กระทรวงพาณิชย์ ย้ำมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรไทยฝ่าวิกฤติโควิด-19 เปิดโครงการ “Thailand Fruit Golden Months : ไทยช่วยไทย ชาวสวนอยู่ได้ ประเทศไทยอยู่รอด”

ด้วยสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ในปัจจุบัน สงผลกระทบต่อความก้าวหน้าของประเทศในทุกภาคส่วนทั่วโลก โดยเฉพาะภาคการเกษตร เนื่องจากเกษตรกรไม่สามารถระบายผลผลิตออกไปสู่ต่างประเทศได้ ผลผลิตราคาตกลงกว่าปกติ จากมาตรการล็อคดาวน์ของรัฐบาล เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อโรค 

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ นำโดย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เผยว่า “กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ได้ไปร่วมประชุมหารือกับเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ สหกรณ์การเกษตรกร ผู้แปรรูป และผู้ส่งออกผลไม้ไทย จึงเป็นที่มาของมาตรการต่างๆ ที่มีการทบทวนมาตรการอยู่หลายรอบ หลายมาตรการที่เราทำต้องเปลี่ยนแปลงไปหลังจากการระบาดของเชื้อโรคโควิด-19

โดยกระทรวงพาณิชย์จะร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการดำเนินการทางการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ รูปแบบการตลาดจะทำทั้ง 2 รูปแบบ ทั้งแบบออนไลน์และแบบออฟไลน์ โดยถือโอกาสเปิดตัวโครงการ “Thailand Fruit Golden Months : ไทยช่วยไทย ชาวสวนอยู่ได้ ประเทศไทยอยู่รอด” เป็นโครงการที่กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ร่วมมือกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำ ได้แก่ Thailandpostmart, Shopee, Lazada, JD Central, Jatujakmall, Cloudmall และ The Hub Thailand เพื่อสนับสนุนและช่วยเหลือเกษตรกรไทยผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 โดยส่งเสริมช่องทางออนไลน์สำหรับจำหน่ายสินค้าการเกษตรเพื่อการส่งออกผลไม้สดเกรดพรีเมี่ยม คุณภาพส่งออก ที่หลายสวนไม่สามารถส่งออกไปขายยังตลาดในต่างประเทศได้เต็มที่ดังเช่นทุกปีที่ผ่านมา

สำหรับในตลาดออฟไลน์ที่เราได้ดำเนินการไปแล้วในช่วงที่ผ่านมา เช่น ใช้ตลาดไท ตลาดสี่มุมเมือง ให้ผู้ค้าส่งมาซื้อไปขายส่งและปลีกไปด้วย ขณะที่ห้างโมเดิร์นเทรดต่างๆ ช่วง 9 มีนาคมที่ผ่านมา เราได้มีการลงนามระหว่างกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ช่วยรับซื้อผลไม้จากเกษตรกรและไปจำหน่าย ปรากฏว่าตัวเลขออกมาเป็นที่น่าพอใจ สามารถช่วยระบายผลไม้ให้เกษตรได้ 16,700 ตัน เป็นเงินรวม 762 ล้านบาท นอกจากนั้นก็จะมีรูปแบบของการสั่งการเป็นนโยบาย ว่าต่อไปนี้พาณิชย์จังหวัดต้องทำหน้าที่เป็นผู้จัดจำหน่าย ช่วยขายผลไม้และพืชผลการเกษตรทั้งหมดให้กับเกษตร โดยวิธี ขั้นแรกถ้าจังหวัดไหนผลไม้ออกมาก พาณิชย์จังหวัดต้องจัดโมบายมาร์เก็ต หรือตลาดชั่วคราว จัดตลาดนัดเฉพาะกิจขายผลไม้ ทำโปรโมชั่นให้คนมาช่วยซื้อผลไม้ในจังหวัดของตัวเอง อย่างที่สองคือ พาณิชย์จังหวัดต้องทำหน้าที่พบปะกับสหกรณ์ ล้ง และจับคู่ธุรกิจให้ ซึ่งขณะนี้ได้มีคำสั่งซื้อเฉพาะผลไม้ทั่วประเทศรวมกัน 300 กว่าล้านบาทแล้ว อันนี้คือตลาดออฟไลน์ที่เราดำเนินการและจะทำต่อเนื่อง สุดท้ายคือ จัดรถพุ่มพวงขายผลไม้ ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้ว 100 คัน ออกจากตลากไท ตอนนี้ก็ยังดำเนินการอยู่

หัวใจสำคัญที่สุดที่ภาคเอกชนรอคอยอยู่ขณะนี้ คือตลาดจีน ที่ผ่านมาเราติดปัญหาเรื่องด่านที่ต้องข้ามแดนลาว แดนเวียดนาม ซึ่งมี 2 ด่าน ซึ่งเอกชนอยากเห็นการเปิดด่าน เพื่อจะได้ส่งสินค้าเกษตรจากไทยเข้าจีนตอนใต้ได้สะดวกขึ้น ก็เจรจาร่วมกับทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และทางการจีน ปรากฏว่าตอนนี้สัมฤทธิ์ผลแล้ว จีนจะเปิดด่านเพิ่มให้เรา 2 ด่าน เริ่มตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน 2563 เป็นวันแรก ประกอบด้วยด่านรถไฟผิงเสียง กับด่านตงซิง เมื่อ 2 ด่านนี้เปิดได้ ถัดจากนี้คาดการณ์ว่าผลไม้ไทยจะทะลุทะลวงจากไทยผ่านเวียดนาม ข้ามไปขายจีนตอนใต้และกระจายไปประเทศอื่นได้ เหมือนเปิดลมหายใจให้กับเกษตรกรไทยได้อย่างเป็นรูปธรรม นี่คือตลาดออฟไลน์ที่ทางกระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการไปแล้ว

ส่วนตลาดออนไลน์ เป็นที่มาของกิจกรรมวันนี้ สำหรับตลาดต่างประเทศ ก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากแพลตฟอร์มที่มีชื่อเสียงของแต่ละประเทศ ขยายตลาดสินค้าไทยในต่างประเทศผ่านร้าน TOPTHAI Flagship Store บนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในตลาดเป้าหมาย อาทิ อเมซอนในตลาดสหรัฐฯ ทีมอลในตลาดจีน คลังไทยในตลาดกัมพูชา และบิ๊กบาสเก็ตในตลาดอินเดีย เป็นต้น

เราได้รับความร่วมมืออย่างดีจาก 7 แพลตฟอร์มที่มีชื่อเสียง เพื่อเป็นช่องทางในการจำหน่ายผลไม้ส่งออก เกรดพรีเมี่ยม เป็นผลไม้เกรดพรีเมียมแต่ขายในราคาไทยเป็นกรณีพิเศษ เราสามารถซื้อขายได้เลย เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน เป็นเวลา 2 เดือนทองของผลไม้ไทย ที่เราจะทำการโปรโมทบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ขายผลไม้ไทยเกรดส่งออกราคาในประเทศ

บนแพลตฟอร์มออนไลน์เราไม่ได้ทำแค่เพียงเท่านี้ และเพิ่มการปรับรูปแบบ ปกติการค้าขายโดยกระทรวงพาณิชย์ในการส่งสินค้าไปต่างประเทศ เราจะจัด Business matching คือการจับคู่การค้าทางธุรกิจ จัดเวทีที่ประเทศไทย แล้วเชิญผู้นำเข้าจากต่างประเทศมาพบปะกัน มีการทำสัญญาซื้อขายแล้วทราบตัวเลขยอดขายขณะนั้นเลย แต่ในสถานการณ์ตอนนี้ไม่สามารถทำได้ เลยต้องปรับรูปแบบเป็นการจับคู่ออนไลน์แทน เราก็อยู่ในประเทศเป็นผู้ส่งออก สำหรับคู่ค้าในต่างประเทศเราเจรจากันโดยผ่าน Video conference ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2563 ที่ผ่านมา เราเจรจาการส่งออกมะม่วงกับประเทศเกาหลี ปรากฏว่าเราสามารถขายมะม่วงให้กับเกาหลีได้ 3200 ตัน คิดเป็นมูลค่า 480 ล้านบาท คนที่ขายคือเกษตรกรโดยตรง

นี่คือสิ่งที่กระทรวงพาณิชย์ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการค้าออนไลน์จากการพบกันโดยตรง แต่ได้ผลสัมฤทธิ์เช่นเดียวกัน นอกจากนั้นเราก็มีแผนต่อไปคือ การจับคู่ธุรกิจที่ทำกับอีกหลายประเทศ วันที่ 7 พฤษภาคมนี้ ก็จะทำการค้ากับทางประเทศเกาหลีอีกรอบ หลังจากนั้นจะเจรจากับประเทศมาเลซีย ในเดือนมิถุนายนก็มีแผนจะเจรจากับทางอินเดีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อิยิปต์ เพื่อระบายผลไม้ไทยไปยังต่างประเทศผ่านระบบ Business matching แบบออนไลน์ 

นอกจากนั้นสำหรับในต่างประเทศก็จะทำโปรโมชั่นกับห้างสรรพสินค้าในต่างประเทศทั้งในรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์ เช่น ห้างสรรพสินค้าในจีนอีกหลายแห่ง ก็จะช่วยเปิดตลาดผลไม้ไทยไปยังต่างประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรมขึ้น นอกจากนี้กระทรวงพาณิชย์ได้ขอความร่วมมือจากตลาดญี่ปุ่น ซึ่งเป็นตลาดผลไม้ที่สำคัญตลาดหนึ่ง จึงอยากให้ทางนั้นช่วยโดยเฉพาะอย่างยิ่งรายการโทรทัศน์ที่พ่อบ้านแม่บ้านดูเยอะ ถ้าสามารถเอาผลไม้ไทยไปทำโปรโมชั่นบนแพลตฟอร์มเหล่านั้นได้ จะช่วยให้ผลไม้ไทยระบายไปทางญี่ปุ่นได้มากขึ้น เป็นความหวังว่าจะช่วยให้ผลไม้ไทยระบายไปต่างประเทศได้คล่องขึ้น แม้จะเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 

สุดท้ายถือโอกาสนี้เชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ ได้กรุณาช่วยส่งเสริมการบริโภคผลไม้ไทย ผ่านระบบออนไลน์ซึ่งเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์เป็นอย่างยิ่ง โดยผลไม้ไทยจะมีการจำหน่ายบนช่องทางออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มทั้ง 7 แพลตฟอร์ม ทั้งเว็บไซต์ Thailandpostmart, Shopee, Lazada, JD Central, Jatujakmall, Cloudmall และ The Hub Thailand ประชาชนสามารถเข้าไปซื้อผลไม้ไทยในแพลตฟอร์มเหล่านี้ได้ ขอให้ช่วยกันซื้อ ช่วยกันบริโภค ทั้งหมดนี้เพื่อประโยชน์ของผู้บริโภคไทยเองที่ได้ซื้อผลไม้เกรดพรีเมี่ยม เกรดส่งออก ในราคาประเทศไทย เท่ากับส่งผลช่วยเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ในที่สุดต่อไปด้วย”