ติดอันดับนักธุรกิจหนุ่มเนื้อหอมที่ถูกสาวๆ ค้นประวัติในกูเกิ้ลอยู่บ่อยๆ สำหรับ กึ้ง – เฉลิมชัย มหากิจศิริ ซีอีโอไฮโซหน้าตี๋ วัย 39 ปี ลูกชายคนเดียวของ คุณประยุทธ และ คุณสุวิมล มหากิจศิริ ผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัท พีเอ็ม กรุ๊ป จำกัด และเป็นผู้ถือหุ้นหลักโรงงานผลิตกาแฟ เนสกาแฟ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด นอกจากนั้นยังมีธุรกิจอื่นอีกมากมาย

ปัจจุบัน กึ้ง เฉลิมชัย ได้รับมอบหมายให้ดูแลธุรกิจหลักของครอบครัวเต็มตัว โดยนั่งในตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA เป็นบริษัทโฮลดิ้งคอมปะนี ที่มีหลายธุรกิจอยู่ภายใต้การบริหาร

คุณเฉลิมชัย ฉายภาพว่า “ทีทีเอ” มีหลายการลงทุน ส่วนที่ 1 คือ บริษัท โทรีเซน ชิปปิ้ง เป็นธุรกิจเดินเรือ ซ่อมแท่นขุดเจาะ ธุรกิจนี้ทำรายได้ให้มากที่สุด มีเรือทั้งหมด 21 ลำ มีกำลังจุ 58,000 ตัน มีนักดำน้ำ 500 คน พร้อมทีมปฏิบัติงาน

ส่วนที่ 2 คือ เมอร์เมด มาริไทม์ บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ทำธุรกิจเกี่ยวกับการให้บริการเรือขุดเจาะ วางสายเคเบิลใต้น้ำ และงานวิศวกรรมใต้ทะเล เรื่องพลังงานก็ขึ้นอยู่กับราคาน้ำมัน น้ำมันขึ้น การขุดเจาะมีมากขึ้น การใช้งานยอะขึ้น ราคาก็สูงขึ้น ถ้าราคาน้ำมันลดลง การขุดเจาะน้อยลง ทำให้มาร์จิ้นลดลง

ส่วนที่ 3 คือ พีเอ็ม โทรีเซน เอเชีย โฮลดิ้งส์ หรือ PMTA จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทย เป็นการทำธุรกิจปุ๋ยบาคองโก ผลิตที่ประเทศเวียดนาม ส่งขายฟิลิปปินส์ ทวีปอเมริกาใต้ รายได้เฉลี่ย 200 ล้าน

ส่วนที่ 4 คือ ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส หรือ UMS เป็นธุรกิจเกี่ยวกับถ่านหิน ซึ่งเป็นธุรกิจที่ค่อนข้างท้าทาย เพราะราคาถ่านหินไม่ค่อยขึ้น ผู้ใช้ถ่านหินไม่เยอะเหมือนสมัยก่อน

นอกจากนี้ นักธุรกิจหนุ่ม ยังมีการลงทุนอีกหลายอย่างที่อยู่ภายใต้ “ทีทีเอ” ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจอาหาร เช่น พิซซ่า ฮัท 116 สาขา ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ P80 ในปีนี้จะเปิดตัว ทาโก้ เบลล์ (Taco bell) ฟาสต์ฟู้ดสไตล์เม็กซิกัน นอกจากนั้นยังเป็นเจ้าของ บริษัท โฟร์ วัน วัน เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ธุรกิจจัดคอนเสิร์ตศิลปินเกาหลี เต็มรูปแบบในเมืองไทย

เห็นได้ว่า กลุ่มธุรกิจ “ทีทีเอ” ค่อนข้างหลากหลาย ทายาทมหาเศรษฐี บอกเหตุผลว่า ความเปลี่ยนแปลงของโลกที่เกิดขึ้นขณะนี้เป็นเรื่องที่น่าจับตามอง การทำธุรกิจไม่ได้เป็นเหมือนเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ที่ทำอะไรดีแล้วมันจะอยู่ยาวได้ถึง 10 ปี แต่วันนี้วงจรธุรกิจเร็วขึ้น ข้อมูลที่ใช้ในการตัดสินใจก็เยอะขึ้น ทำให้การลงทุนเปลี่ยนแปลงไปทั้งหมด ดังนั้นต้องปรับเปลี่ยน ต้องคอยดูและคาดการณ์ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในระยะเวลา 1 ปี 2 ปี 3 ปี หรือภายใน 6 เดือน

สำหรับหลักในการตัดสินใจเลือกทำธุรกิจ คุณกึ้ง ระบุว่า อันดับแรก ต้องมองก่อนว่าธุรกิจนั้นมีอนาคตหรือเปล่า สิ่งที่ทำอยู่ส่วนไหนของอุตสาหกรรม อยู่ในส่วนที่ไปได้หรือไม่ได้ ต่อมาดูที่แนวคิดของธุรกิจว่ามียุทธศาสตร์ หรือกลยุทธ์แบบไหน บุคลากรหรือคนที่จะพาธุรกิจไปตามเป้าหมายเป็นอย่างไร เพราะทุกธุรกิจจะไม่สามารถดำเนินการได้ถ้าไม่มีคนทำงาน ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมให้ความสำคัญมาก นั่นคือ เรื่องคน เพราะถ้าคนทำงานเก่ง ธุรกิจก็จะมีโอกาสไปได้ไกล

กรณีธุรกิจที่คาดการณ์ว่าจะดี กลับไม่เป็นอย่างที่คิด ทายาทตระกูลมหากิจศิริ ใช้วิธีแก้ไขสถานการณ์ โดยใช้ความคิดสร้างสรรค์ ใช้ความคิดจากหลายคนเข้ามาช่วย มีความเชื่อว่าทุกอุปสรรคต้องมีทางออก แต่ทางออกที่เจอจะดีแค่ไหนเท่านั้นเอง

“ธุรกิจกับชีวิตก็คือคน ทุกอย่างบนโลกนี้ก็คือคน ถ้ามีสติมีสมาธิที่ดี ก็สามารถคิดและแก้ปัญหาได้  ยกตัวอย่าง เรื่องอารมณ์ของตัวเอง บางทีไม่ได้อย่างที่ต้องการ บางครั้งไม่ได้อย่างที่คาดหวัง ดังนั้น ต้องใช้สติและสมาธิดึงความรู้สึกให้กลับมาอยู่บนพื้นฐานอารมณ์ที่เป็นศูนย์ การตัดสินใจที่แย่ที่สุดคือการตัดสินใจบนอารมณ์ที่เหวี่ยง อย่าเพิ่งบอกเลิกกันตอนทะเลาะหรือโกรธกัน”