เลยมั่นใจ การพาพ่อกับแม่ที่ติดโควิดไปตรวจได้ ส่งถึงขอนแก่นเพื่อรักษาตัวได้ ไม่ใช่ว่าจะติดได้ง่ายๆ” คุณตั้ม สรุป

ก่อนบอก นี่คือจุดเปลี่ยน ทำให้เขาเกิดความคิด ถ้าทำงานนี้ วิ่งรถตู้รับผู้ป่วยโควิด เพื่อหารายได้ น่าจะเป็นเรื่องดี เพราะทุกวันนี้ มีคนต้องการใช้บริการกันเยอะมาก

“ทุกอย่างรอช้าไม่ได้ เชื้อลงปอดเร็วมาก พ่อผมแข็งแรงอยู่ดีๆ วันรุ่งขึ้นแบบกลายเป็นคนป่วยหนัก เอกซเรย์ปอดออกมาดำมากทั้ง 2 ข้าง แม่ก็ปอดเป็นฝ้า เชื้อลงปอดทั้งคู่ แล้วจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าพ่อกับแม่ รอโรงพยาบาลอยู่ที่กรุงเทพฯ ซึ่งไม่รู้จะได้เมื่อไหร่ โทร. 1330 ก็ไม่มีใครติดต่อมา อันนี้เรื่องจริง” คุณตั้ม เผยอย่างนั้น

และบอกต่อ

“หรือถ้าได้เตียง แต่ติดปัญหาเรื่องรถรับส่งอีก มันจะลดโอกาสการหายของพ่อแม่ผมลงไป แต่ถ้าทำเองได้ ไปส่งเลย จะเพิ่มโอกาสในการรักษาหาย ผมคิดแค่นั้นเอง”

เมื่อตกผลึกความคิด โควิด ไม่ติดกันง่ายๆ ถ้าตั้งการ์ดสูงตลอดเวลา คุณตั้ม เลยใช้ เพจ เหมารถตู้ราคาถูก ซึ่งเคยเป็นช่องทางรับชาวต่างชาติก่อนหน้านี้ มาเป็นสื่อประชาสัมพันธ์งานบริการล่าสุด รับส่งคนไข้สีเขียว สีเหลือง กลับภูมิลำเนา พาไปสวอบ พาไปตรวจ RT PCR โดยลงทุนจ่ายเป็นโฆษณาเพจ 1,200 บาท ปรากฏแค่วันแรกมีคนเข้ามาใช้บริการกันเยอะมาก

“ชวนเพื่อนแท็กซี่ที่ติดอะครีลิกแล้ว มาร่วมเป็นทีมเดียวกัน ล่าสุดมีประมาณ 20 คัน เพราะไหนๆ แท็กซี่ก็ไม่มีผู้โดยสารอยู่แล้ว มาทำแบบนี้หารายได้ดีกว่า สำหรับค่าบริการคิดตามระยะทาง แท็กซี่ เริ่มต้น 800 บาท 1-25 กิโลเมตรแรก รถตู้เริ่มต้น 1,200 บาท รอ 2 ชั่วโมง” คุณตั้ม อธิบายเงื่อนไขการใช้บริการ

ต้องเตรียมตัว เตรียมรถยังไงบ้าง คุณตั้ม บอกว่า ตัวเขารับวัคซีนแล้ว 1 เข็ม เพื่อนแท็กซี่ทุกคนรับแล้ว 2 เข็ม ไม่รับผู้ป่วยสีแดง เพื่อเลี่ยงการสัมผัสลูกค้า เพราะอย่างน้อยลูกค้าควรเปิดประตูรถเองได้ แต่ถึงเปิดไม่ไหวโชเฟอร์ก็เปิดประตูให้ได้ แต่หลังจากเปิดแล้วต้องถอดถุงมือทิ้งใส่ถุงแดงทันที

“โชเฟอร์ต้องใส่หน้ากาก 2 ชั้น ใส่เฟซชิลด์ สวมชุดพีพีอี ใส่หมวกคลุมผม พอวิ่งรับลูกค้าเสร็จ นำรถไปจอดกลางแดดเลย พรมเดทตอล เช็ดน้ำละลายผงซักฟอก พยายามหาความรู้ว่าไวรัส มีชีวิตอยู่ได้กี่นาที ที่อุณหภูมิเท่าไหร่ เพราะถ้าโควิดหมด ลูกเมียผมก็ต้องนั่งรถนี้ต่อ” คุณตั้ม บอกจริงจัง

ย้อนถามช่วงไม่มีงานวิ่งรถตู้เกือบ 2 ปี คุณตั้ม บอก

“ได้พักหนี้ 4 เดือน แต่รถยังมีค่างวด 16,000 บาท มีภาระผ่อนบ้านอีก แฟนก็ตกงาน เพราะโดนเลย์ออฟ ลูกอีก 2 คน ก็ได้แต่มองหน้าลูก แต่ถอดใจไม่ได้ เพราะทำอาชีพแบบนี้ ไปกู้อะไรไม่ได้เลย เพราะไม่มีเงินเดือนประจำ ผมกู้ซื้อรถคันนี้ ด้วยการแคปบทสนทนากับลูกค้า ให้เห็นราคา เพื่อขออนุมัติ และให้แฟนค้ำฯ ถ้าตอนนี้ผมปล่อยรถคันนี้ให้ถูกยึดไป อนาคตประเทศเปิด ลูกค้ามาแต่ผมไม่มีอาวุธในการหาเงินจะทำยังไง”

ถามถึงความตั้งใจในงานรับจ้างส่งผู้ป่วยโควิดครั้งนี้ คุณตั้ม บอก

“ขอแค่มีค่าผ่อนรถ ผ่อนบ้าน ไม่ทำจริงจังแต่เต็มที่กับทุกงาน ยอมรับว่า เป็นงานรายได้ดีมาก ได้เงินเร็ว วิ่งวันแรกวันเดียว ได้เงินกว่า 6 พันบาท วิ่งแค่ในกรุงเทพฯ อย่างเดียว ลูกค้าที่มีกำลัง ยังอยากใช้บริการอีกเยอะ ผมเป็นเหมือนตัวเลือกให้พวกเขาทางหนึ่ง”

สนใจเรียกใช้บริการ รถโดยสารรับส่งผู้ป่วยโควิด ติดต่อ โทรศัพท์ 089-845-7552 หรือ เพจ/เหมารถตู้ราคาถูก Van rental with driver in Thailand