“กอล์ฟ-พิชญะ” พักเรื่องรักมุ่งทำธุรกิจ ขายกระเป๋า เปิดตัวคอลเลกชั่นแรก ‘ร็อคสตาร์’ ล่าสุดโกอินเตอร์แล้ว

คลุกคลีอยู่กับธุรกิจกระเป๋ามาตั้งแต่เด็ก ทำให้วันนี้หนึ่งในธุรกิจของ อดีตนักร้องดูโอ้สุดฮอต กอล์ฟ-พิชญะ นิธิไพศาลกุล จึงเป็นการขายกระเป๋า ซึ่งการใช้เวลาในการออกแบบนั้นนานกว่าปีครึ่ง มีการทำโปรโตไทป์ หรือแบบจำลองมาตั้งไว้ในห้องนานมากแต่ไม่ได้ใช้สักที เพราะรู้ากว่ามันยังไม่ลงตัว ก่อนจะปรับเปลี่ยนไปมาจนกลายเป็นแบรนด์  YAAAS อย่างที่เห็นในตอนนี้

“คือกอล์ฟทำไปเรื่อยๆทำไปทำมา จนมาเป็นแบบเครื่องดนตรี เพราะรู้สึกว่าสุดท้ายมันตีกลับไป สิ่งแรกที่เราเกิดมาจากความเป็นนักร้อง เราก็ชอบแบบพวกการทำเพลง เราก็เลยเอาเครื่องดนตรีที่เรารู้จัก สิ่งที่ใกล้ตัวสิ่งที่เราชอบมาทำเป็นแฟชั่น เหมือนมันเป็นมิวสิคกับแฟชั่นผสมกัน ก็เลยเปิดตัวมาเป็นแบบคอลเลกชันแรกชื่อ ‘ร็อคสตาร์’ ก็จะเป็น มีแรงบันดาลใจมาจากตู้แอมป์กีตาร์ หรือแบบว่าอิเลคโทรนิคเปียโน ซินโตไซเซอร์  มันก็เป็นอะไรที่แหวกออกมา ก็มีความรู้สึกว่าอยากจะลองเริ่มไปเจาะตลาดต่างประเทศดู”

โดยสิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจในการริเริ่มมาทำกระเป๋านั่นก็เพราะที่บ้านมีโรงงานอยู่แล้ว

“คุณพ่อทำแบรนด์มาก่อน คุณพ่อทำแบรนด์ ไมเคิล แองเจลโล่ แล้วก็เราชอบศิลปะอยู่แล้ว เหมือนเรามีครัวอยู่ที่บ้านอยู่แล้ว เราก็เลยอยากลงไปทำ เรามีโรงงานที่สามารถผลิตโปรโดไทป์ตัวอย่างต้นแบบให้เราได้”

“ถ้าเราไม่มีโรงงานเราต้องไปจ้างที่อื่นทำแล้วมันก็จะยุ่งยากวุ่นวาย ปัญหาเรื่องคนอีก เรามีอุปกรณ์พร้อมเราก็เลยรู้สึกว่าน่าลองนะ ลองลุยดู แล้วคุณพ่อกอล์ฟเองก็ซัพพอร์ตเต็มที่ อยากทำอะไรก็ทำเลย เราก็เลยลองดู เพราะก่อนหน้านี้เราก็เคยทำครีม กอล์ฟว่ามาลองทางแฟชั่นบ้างเพราะว่าเราชอบแต่งตัวอยู่แล้ว ชอบวาดรูปดีไซน์”

กับคอลเลกชั่นแรก ‘ร็อคสตาร์’ นั้นทำมาเพียงไม่กี่ชิ้น แต่ว่าแต่ละชิ้นมีดีเทลที่แบบใส่ใจรายละเอียดดีเทลในแต่ละแบบนั้นๆ แล้วก็จะได้ไม่ต้องลงทุน เพราะที่ผ่านมาในการทำธุรกิจการลงทุนก็ลงทุนเยอะบ้างน้อยบ้าง แต่ครั้งนี้อยากเริ่มต้องเล็กๆ ก่อนเลยมีไม่กี่แบบ แต่มีหลายสี เปิดขายในอินสตาแกรม @yaaas.world เพื่อเป็นการลองตลาดดู

“ใช้ได้ทั้งผู้ชายแล้วก็ผู้หญิง เป้ก็ผู้ชายสะพายได้ แต่ว่าถ้าเป็นผู้หญิงที่แบบว่าชอบสตรีทหน่อยก็ถือได้เพราะว่าเดี๋ยวนี้ผู้หญิงก็ชอบสะพายเป้ เราก็ออกแบบมาไม่ได้ใหญ่มากแต่ก็ไม่ได้เล็กมาก แต่อันที่เป็นผู้หญิงเลยก็มีเป็นอันเล็กๆ โซ่ทองแบบชิคๆ เลย”

หลังจากลองตลาดดูนั้น “ก็โอเคครับ ก็หมายถึงว่ามันเพิ่งเริ่มกอล์ฟก็ยังไม่สามารถบอกอะไรได้ ว่ามันจะไปได้ดีแค่ไหน แต่สุดท้ายมันทำมาจากสิ่งที่เราชอบเราก็ทำไปเรื่อยๆก่อน แล้วก็หาช่องทางวางแผนว่าปีนี้เราจะไปไหนบ้าง”

“อย่างที่ผ่านมาไม่กี่เดือนที่แล้วก็ไปอเมริกา ก็ไปลองบูธ เป็นงานเทรดโชว์ที่จะมีลูกค้าบายเออร์ต่างๆเข้ามาเยอะๆ ก็ลองไปตลาดที่นั่นดู แล้วก็ไปหาช่องทางในการทำให้คนเห็น ให้ออกไปสู่สายตาให้คนเห็นเยอะขึ้นภายในต่างประเทศก็ได้ลงแม็กกาซีน มันก็เป็นช่องทางที่ดี ที่นิวยอร์ก”

ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายกับการไปโชว์ที่ต่างประเทศ และตอนที่ติดต่อไปเขาก็ปิดรับบูธไปแล้ว แต่ก็ได้ยื่นแบบเข้าไปซึ่งทางผู้จัดก็อยากได้ของแบบนี้ไปร่วมในงานพอดี ก็เลยได้โอกาสไปเปิดตลาดใหม่ๆ เรียกว่ากระแสตอบรับที่ได้รับกลับมานั้นดีเกินคาด

“มีบายเออร์เข้ามาถามราคา ตอนนี้อยู่ในช่วงการเจรจาว่าจะออเดอร์ยังไง ที่ไทยก็มีขาย มีส่ง บางคนก็สั่งจากต่างประเทศมาก็ส่งเป็นแบบส่งเมลไปให้เขา”

ไม่เพียงแค่นั้น แต่ YAAAS ยังได้ไปอยู่ในนิตยสารต่างประเทศอีกด้วย

“ที่ได้ไปลงหนังสือแม็กกาซีนก็มีคอลเนกชั่นที่เขา ไม่ใช่ว่าเราจะลงอะไรก็ได้ มันต้องเหมาะ แบบของกระเป๋าเราต้องตรงทาร์เก็ต เหมาะกับศิลปินที่เราไปถ่ายแฟชั่นเซ็ทให้เขา เพราะถ้าเราเอาแบบอะไรไปไม่รู้แล้วเขามาอีกทางนึง มันก็ไม่เข้ากันใช่ไหม แต่ว่าอันนี้เขาเป็นนักร้องด้วย เขาก็ชอบเครื่องดนตรี ก็เลยเหมาะเจาะพอดี อีกเล่มนึงที่ยังไม่ออกคือถ่ายกับเมเจอร์ เมเจอร์เป็นโปรดิวเซอร์ของจัสติน บีเบอร์ อัลบัม BELIEVE ก็เขาเอาไปถ่าย”

“ก็ตื่นเต้นนะ เพราะเราโปรดักมา ก็ได้มีโอกาสไปออกที่ต่างประเทศ ได้ศิลปินอเมริกา แล้วก็โปรดิวเซอร์ของจัสติน บีเบอร์ถ่ายด้วย เรารู้สึกเป็นอะไรที่ไม่คาดคิดมากมาก่อนว่าจะไปถึงจุดนั้น เพราะเราเพิ่งออกมา ได้ไปถ่ายเราก็รู้สึกดีมากๆแล้ว”

รวมไปถึง นักร้องดังของเกาหลี อย่าง นิชคุณ หรเวชกุล วง 2PM ก็ยังสนใจขนาดติดต่อขอซื้อเพื่อนำไปให้เป็นของขวัญวันเกิดกับ หัวหน้าวง

“ตอนแรกน้องถามไปที่ไมค์ก่อนเพราะเห็นไมค์ลง น้องไม่รู้ว่าเป็นของกอล์ฟ มารู้ตอนหลัง ก็เลยคุยกัน เลยทำส่งไปให้เขา มีแบบชื่อเขาปักลงไป”

“มันอาจจะเหมาะกันศิลปินนักร้องชอบด้วย เพราะมันแหวก ไม่เหมือนใคร ก็ดีใจเราทำมา เราทำสิ่งที่เราชอบแล้วมีคนชอบ ก็เหมือนเป็นกำลังใจให้เรา เดี๋ยวเราต้องออกแบบเพิ่มอีกนะ กระตุ้นให้เรามีแรงใจที่จะทำ”

นอกจากเรื่องของดีไซน์ที่แหวกแนวนั้น วัสดุที่นำมาใช้ก็ต้องบอกว่าเป็นของระดับพรีเมียมทั้งหมด ทั้งหนังแท้ อะไหล่ต่างๆ รวมไปถึงตัวโลโก้แบรนด์ YAAAS ที่ใช้โรงงานเดียวกับไฮแบรนด์ของอิตาลี ที่เพียงแค่ได้เห็นตัวอย่างตอนที่โรงงานส่งมาให้ดูก็รู้สึกว่าเหมือนแบรนด์ดังที่เคยซื้อ และทำให้พูดได้อย่างมั่นใจว่าของดี

“เราพยายามทำทุกอย่างให้ดี เพราะไม่อยากให้เขาใช้ไปแล้วพังง่ายครับ”

“คือจริงๆทุกอย่างที่กอล์ฟใช้มันเป็นพรีเมียมหมดเลย ราคามันค่อนข้างสูง มันจะคนละทาร์เก็ตกับ เหมือนเวลาเราซื้อของในไอจีหรือซื้อของในโซเชียล มันจะมีเรนท์ราคาที่อยู่ระดับหลักพัน แต่พอเป็นหลักหมื่นขึ้นคนจะไม่กล้าซื้อในโซเชียลมีเดียแล้ว แต่ว่าเหมือนตอนที่กอล์ฟอยู่อเมริกามันก็จะมีเว็บต่างๆที่ขายแล้วก็มีแบบราคาที่แพงก็มี ซึ่งตอนนี้กอล์ฟก็พยายามหาช่องทางว่าจะขายยังไง เพราะกอล์ฟยังไม่มีช๊อป เพราะแบบมันยังมีไม่กี่แบบ ตอนนี้กำลังคุยๆอยู่ว่าจะไปเข้ามัลติแบรนด์ในไทยไหม”

ส่วนตลาดในไทยนั้นจะขายได้ยากง่ายแค่ไหน กอล์ฟ บอกว่า

“ในไทยก็อาจจะมีกลุ่มคนที่ชอบอะไรแบบนี้ แต่ว่าเรนต์ราคาของกอล์ฟมันมีราคาตั้งแต่ อยากได้แล้วซื้อเลย หรือว่าอยากได้แล้วต้องคิดก่อนก็มี คือเป้กอล์ฟจะแพงสุด อยู่ที่ 23,000 บาท เพราะว่าต้องใช้หนังเยอะมาก ถ้าดูรายละเอียดดีเทลมันทำยากเหมือนกัน แล้วก็มีปิ๊กที่ถูกสุดของคอลเลคชั่นนี่ ประมาณ 5,000 กว่าบาท อยู่ในราคาที่ซื้อง่าย”

ทั้งนี้กับคุณพ่อที่เหมือนเป็นต้นแบบในการทำธุรกิจครั้งนี้ ก็ได้ให้คำปรึกษาเรื่องวัตถุดิบหรือข้อมูลบางอย่างที่เราไม่ค่อยรู้มาก่อน รวมทั้งเรื่องการขายด้วย

“จริงๆ ก็แทบทุกอย่างเลยนะ ส่วนมากคุณพ่อจะไม่ค่อยเบรกกอล์ฟ จริงๆ อยากให้เบรกบ้าง เพราะบางทีกอล์ฟฟุ้งแล้วเหมือนไม่มีคนตีกรอบ แต่ว่ามันก็ไม่ใช่สิ่งที่ผิดเพราะศิลปะมันไม่มีอะไรถูกผิด”

ซึ่งเขาก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจของคนรุ่นต่อไป