อดีตแม่ค้าส้มตำเคยประสบอุบัติเหตุ ตัดสินใจไปเรียนนวดแผนไทยเพื่อรักษาตัวเอง แต่ชีวิตพลิกผันกลายเป็นหมอนวดคิวทองในวัยเกษียณ

จากอาชีพแม่ค้าขายไก่ย่างส้มตำ ต้องมาประสบอุบัติเหตุจนหมอนรองกระดูกทับเส้น อาชีพค้าขายจึงหยุดพักเพื่อรักษาตัว รับการผ่าตัด กระทั่งอยู่ในช่วงหัดเดิน คุณอาภา ปรีชากูลย์ (ป้าปุ้ม) ตัดสินใจไปเรียนรู้ศาสตร์การนวดแผนไทย เพื่อไว้รักษาตนเอง แต่กลับกลายเป็น อาชีพใหม่ ที่ในวันนี้ ชื่อเสียงของ “ป้าปุ้ม” ทั้งในด้านฝีมือการนวด และผลิตภัณฑ์น้ำมันนวดสมุนไพร มียอดขายเดือนละกว่า 2,000 ขวด

พลิกวิกฤตเป็นโอกาส
ฝึกปรือฝีมือการนวด

“เริ่มต้นไปเรียนนวดกับกระทรวงสาธารณสุข หลายหลักสูตร พอเรียนแล้วได้ใช้กับตัวเอง เราก็เห็นผล การเรียนจึงต่อยอดไปเรื่อยๆ เริ่มไปศึกษาการนวดแก้อาการ จัดกระดูก กับหมอนวดชาวจีน ซึ่งเรียนกับหมอจีนนี่เสียค่าเรียนวันละ  1,000 บาท สมัย 10 กว่าปีก่อนถือว่าสูงมาก แต่ป้ายอมจ่าย และเมื่อจ่ายแล้วก็เรียนให้เต็มกำลัง นอกจากนั้นก็ไปศึกษาหลักสูตรนวดผ่อนคลายกล้ามเนื้อ จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง”

เมื่อนวดให้ตัวเองและคนรอบข้างเป็นผลดี ป้าปุ้มจึงตั้งต้นกับอาชีพใหม่ “หมอนวด” เริ่มต้นธุรกิจเมื่อราว 15 ปีก่อน ในวัยกว่า 50 ปีแล้ว

ชื่อเสียง ป้าปุ้ม เริ่มเป็นที่รู้จักของคนอ่างทอง กระทั่งดังข้ามจังหวัด และด้วยแนวคิดต้องการสร้างอาชีพให้กับผู้อื่น ป้าปุ้มจึงจัดตั้งเครือข่ายศูนย์การเรียนรู้แพทย์พื้นบ้าน วิสาหกิจชุมชนอาภานวดแผนไทย บางเจ้าฉ่า จังหวัดอ่างทอง  โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมเป็นสมาชิกปัจจุบัน 12 คน โดยแต่ละคนต้องผ่านการเรียนรู้หลักสูตรนวด จนสามารถนำมาประกอบอาชีพได้

ไม่เพียงแค่นวดที่ป้าปุ้มลงมือทำ แต่ในส่วนของสมุนไพรส่วนประกอบที่ใช้ในการนวดยังคิดค้นสูตรขึ้นมารองรับ โดยเริ่มต้นน้ำมันนวดสมุนไพร และต่อมาได้คิดค้นครีมบำรุงผิวน้ำนมข้าว ซึ่งปัจจุบันยังคงจำหน่าย โดยเฉพาะกับน้ำมันนวดสมุนไพร ถือเป็นสินค้าเด่นขายดี ที่จากยอดขายวันละ 500 ขวด ขยับเป็น 2,000 ขวด หลังจากได้ลูกชายและลูกสะใภ้เข้ามาช่วยสานต่อธุรกิจ

“เริ่มต้นที่แม่ทำรายได้ยังไม่พอเลี้ยงครอบครัว ก็เลยต้องคิดผลิตสินค้าขึ้นมาต่อยอด ซึ่งผ่านมาถึงวันนี้ 5 ปี มีผลิตภัณฑ์ทั้งหมด 30 รายการ และจะยังคงคิดต่อไปเรื่อยๆ” คุณเตชิต ปรีชากูลย์ ลูกชายคนขยันในวัย 38 ปี ที่ก้าวเข้ามาช่วยสานต่อธุรกิจได้ 5 ปีแล้ว เล่าถึงผลิตภัณฑ์

กับสูตรเริ่มต้นของน้ำมันนวด มีสมุนไพรหลัก 3 ชนิด ได้แก่ เถาเอ็นอ่อน ว่านนางคำ กานพลู แต่ด้วยใฝ่ศึกษาข้อมูลสมุนไพร จึงทำให้เกิดการปรับพัฒนาใส่สมุนไพรชนิดอื่นๆ เพิ่ม อาทิ ชะเอมเทศ ชะเอมไทย ว่านม้าห้อ ว่านหางจระเข้ กระทั่งได้สูตรลงตัว

บรรจุภัณฑ์ต้องดูดี
น้ำสีเหลือง ฝาสีส้ม

บรรจุภัณฑ์ คือหน้าต่างบานสำคัญที่จะเปิดรับให้คนเข้าหา หรือเดินหนี ซึ่งตรงนี้ คุณชญาพัฒน์ เอี่ยมแสง  ภรรยาของคุณเตชิต ผู้เข้ามาช่วยดูแลด้านการออกแบบบรรจุภัณฑ์ เล่าถึงจุดเปลี่ยนว่า

“เข้ามาช่วยกิจการเมื่อประมาณ 3 ปีก่อน ตอนนั้นโรงงานยังไม่มี และบรรจุภัณฑ์เดิมของน้ำมันนวดสมุนไพรใส่อยู่ในขวดเครื่องดื่มชูกำลัง แต่ที่ขายได้เพราะคนเขารู้ว่าใช้ดี ลูกค้าก็จำกัดกลุ่มหลักๆ คนในพื้นที่อ่างทอง ก็มาทำดีไซน์ใหม่ เลือกใช้ขวดพลาสติกมีฝาปิดสนิท สีส้มสด ซึ่งต่อมาก็มีผลดีตรงสะดวกในด้านการขนส่ง เพราะปัจจุบันมีผู้รับไปจำหน่ายด้วย กับราคาขายปลีกขวดละ 100 บาท แต่ถ้าซื้อเพื่อนำไปจำหน่ายต่อ กับจำนวน 50 ขวดขึ้นไป ราคาขายขวดละ 70 บาท”

คุณชญาพัฒน์ ว่า เริ่มต้นกับการขอปรับเปลี่ยน แม่บอกคำเดียวว่า “ไม่” จึงต้องใช้วิธีทดลองให้เห็น ด้วยการวางสินค้าในบรรจุภัณฑ์ของแม่และของตนเองเคียงข้างกัน เมื่อลูกค้าเข้าร้าน ต่างก็สนใจเลือกหยิบสินค้าในบรรจุภัณฑ์ใหม่ ยอดขายขยับ กับน้ำมันนวดสมุนไพรจำหน่ายเดือนละ 2,000 ขวด แต่ทว่าถ้ารวมทุกผลิตภัณฑ์ประมาณ 5,000 ชิ้น

“ตอนนี้กลายเป็นบรรจุภัณฑ์ที่ติดตาลูกค้าไปแล้ว ใครๆ ก็บอกน้ำมันนวดสมุนไพรของป้าปุ้มต้องน้ำสีเหลือง ฝาสีส้ม ถ้าไม่ นั่นของปลอม เราเองก็ดีใจ ซึ่งพอทำแล้วได้ผลดี แม่ก็เกิดการยอมรับ ตอนนี้ไม่ว่าจะทำอะไร พอไปบอกแม่ แม่บอก ลองดูซิ ฉะนั้น ในส่วนหลักๆ ที่เราสองคนทำก็ด้านการออกแบบ การตลาด การโฆษณาประชาสัมพันธ์ รวมถึงคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ”

คิดค้นสินค้าหลากหลาย
โอกาสขยายเป้าหมายเพิ่ม

กับการออกงานแสดงสินค้า โดยเฉพาะงาน OTOP ที่เมืองทองธานี ทีเด็ดของป้าปุ้มไม่ได้อยู่แค่ฝีมือนวด แต่วิธีนำเสนอสินค้าและบริการ แบบทำจริง ให้ลูกค้าเห็น เป็นส่วนสำคัญส่งผลต่อการรับรู้

ผลิตภัณฑ์น้ำมันมะรุม ถือเป็นอีกสินค้ายอดขายดี และก้าวไปถึงตลาดจีน “ลูกค้ารายนี้รู้จักตอนไปออกบู๊ธ ด้วยเพราะแม่ชอบสาธิต พอเขาได้เห็นวิธี เห็นสินค้า ปรากฏว่าถูกใจ นำไปจำหน่ายที่ประเทศจีน โดยครั้งแรกทดสอบตลาดก่อน 500 ขวด ต่อมาเพิ่มยอดรับซื้อเป็น 1,000 ขวด และปัจจุบัน 2,000 ขวด ซึ่งกับตลาดจีนถือเป็นตลาดต่างประเทศแห่งแรก ที่ทำให้เราเกิดความคิดจะก้าวไปต่อกับตลาดต่างประเทศ”

ไม่เพียงผลิตจำหน่ายในแบรนด์ของตนเองเท่านั้น แต่ยังเปิดทางให้ผู้สนใจ ได้มีธุรกิจในแบรนด์ตัวเองด้วย กับการรับจ้างผลิต ซึ่งคุณชญาพัฒน์ ว่า ยินดีส่งเสริม เพราะก็เท่ากับได้โอกาสประชาสัมพันธ์ตนเองไปด้วยในฐานะผู้ผลิต

“ปัจจุบัน รับจ้างผลิตให้กลุ่มผู้สนใจต้องการมีรายได้เสริม ทั้งพนักงานบริษัท นักศึกษา หรือผู้เกษียณจากการทำงาน รวมแล้วประมาณ 10 ราย โดยผลิตภัณฑ์หลากหลาย แต่ว่าต้องยกเว้น น้ำมันนวดสมุนไพร เพราะติดเรื่องลิขสิทธิ์ แม่ได้จดสิทธิบัตรไว้เรียบร้อยแล้ว”

กับการเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ส่งผลให้ได้ยอดขายเพิ่มขึ้น ซึ่งยอดขายนี้มิได้มาจากลูกค้ากลุ่มเดิมเพียงกลุ่มเดียว

“เริ่มแรก กลุ่มเป้าหมายก็จะเป็นคนเฒ่าคนแก่ แต่เมื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์เพิ่มความหลากหลาย เราก็มองถึงตลาดกลุ่มช่วงอายุอื่นด้วย ตอนนี้จึงมีสินค้าตอบโจทย์หลายกลุ่มมาก อย่างโลชั่น ระดับมัธยมก็ซื้อใช้ หรืออย่างสบู่ วัยรุ่นก็ชอบ”

อายุไม่สำคัญ
พัฒนา อย่าหยุด

ด้วยเพราะธุรกิจอยู่ในแนวโน้มเติบโตดี การคิดสูตรผลิตภัณฑ์ รวมไปถึงให้บริการด้านนวด จึงต้องศึกษาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแม้วันนี้ป้าปุ้มจะมีอายุ 69 ปีแล้ว ก็ยังคงมุ่งมั่นในอาชีพไม่ต่างจากคนรุ่นใหม่ และยิ่งเมื่อได้ 2 พลังเสริมระดับคนเก่ง อย่าง ลูกชาย และลูกสะใภ้ ยิ่งส่งผลให้เกิดแรงฮึดสู้ไม่ถอย

“จริงๆ แล้วในเรื่องการขยายธุรกิจ จนเกิดมีในวันนี้ได้ ไม่ใช่แค่เรื่องของกำลังคนนะ เรื่องเงินทุนก็สำคัญ อย่างโรงงานเกิดขึ้นได้ก็เพราะได้ทุนจากการขอสินเชื่อจากเอสเอ็มอี แบงก์ โดยมี บสย. (บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม) ช่วยค้ำประกันสินเชื่อวงเงิน 500,000 บาท บวกทุนส่วนตัวและที่พี่ๆ น้องๆ มาร่วมช่วยอีก 600,000 บาท ทำให้มีสถานที่ผลิต เครื่องจักร เข้ามาช่วยให้การผลิตง่ายและเร็วยิ่งขึ้น”

ในอนาคต ยังวางแผนกับการต่อยอดไปสู่การสร้างห้องนวดให้ได้มาตรฐานระดับสปา ห้องอบตัว ห้องแช่สมุนไพร และโฮมสเตย์เล็กๆ

“ความตั้งใจของผม คืออยากให้คนไทยรู้จักป้าปุ้ม เมื่อมองเรื่องสมุนไพรก็อยากให้คิดถึงป้าปุ้ม หรือปวดเมื่อยก็ขอให้นึกถึง”

ทั้งนี้ คุณเตชิต ยังกล่าวถึงผู้สนใจต้องการเดินสู่เส้นทางธุรกิจ แต่อาจติดปัญหาเรื่องอายุ “แม่ผมอายุ 68 ปีแล้ว และท่านก็เริ่มต้นทำธุรกิจเมื่ออายุ 50 กว่าปี ซึ่งเมื่อ 15 ปีก่อนนั้นสื่อก็ไม่ได้เข้ามาหา ช่องทางประชาสัมพันธ์ไม่มาก แต่ท่านก็ทำมาด้วยความจริงใจ เรียนรู้ เปิดรับ เปิดใจ ทุกวันนี้ท่านก็ยังคงศึกษาไม่หยุด ฉะนั้น การทำธุรกิจ อายุไม่ใช่เรื่องสำคัญ ขอแค่อย่าหยุดที่จะพัฒนา ผมว่าใครๆ ก็ทำได้ครับ”

สนใจติดต่อ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนอาภา นวดแผนไทย เลขที่ 4/1 ตำบลบางเจ้าฉ่า อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง โทรศัพท์ (086) 052-1237, (091) 565-7039, (092) 280-8129   www.facebook.com/papoom.massageoil