จราจรคลี่คลาย แมสก์ปัจจัยที่ห้า : โควิด-19 จุดเปลี่ยนสังคมมนุษย์!?!

กลัวจะตายอยู่แล้ว…โควิด-19

แล้วไงต่อดี!!

รับรู้ข่าวโรคอุบัติใหม่ ชื่อน่ารักมาก “โควิด-19” แต่ไม่ยักจะน่ารัก สุดแสนจะร้ายกาจ ติดง่ายเหมือนหวัด แต่ทำร้ายปอดจนถึงตายได้ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงคนอายุเยอะ หรือมีโรคประจำตัว

ตะแรกก็แค่ช็อก ตกใจ ตามอ่านข่าว ตั้งอกตั้งใจศึกษา ยิ่งรู้ ยิ่งเห็นข่าวการแพร่ระบาดแบบรวดเร็ว จากตัวเลขคนติดเชื้อเป็นร้อย ขยับเป็นพันแค่ไม่กี่วัน จนในที่สุดแตะหลักหมื่น ใกล้ๆ จะเป็นแสนอยู่รอมร่อ จำนวนผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่นี้ ปาเข้าไป 3,000 กว่าคนแล้ว

จากจีนเมืองเดียว ลามระบาดไปถ้วนทั่ว แทบจะทุกทวีป เฉียด 100 ประเทศแล้ว

ยิ่งเสพข่าวก็ยิ่งกลัว ความกลัวแผ่ซ่านไปทั้งสังคม กลัวเชื้อโรคจนเลิกไปเที่ยวต่างประเทศ ทั้งที่ช่วงต้นปี หนาวเริ่มคลาย เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ดอกไม้สวย ซากุระยอดฮิตของญี่ปุ่น ปีนี้คงบานแบบไร้คนดูเป็นครั้งแรก

อยู่แต่เมืองไทย ก็ยังไม่เลิกกลัว วิ่งวุ่นหาซื้อหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ จนสินค้า (รัฐบอก) ไม่ขาดตลาด แต่หาซื้อกันไม่ได้ ยิ่งกลัวสุดๆ เมื่อเห็นข่าวแก๊งขายหน้ากากใช้แล้ว ซึ่งอันตรายยิ่งกว่าไม่ใส่หน้ากากเสียอีก

แต่ลองตั้งสติ ข่มความกลัว เราจะเห็นว่า ในวิกฤตย่อมมีโอกาส ขณะเดียวกัน ท่ามกลางความมืด เราจะเห็นแสงแม้จะริบหรี่ได้ชัดเจน อย่างเช่น

ปัญหาจราจรคลี่คลาย

ความกลัวโควิด-19 เชื่อว่า หลายคนแก้ปัญหาด้วยการอยู่ติดบ้าน งดกิจกรรมนอกบ้าน หันมากินข้าวที่บ้านแทนการไปร้านอาหารข้างนอก  ช่วยให้รถบนท้องถนนโล่งขึ้นเยอะ ปัญหาการจราจรติดขัด คลี่คลายไปได้โดยปริยาย

Work At Home เริ่มเป็นจริงเป็นจัง

คนไทยพูดถึงเรื่องการปรับตัวไปสู่ยุคดิจิตอล สังคมยุคใหม่ที่ไร้กฎเกณฑ์ คนรุ่นใหม่ที่สามารถทำงานที่ไหนก็ได้ ไม่ยึดติดว่า จะต้องมีที่ทำงานเฉพาะเจาะจงที่ใดที่หนึ่ง แต่เอาจริงๆ หลายออฟฟิศก็ยังไม่มั่นใจว่า หากให้พนักงานอยู่บ้าน จะได้งานจริงหรือ เพราะกลัวว่า บรรยากาศที่บ้าน ทำให้อยากนอน อยากดูซีรี่ส์มากกว่า แต่พอเกิดกรณีโควิด-19 จำเป็นต้องกักตัวดูอาการ 14 วัน ทำให้ Work At Home ถูกหยิบมาใช้ด้วยความจำเป็น

แต่จะได้ผลอย่างที่คาดหวังหรือไม่  ว่ากันอีกที!!

ออนไลน์ยิ่งจำเป็นมากขึ้น

พอการแพร่ระบาดหนักขึ้น องค์กรจำเป็นต้องสกัดกั้นเชื้อโรคกันยกใหญ่ หลายแห่งประกาศยกเลิกการจัดกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นคอนเสิร์ต การแข่งขันฟุตบอลก็ให้แข่งแบบไม่มีคนดู หรือมหกรรมทั้งหลาย รวมไปถึงงานแถลงข่าวจิปาถะ เริ่มมีการคิดกิจกรรมแถลงข่าวผ่านการถ่ายทอดสดผ่านโซเชียล หรือ Live อย่างเช่น ธนาคารกสิกรไทย แถลงผลกระทบเศรษฐกิจจากกรณีโควิด-19 ก็ใช้วิธีไลฟ์ หรือกรณีของบริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ก็ใช้วิธีแถลงผลการดำเนินงานผ่านการไลฟ์เฟซบุ๊ก

ต่อไปเราคงอยู่บ้าน ทำงานผ่านมือถือ ไม่ต้องออกไปพบปะผู้คนข้างนอก สังคมถูกผลักให้กลายเป็นสังคมแบบโดดเดี่ยว (Isolate Sociation) ด้วยความจำเป็นไปโดยปริยาย

นี่ยังไม่นับรวมพฤติกรรมการสั่งซื้อสินค้า อาหารการกินผ่านออนไลน์ จากที่นิยมอยู่แลว ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปอีก  เพราะต้องหลีกเลี่ยงปัญหาโควิด-19

ดังนั้น เอสเอ็มอีรายใดที่ยังชักช้า ยืดยาด ต้องรีบขายออนไลน์โดยด่วน

หน้ากากอนามัย ปัจจัยที่ 5

ภาวะต่อคิวซื้อหน้ากาก ภาพหน้ากากเกลี้ยงแผง จนต้องขึ้นป้ายสินค้าหมด เป็นโอกาสดีสำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าจะทำธุรกิจอะไรดี ลองคิดหาช่องทางผลิต หรือหาหน้ากากมาขาย รับรอง…รวยแน่นอน เพราะนอกจากโควิด-19 ที่มาแบบปัจจุบันทันด่วน และแนวโน้มน่าจะยืนยาวไปอีกหลายเดือนแล้ว

คนไทยรบรากับปัญหาฝุ่น PM2.5 มา 2-3 ปีแล้ว สังเกตได้ว่า พอปลายปี เข้าสู่ฤดูหนาว ฝุ่นจะเริ่มเยอะขึ้น ท้องฟ้าหม่น ขมุกขมัว ทำนองว่า อากาศปิด ไม่มีลมพัด บ่งบอกการมาเยือนของฝุ่น PM2.5

ไม่เฉพาะคนกรุงที่เจอปัญหา ทางภาคใต้ก็มีฝุ่นควัน จากการเผาไหม้พัดมาจากมาเลเซีย อินโดนีเซีย ขณะที่ภาคเหนือก็ปกคลุมด้วยฝุ่นควัน และเริ่มมาเป็นประจำทุกปี จนชักจะเคยชินกับข่าวแล้ว

หน้ากากอนามัย กลายเป็นของจำเป็นไปเสียแล้ว สำหรับคนไทย ตราบใดที่รัฐบาลยังไม่เอาจริงกับการแก้ปัญหา ปล่อยให้คนเผาป่าเพียงเพราะอยากได้เห็ด  หรือไม่เลิกประเพณีเผาไร่อ้อย ตราบนั้นคนไทยจะวนเวียนอยู่กับฝุ่น PM2.5  ไปอีกนานแสนนาน

……………

ว่าแล้วก็ง่วนเสิร์ชหาซื้อหน้ากาก…กันต่อดีกว่า!!