How To เพิ่มยอดขายออนไลน์ อย่างมีประสิทธิภาพ ที่พ่อค้าแม่ขายต้องรู้

อีคอมเมิร์ซแข่งกันดุ! How To เพิ่มยอดขายออนไลน์ อย่างมีประสิทธิภาพ ที่พ่อค้าแม่ขายต้องรู้

ตลาดอีคอมเมิร์ซ หรือ การซื้อขายออนไลน์ มีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องมาตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ ถือเป็นขุมทรัพย์การค้าของพ่อค้าแม่ขายที่หากใครไม่ได้ขายออนไลน์แล้ว คงเสียดายน่าดู

นั่นจึงทำให้การแข่งขันสูงขึ้นตามมา เว็บไซต์ Amazon ได้เผย เทคนิคการเพิ่มยอดขายอย่างมีประสิทธิภาพ ให้เหล่าพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ได้นำไปปรับใช้พัฒนาการขาย โดยแยกเป็นหัวข้อหลักๆ ดังนี้

สร้างคำค้นหา (Keyword)

1. ค้นหาคีย์เวิร์ดที่สำคัญ

ผู้ขายสามารถศึกษาการเลือกคีย์เวิร์ดที่มีประสิทธิภาพได้ตามอินเทอร์เน็ตและแหล่งความรู้ออนไลน์ต่างๆ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ขายเลือกตั้งคีย์เวิร์ดได้อย่างถูกต้องและแม่นยำมากขึ้น

2. คีย์เวิร์ดที่แข่งขันน้อย

เนื่องจาก ผลลัพธ์การค้นหาที่ปรากฏขึ้นมีความเป็นไปได้ว่า มีตัวเลือกน้อย หรือมีความเกี่ยวข้องกับสินค้าเราแต่มีรีวิวที่ไม่ดี ดังนั้น เมื่อสินค้าเราไปอยู่ท่ามกลางสินค้าเหล่านั้น ก็จะมีโอกาสการขายได้มากขึ้นและเพิ่มโอกาสให้สินค้าเราไปอยู่หน้าแรกได้

3. เลือกคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องที่สุด

ผู้ขายต้องตั้งคีย์เวิร์ดที่มีความเป็นไปได้และเกี่ยวข้องกับสินค้าเรามากที่สุด ซึ่งควรมีประมาณ 5-10 คีย์เวิร์ด โดยชื่อสินค้า, Bullet Points, รายละเอียดสินค้าควรมีคีย์เวิร์ดที่เราตั้งไว้

การลงสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ (Listing Optimization)

4. ชื่อสินค้า (Product Title)

ผู้ขายควรเรียงคีย์เวิร์ดที่สำคัญไว้ที่คำแรกๆ โดยเฉพาะ 5 คำแรกของชื่อสินค้า เพื่อให้เกิดผลดีกับกระบวนการจัดลำดับของผลลัพธ์

5. Bullet Points

ผู้ขายควรเขียนให้ครบทั้ง 5 ข้อ Bullet Points ซึ่งควรมีข้อละ 150-200 ตัวอักษร และสร้างหัวเรื่องในแต่ละหัวข้อแล้วจึงขยายความต่อ

6. รายละเอียดสินค้า (Product Description)

รายละเอียดสินค้าต้องไม่เกิน 2,000 ตัวอักษร หรือประมาณ 300 คำ ซึ่งในส่วนนี้ผู้ขายต้องหาจุดที่นำเสนอสินค้าเพื่อปิดการขาย และโน้มน้าวใจให้ลูกค้ากดซื้อสินค้า

คนคลิก (Click)

1. รูปภาพ

รูปภาพต้องดึงดูดสายตาของผู้พบเห็น โดยพื้นหลังควรเป็นสีขาว ซึ่งรูปภาพก็ควรต้องเป็นสีที่สามารถเห็นได้ชัดเจนเช่นกัน เพราะเมื่อวางบนพื้นหลังสีขาวแล้ว รูปภาพของเราก็จะดูโดดเด่นและชัดเจนยิ่งขึ้น

2. ชื่อสินค้า

ผู้ขายต้องมั่นใจว่า ใจความสำคัญของชื่อสินค้าจะปรากฏอยู่ในส่วนแรกๆ เพราะเมื่อลูกค้าค้นหาสินค้าเราบนมือถือจะสามารถเห็นได้ 50-70 ตัวอักษร และเมื่อลูกค้าค้นหาสินค้าเราผ่านคอมพิวเตอร์จะสามารถเห็นได้ 115-144 ตัวอักษร

3. ดาวรีวิว

ดาวรีวิวเปรียบเสมือนการที่สินค้าของเราได้รับการพิสูจน์แล้ว จากคนที่เคยซื้อและใช้สินค้าเรามาก่อน โดยเราต้องมั่นใจว่าสินค้าของเราได้รับการรีวิวที่ดี ดังนั้น ดาวรีวิวจึงสามารถเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับสินค้าของเราได้

4. ราคา

ผู้ขายควรให้ความคำนึงถึงราคาที่ต้องสอดคล้องกับการนำไปใช้ประโยชน์ของสินค้าและคุณภาพสินค้า

5. การส่งสินค้า

สินค้าของผู้ขายควรส่งฟรีและส่งเร็ว เนื่องจากมีผลสำรวจพบว่า ลูกค้ากว่า 50% ที่ซื้อสินค้าออนไลน์จะยกเลิกการสั่งสินค้าเมื่อทราบว่า มีค่าบริการการส่งสินค้านั้นๆ ดังนั้น จึงแนะนำผู้ขายให้ใช้บริการของ FBA เพราะ FBA จะสามารถส่งถึงลูกค้าส่วนใหญ่ของ Amazon ที่เป็นสมาชิก Prime ได้ จากสิทธิพิเศษการส่งสินค้าฟรีและรับสินค้าภายใน 2 วัน หลังจากวันสั่งซื้อ

6. โฆษณาสินค้า

ผู้ขายสามารถใช้การโฆษณาโปรโมชัน เช่น ดีลหรือคูปอง เพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้าหรือผู้พบเห็นสินค้าเรา

คนซื้อ (Conversion)

1. ความชัดเจนของรูปภาพ

เนื่องจาก รูปภาพคือสิ่งสำคัญในการสื่อสารกับลูกค้าเพื่อบอกเล่าเรื่องราวสินค้าและแบรนด์ของเรา ดังนั้น รูปภาพต้องมีความชัดเจน รวมถึงผู้ขายสามารถบอกถึงความกว้าง ความยาว ความสูง ของสินค้าเราได้อีกด้วย

2. การสื่อสารและภาษาที่ใช้

ผู้ขายต้องมั่นใจว่า ภาษาที่เราใช้สื่อสารไป ทั้งชื่อสินค้า Bullet Points หรือรายละเอียดของสินค้า ต้องเป็นภาษาที่เข้าใจง่าย เมื่อลูกค้าอ่านแล้วสามารถเข้าใจได้ทันทีว่า ผู้ขายต้องการสื่ออะไร

3. Brand Registry

Brand Registry หรือเครื่องหมายการค้า ก็ถือเป็นหนึ่งส่วนสำคัญที่ทำให้ผู้พบเห็นหรือลูกค้าซื้อสินค้าเรา เพราะเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและแบรนด์ของเรา รวมถึงป้องกันคู่แข่งไม่ให้มาลอกเลียนแบบสินค้าของเราได้

รู้หรือไม่! ปัจจัยที่ทำให้คนเห็นสินค้าคืออะไร?

1. สินค้าที่มีประวัติ Sales History ที่ดี

2. สินค้าที่มียอดขายสม่ำเสมอ (Sales Velocity)

3. สินค้าที่มี Sales Conversion ที่ดี

4. สินค้าที่มีการใช้โฆษณา เช่น Sponsored Product

5. สินค้าที่มีคีย์เวิร์ดตรงตามความต้องการของลูกค้า