เผยแพร่ |
---|
เร่งยอดขายออนไลน์ให้พุ่งกระฉูด ด้วย 7 ไอเดีย ส่งเสริมการขาย ที่ขาดไม่ได้
ข้อมูลจาก POSTFAMILY เผยว่า มีงานวิจัยบอกว่า 80% ของผู้บริโภคชอบรับผลิตภัณฑ์ที่มีการส่งเสริมการขาย หรือทำโปรโมชัน และเมื่อ “การส่งเสริมการขาย” หรือ การทำ “Sale Promotion” เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการทำการค้า
ยิ่งกับการทำร้านค้าออนไลน์ที่ไม่เคยง่าย โดยเฉพาะในยุคที่เต็มไปด้วยช่องทาง Marketplace บนโซเชียลมีเดียมากมาย และแพลตฟอร์มอื่นๆ ที่เปิดมาเพื่อขายสินค้าออนไลน์ ปัญหาหนักอกเลยมาตกที่คนค้าขายว่า ต้องทำอย่างไร ถึงจะช่วงชิงความได้เปรียบ และกอบโกยลูกค้ามาให้ได้มากที่สุด โดยงานวิจัยผู้บริโภคของสมาคมสินค้าส่งเสริมการขายนานาชาติ (Promotional Products Association International) เผยว่า
แล้วพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ จะทำวิธีไหนถึงจะคว้าใจลูกค้าได้ POSTFAMILY เผย 7 ไอเดียเร่งยอดขายออนไลน์ด้วยการทำ “การส่งเสริมการขาย” หรือ การทำ “Sale Promotion” ดังนี้
1. การแข่งขันชิงโชค หรือการแจกของรางวัล
การทำโปรโมชันส่งเสริมการขายในแบบที่ให้ผู้คนต้องทำการแข่งขันกัน เพื่อให้ได้ของหรือรางวัลสักอย่าง เป็นกลยุทธ์การตลาดที่ดีที่สุดอย่างหนึ่ง ในการใช้ดึงดูดความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย เนื่องจากสามารถกระตุ้นความกระตือรือร้นอยากรู้อยากเห็น และอยากเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมของผู้คนได้ ทั้งยังเป็นโอกาสที่ดีสำหรับร้านค้าในการโชว์ผลิตภัณฑ์ให้คนหมู่มากในวงที่กว้างขึ้นได้รู้จัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าวิธีการคัดเลือกผู้ชนะสำหรับการพิชิตโปรโมชันนี้ มาจากคนที่ทำการแชร์ลิงก์สินค้าออกไปมากที่สุด
2. ราคาพิเศษ + เวลาที่จำกัด = Flash Sale
กลยุทธ์ “Flash Sale” เป็นอีกตัวช่วยที่ดีในการดึงความสนใจของลูกค้าและกระตุ้นยอดขาย ถือเป็นลูกเล่นการค้าที่มาพร้อมกับข้อเสนอราคาสุดพิเศษ ภายในระยะเวลาอันจำกัด ซึ่งอาจจะเป็นสินค้าลดราคา แพ็กเกจราคาประหยัดสำหรับสินค้าใหม่ หรือข้อเสนออื่นๆ ที่ยังไม่เคยทำมาก่อน ที่สำคัญ เป็นสินค้าที่มีจำนวนจำกัด เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าทำการซื้อทันที แทนที่จะรอไว้ซื้อครั้งหน้า วิธีนี้เล่นกับสัญชาตญาณของมนุษย์ที่ว่า ต้องซื้อของก่อนที่จะพลาดโอกาสไป หรือความกลัวของหมดแล้วหาซื้อไม่ได้นั่นเอง การทำโปรโมชันแบบนี้ ถือว่าดีต่อธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เพราะช่วยให้ขายของช่วงนอกฤดูกาลได้มากขึ้น และเป็นการเคลียร์สินค้าที่อาจจะขายได้ไม่ดีนักออกไป
3. ตัวอย่างฟรีหรือสินค้าราคาถูก
สิ่งที่ยากที่สุดอย่างหนึ่งสำหรับการทำอีคอมเมิร์ซคือ การสร้างความไว้วางใจหรือความเชื่อถือกับลูกค้า เพื่อทำให้พวกเขาเชื่อมั่นในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ของร้าน ซึ่งการให้ลูกค้าได้ทดลองใช้สินค้าฟรีหรือในราคาถูก ไม่เพียงแต่จะเข้าถึงคนจำนวนมากเท่านั้น แต่ยังทำให้พวกเขามีโอกาสทำความรู้จักโปรดักต์ก่อน และกล้าที่จะซื้อใช้ในครั้งต่อไปมากขึ้น เทคนิคนี้จะได้ผลดียิ่งขึ้น ในเวลาที่คนต้องการซื้อของเป็นจำนวนมาก หรือเป็นผลิตภัณฑ์เน่าเสียได้ง่ายและต้องมีการเปลี่ยนสินค้าใหม่ในระยะเวลาไม่นาน หรือทางร้านมีผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ที่จะมาเติมเต็มตัวที่ให้ฟรี
4. ดีลสุดคุ้ม ซื้อ + แถม
ข้อเสนออย่างซื้อ 2 จ่ายแค่ 1 หรือ ซื้อ 2 แถม 1 ยังใช้ได้ดีอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าแบบออนไลน์หรือออฟไลน์ นั่นก็เพราะว่า ตามหลักจิตวิทยานั้น การซื้อของหลายอย่างได้ในราคาที่น่าพึงพอใจ แถมยังดูเหมือนได้รับของฟรีอีกด้วย จะทำให้คนคิดว่าพวกเขาได้รับข้อเสนอที่ดีและคุ้มค่า
5. ซื้อเป็นเซต ถูกกว่าซื้อแยก
อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่มีมาอย่างยาวนานและได้ผลลัพธ์ที่ดีคือ การขายสินค้าแบบเป็นเซต ซึ่งมีราคาถูกกว่าการซื้อแบบแยกชิ้น เนื่องจากทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าคุ้มค่ากว่าและประหยัดเงินมากกว่า โดยสินค้าที่รวมอยู่ในแต่ละเซตนั้น ควรเป็นสินค้าที่ต้องใช้ร่วมกัน แต่ละผลิตภัณฑ์ในเซตรวมต้องมีความน่าสนใจไม่ต่างจากการซื้อแยก แน่นอนว่าการซื้อแบบเซตจะต้องมีราคาถูกกว่าซื้อแยกต่างหากของแต่ละผลิตภัณฑ์ ที่สำคัญ ในเซตนั้นต้องมีสินค้าที่ทำกำไรสูงรวมอยู่ด้วย เพื่อให้ร้านยังสามารถทำกำไรได้จากการขายในราคาที่ลดลง
6. จำกัดเวลาใช้คูปองหรือส่วนลด
“ความเร่งด่วน” เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดตามหลักจิตวิทยาที่มีประสิทธิภาพสำหรับร้านค้าอีคอมเมิร์ซ เนื่องจากจะช่วยเร่งการตัดสินใจซื้อของลูกค้า และลดโอกาสที่พวกเขาจะออกจากเว็บไซต์โดยไม่ทำการซื้อ และวิธีในการกระตุ้นความเร่งด่วนอย่างมีประสิทธิภาพคือ การเสนอคูปองหรือส่วนลดที่สามารถใช้ได้ในเวลาที่จำกัดเท่านั้น ไม่ว่าจะใช้ได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง หรือทำการกำหนดวันหมดอายุของคูปองหรือส่วนลดก็ตาม
7. สร้างความภักดีผ่าน Loyalty Program
Loyalty Program หรือโปรแกรมสร้างความภักดีให้เกิดขึ้นระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ เป็นกลยุทธ์การตลาดที่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซใช้มานานหลายปี เพราะนอกจากจะช่วยพัฒนาความสัมพันธ์ของร้านและลูกค้าให้ดีขึ้นแล้ว ยังเพิ่มอัตราการซื้อซ้ำ รวบรวมข้อมูลลูกค้าที่เป็นประโยชน์ และลดต้นทุนในการทำการตลาดอีกด้วย ซึ่งอาจทำได้โดยการจัดกิจกรรมคู่กับบัตรสมาชิกหรือบัตรสะสมแต้ม การสร้างระบบสมาชิกบนเว็บไซต์ หรือส่งอีเมลเพื่อมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้า รวมถึงกิจกรรมแลกของรางวัลพิเศษต่างๆ เป็นต้น