ไม่หวั่นโควิด! ทุ่ม 50 ล้าน สร้างคาเฟ่เครื่องบิน หรูสุดในไทย 

ช่วงหลายปีมานี้ คาเฟ่ ถือเป็นธุรกิจที่ได้รับความนิยมมาก โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น หากมีเวลาว่างวันเสาร์หรืออาทิตย์ คาเฟ่ คือหนึ่งเส้นทางท่องเที่ยวที่ต้องแวะไป บางคนแวะไปถ่ายรูป บางคนไปนั่งทานขนม หรือเครื่องดื่ม อย่างย่านลาดกระบัง มีคาเฟ่เปิดใหม่ หรูหรากว่าที่ไหนๆ เพราะยกเครื่องบินทั้งลำมาตั้งไว้ ให้ลูกค้าได้ตื่นเต้นกับความอลังการของเครื่องบิน ที่เคยได้รับขนานนามว่าใหญ่ที่สุดในโลก 

คุณแบงค์-ธรรมรักษ์ ชวาลพิพัฒน์พงศ์ อายุ 25 ปี ทายาทเจ้าของคาเฟ่ เล่าให้ฟังว่า คุณพ่อดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ส่วนตนเองเปิดร้านอาหาร ทั้ง ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือหม้อดินนายกร, ร้านหม่าล่าโบอิ้ง และธุรกิจใหม่ล่าสุด ลงทุนไป 50 กว่าล้าน คือ 747 คาเฟ่ โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากไอเดียของคุณพ่อ ที่อยากให้คนไทย และชาวต่างชาติได้เห็นความอลังการของเครื่องบิน ซึ่งครั้งหนึ่งในอดีตเคยถูกขนานนามว่า “ราชินีแห่งฟากฟ้า” เพราะลำใหญ่ที่สุดในโลก รองรับได้ประมาณ 416 ที่นั่ง 

“คุณพ่อคลุกคลีอยู่ในวงการท่องเที่ยว จึงมีคอนเน็กชั่นในการติดต่อขอซื้อเครื่องบิน ซึ่งโบอิ้ง 747 HS-STA เป็นเครื่องบินของสายการบินโอเรียนท์ ไทย แอร์ไลน์ ปลดระวางมานาน 5 ปี หากจอดทิ้งไว้มีแต่จะเปลืองค่าเช่าที่ สู้นำมาทำประโยชน์ดีกว่า สนนราคาเครื่องบินลำนี้ 16 ล้านบาท” คุณแบงค์ เล่า

เมื่อได้เครื่องบินแล้ว คุณแบงค์ เล่าต่อถึงการขนย้ายเครื่องบิน ว่า ต้องแยกชิ้นส่วนออกเป็น 8 ส่วน คือ ผ่าเครื่องบินออก 3 ส่วน จากนั้นผ่าตรงกลางลำกลายเป็น 6 ส่วน และปีกอีก 2 ส่วน จากนั้นใช้รถเทรลเลอร์ขนย้ายหลังเที่ยงคืนเท่านั้น

ซึ่งสถานที่ตั้งคาเฟ่ ครอบครัวของคุณแบงค์ได้เช่าไว้เป็นระยะเวลา 30 ปี

“พื้นที่แห่งนี้มีขนาดเกือบ 10 ไร่ ตั้งอยู่ในย่านลาดกระบัง เมื่อเครื่องบินมาถึง ต้องสร้างฐานให้สูงประมาณเมตรกว่าๆ แล้วถึงประกอบโดยเริ่มจากล้อเครื่องบินขึ้นไป ส่วนภายในเครื่องบินรื้อที่นั่งออกทั้งหมด เพราะอยากให้ลูกค้าเห็นถึงความอลังการที่ไม่เหมือนใคร รวมๆ แล้วใช้เวลาในการประกอบราว 3 เดือน ซึ่งการนำเครื่องบินมาตั้งต้องขออนุญาตเขต ขั้นตอนไม่ยาก มีประสบการณ์จากการเปิดร้านอาหารมาก่อนแล้ว” ทายาทวัย 25 เล่า

คุณแบงค์ บอกต่อว่า ใช้เวลาก่อสร้างคาเฟ่ประมาณ 6 เดือน เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ถือเป็นแลนด์มาร์กใหม่ของย่านลาดกระบัง บรรยากาศติดริมคลองประเวศบุรีรมย์ และมีต้นไม้พื้นหญ้าธรรมชาติล้อมรอบ ตกแต่งสไตล์ Loft เน้นให้เห็นโครงสร้างเหล็กของเครื่องบิน แบ่งออกเป็น 2 ชั้น บาร์เครื่องดื่มจะอยู่กลางลำ ส่วนจุดถ่ายรูป คือห้องนักบินชั้นบนสุด ยังคงความเป็นห้องควบคุมที่ยังสมบูรณ์เกือบ 90% มีชุดกัปตันและแอร์โฮสเตส ให้ลูกค้าสามารถเช่าถ่ายรูปได้ และบริเวณปีกด้านข้างก็สามารถออกไปยืนถ่ายรูปได้เช่นกัน 

ส่วนเมนูอาหาร-เครื่องดื่ม คุณแบงค์ บอกว่า โดดเด่นเรื่องเครื่องดื่มกาแฟ ในสโลแกนไทยเท่ หรือ ไทยช่วยไทยด้วยกัน

“เราใช้กาแฟอาราบิก้าของพี่น้องเกษตรกรบ้านปางขอน จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นกาแฟ 1 ในโครงการพระราชดำริ เมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว ทีมงานของ 747 คาเฟ่ในปัจจุบัน เคยลงพื้นที่ไปช่วยพัฒนาสอนปลูกกาแฟตั้งแต่ขั้นเริ่มต้นไปจนถึงการเก็บผลผลิต จึงรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องใช้กาแฟจากเมืองนอกเหมือนคนอื่น และคิดว่ากาแฟไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก เกษตรกรไทยจะได้มีรายได้จากการปลูกกาแฟด้วย” คุณแบงค์ ย้ำถึงความตั้งใจ 

“ผมตั้งเป้าให้มีเงินหมุนเวียนภายในคาเฟ่วันละ 1 แสนบาทโดยประมาณ มีลูกค้าใช้บริการ 800-1,000 คนต่อวัน แต่ด้วยสถานการณ์โควิด จำนวนคนที่ใช้บริการจริงอาจจะอยู่ 700 คนต่อวัน เพราะต้องจำกัดจำนวนคนที่มาใช้บริการ มาตรการเราวางไว้เข้มงวด ฉีดฆ่าเชื้อทุกบริเวณภายในร้าน ก่อนเข้าต้องวัดอุณหภูมิ ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์เจล สแกนไทยชนะ จำกัดจำนวนขึ้น 60 คนต่อรอบ เมื่อมีคนลงมา ถึงสลับลูกค้าเข้าไป และพนักงานของเราเช็ดทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อเดทตอลทุกครั้งที่ลูกค้าทานเสร็จ” คุณแบงค์ อธิบายถึงการใช้บริการ

นอกจากสัมผัสบรรยากาศบนเครื่องบินแล้ว ลูกค้ายังได้อิ่มท้องไปกับร้านอาหารของคุณแบงค์ ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน คือ ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือหม้อดินนายกร สาขา 629 เป็นก๋วยเตี๋ยวเรือที่มีสาขามากที่สุดในประเทศ และร้านหม่าล่าสัญชาติจีน ที่หรูและใหญ่ที่สุดในประเทศ ทุกคนเรียกเขาว่า หม่าล่าโบอิ้ง 629

ก่อนบอกทิ้งท้าย ถึงความท้าทายในการเปิดคาเฟ่ ท่ามกลางโควิด-19 ว่า “คนอื่นยอมแพ้ แต่เราไม่ยอม เพราะมันคือโอกาส ต้องปรับตัวให้เร็ว และทันต่อสถานการณ์ และคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นให้เร็วกว่าคนอื่น และเงิน 50 ล้านที่ลงทุนไป คาดว่าจะคืนทุนในอีกหลายปี เพราะยังมีแผนเปิดร้านอาหาร, บาร์กลางคืน ฯลฯ”

สำหรับคนที่สนใจ ราคาตั๋วขึ้นเครื่องท่านละ 120 บาท สามารถนำตั๋วนี้ไปแลกเครื่องดื่ม ที่ชั้น 2 หน้าคอฟฟี่บาร์ ได้ 1 แก้ว ดูรายละเอียดได้ที่ เฟซบุ๊ก 747 Cafe

เผยแพร่เมื่อ วันศุกร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ.2564