เทพธิดาบนผืนหญ้า กับยักษ์ในสวน

ราวกับสวนนี้มีชีวิตและเฝ้าคอยเวลาของตัวเองอยู่ หลังจากผ่านกาลไปช่วงหนึ่งทายาทรุ่นต่อมาในตระกูลทรีเมน คือ ทิม สมิธ และจอห์น วิลลิส ก็หวนคืนมากอบกู้มรดกตกทอดของตระกูลไว้ได้ และพวกเขาได้ค้นพบ “สวนที่หายไป” ซุกซ่อนอย่างเงียบเชียบอยู่ท่ามกลางซากผุพังของต้นไม้และเถาแบล็กเบอร์รี่ เธอคือเทพธิดา…

เธอคือเทพธิดา…

ทอดกายอยู่บนผืนหญ้า

ในนิทรารมณ์อันแสนสุข

อ้อมแขนของเธอกอดรัดผืนดินเอาไว้แนบอก

เทพธิดาผู้งดงามนี้ ทอดกายผ่อนคลายแนบชิดผืนธรณี

รอบตัวเขียวชอุ่มด้วยแมกไม้ใหญ่น้อย

เธอมีต้นไม้ใบบังเป็นบ้าน

มีนก หนู งู แมลง ส่ำสัตว์เป็นเพื่อน

เห่กล่อมความหลับใหลด้วยเสียงเพลงแห่งสายลม

ค่ำคืน…ดวงดาวใหญ่น้อยคอยเล่านิทานผีพุ่งไต้

จันทร์เรืองฉายรัศมี บอกรักตลอดราตรี มิเคยพร่ำบ่น

1117-140618052507

ทุกทิวา สุริยะเคลื่อนบาทลอยเลื่อน เตือนให้ลืมตาด้วยแดดอุ่น

แต่ธิดาเทพก็มิเคยฟื้นตื่นจากการหลับใหล

ไม่ว่าจะร้อน ฝน หนาว หรือตากหิมะ

นอนนิ่งอยู่เช่นนั้นด้วยใบหน้าพริ้มอิ่มสุข

มีแต่มวลหมู่ไม้เท่านั้นที่รู้ว่าเทพธิดาเพียงแค่หลับใหล

ทุกองคาพยพของเธอยังมีชีวิตอยู่เหนือดินอุ่น

ด้วยไลเคนเปื้อนแก้มเป็นด่างดวงมิเคยเลือนหาย

บางเวลาอาภรณ์เถาไอวี่เลื้อยก่ายคลุมกายจนมิดชิด

บางเวลาเทพธิดาก็ผลัดเครื่องทรงเป็นผืนมอสในพรำฝน

เส้นผมสีเขียวในบางเดือนเหี่ยวเฉาเป็นสีดอกเลาและฟางข้าว

ลมแล้งและฝนชื้นต่างผลัดกันปลุกปลอบให้เธอสุข

โอ้…เทพธิดาไพร

มิไกลกัน ห่างออกไปในอีกมุมป่า

ยักษาหัวโตใหญ่โผล่หน้าขึ้นมาจากผืนดิน

เส้นผมของมันตั้งฟูเป็นฝอยลู่ไปตามลม

ใบหน้าอวบอูมสีเขียวกลืนไปกับสีไพรในทั้งป่า

จมูกใหญ่ยาวโค้งงอรอดมกลิ่นมนุษย์

เจ้ายักษ์กลอกตาสีฟ้ากวาดดูผู้คนผ่านทาง

มันเกรงมนุษย์แตกตื่น จึงฝืนกายซุกซ่อนไว้ใต้ปฐพี

1117-140618052502

มีเพียงหู ตา จมูก คอยสอดแนม

มันเงี่ยหูฟังมนุษย์สนทนา สูดดมกลิ่นดอกไม้ป่า

และเฝ้ามองเทพธิดาผู้หลับใหล

รอคอย…วันฟื้นตื่นของเธอ

1117-140618052456

นั่นคือความรู้สึกของฉันเมื่อได้เห็นภาพและเข้าไปอ่านเรื่องราวของ The Lost Gardens of Heligan

มันเป็นสวนที่หายไป…สวนที่ครั้งหนึ่งเคยงดงามอลังการในคฤหาสน์หรูหราของขุนนางคหบดีผู้มั่งคั่งในอังกฤษ สวนแห่งนี้อยู่ที่ตำบลคอร์นวอลล์ สหราชอาณาจักร

1117-140618052440

คฤหาสน์เฮลิแกนสร้างขึ้นพร้อมกับสวนสวยตั้งแต่ปี ค.ศ. 1200 เป็นสวนต้นแบบแห่งศตวรรษที่ 19 ซึ่งถูกกล่าวขานชื่นชมมากมาย สวนแห่งนี้ผ่านความรุ่งโรจน์และตกต่ำมาพร้อมกับผู้คน กระทั่งตกไปอยู่ในมือเจ้าของใหม่ชื่อ Sampson Tremayne ในปี 1569

นับตั้งแต่ตระกูลทรีเมนเป็นผู้ครอบครองอาณาจักรแห่งนี้ สวนโอฬารก็ยิ่งขยายขอบเขตความอลังการราวกับไม่มีที่สิ้นสุด พวกเขาใช้นักจัดสวนดูแลความงามของอาณาจักรเฮลิแกนถึง 22 คน

คนในตระกูลนี้ทั้งรื้อและเพิ่มสิ่งปลูกสร้างมากมายเนรมิตสวนสนที่มีพันธุ์ไม้สนหลากหลายที่สุดเช่นเดียวกับความงามของไม้ดอกไม้ผลแปลกถิ่นที่ท้าทายภูมิอากาศอย่างยิ่ง หลังจากนั้นก็สร้างสวนอิตาลีที่งดงามสะเทือนเลื่อนลั่น

สุดท้ายสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่ระเบิดขึ้นในปี 1941 ก็กวาดเอาความงามทุกสิ่งทุกอย่างไป พร้อมทั้งชีวิตคนสวนผู้เก่งกาจ 16 คน คฤหาสน์เฮลิแกนถูกใช้ทำเป็นโรงพยาบาล เสร็จศึกแล้วยังไม่ทันได้หาเงินมาฟื้นฟูบูรณะ กองทหารอเมริกันก็เข้ายึดใช้เป็นฐานที่มั่นในสงครามโลกครั้งที่ 2 ต่ออีก เมื่อสงครามโลกสงบลงจริงๆ ตัวคฤหาสน์งามก็ถูกดัดแปลงเป็นแฟลตและขายทิ้งไปในปี 1974

1117-140618052451

ราวกับสวนนี้มีชีวิตและเฝ้าคอยเวลาของตัวเองอยู่ หลังจากผ่านกาลไปช่วงหนึ่งทายาทรุ่นต่อมาในตระกูลทรีเมน คือ ทิม สมิธ และจอห์น วิลลิส ก็หวนคืนมากอบกู้มรดกตกทอดของตระกูลไว้ได้ และพวกเขาได้ค้นพบ ìสวนที่หายไปî ซุกซ่อนอย่างเงียบเชียบอยู่ท่ามกลางซากผุพังของต้นไม้และเถาแบล็กเบอร์รี่

ทั้งคู่ตัดสินใจฟื้นฟูชีวิตให้สวนอีกครั้ง นั่นคือที่มาของชื่อ The Lost Gardens of Heligan ยุคปัจจุบันที่กลายเป็นข่าวใหญ่มากในหมู่ชาวอังกฤษและแปรมาเป็นซีรีส์ดัง ทางบีบีซี. ในปี 1996

ประติมากรรมเอก 2 ชิ้นนี้เป็นเพียงส่วนเล็กน้อยเท่านั้นเมื่อเทียบกับขนาดและเรื่องราวอีกมากมายหลายอย่างของสวน แต่ไม่น่าเชื่อว่ามันกลับกลายมาเป็นแรงดึงดูดมหาศาลที่เรียกผู้คนเข้าไปหลงใหลสวนเฮลิแกน

คนทั่วไปรู้จักประติมากรรมนี้ในนาม Mudmaid (เทพธิดาโคลน) และ Giant Head (หัวยักษ์) มันเป็นงานในรูปแบบ earthwork installations ยุคปัจจุบันของศิลปินชื่อดังสองพี่น้อง ซู และ พีท ฮิลล์ โดยเฉพาะ ซู ฮิลล์ ผู้พี่นั้นมีชื่อเสียงอย่างยิ่งในงานศิลปะจัดวางภูมิทัศน์และศิลปะการละคร ปัจจุบันเธอเป็นผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของโครงการอีเดน (The Eden Project in Cornwall)

ìThe Eden Projectî นี้ได้ชื่อว่าเป็นเรือนเพาะพันธุ์ไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก อยู่ห่างจากกรุงลอนดอนราว 5 ชั่วโมง ปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจที่สุดแห่งหนึ่งของสหราชอาณาจักร และได้รับรางวัล British Travel Awards 2011

ซู ฮิลล์ เป็นผู้รับผิดชอบงานศิลปะในสวนพฤกษศาสตร์อีเดนทั้งหมด รวมทั้งการสร้างสรรค์ศิลปะจัดวางประติมากรรมแนว earth & plant sculptures คล้ายคลึงกับที่เธอสร้างสรรค์ให้สวนเฮลิแกน ในสวนอีเดนนี้ซูสร้าง ìอีฟî ตัวต้นแบบขนาดใหญ่ยักษ์ไว้ในสวนกลางแจ้งในท่านั่ง หลังจากนั้นก็เพิ่มอีฟ อีกตัวในมุมอื่น กลายเป็นหนึ่งในไฮไลต์ของสวนในรูปประติมากรรมที่มีชีวิต พลิ้วไหวเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาลได้ตลอดเวลา

สำหรับ สวนที่หายไป  เฮลิแกนนับว่าเป็นประติมากรรมเอิร์ธเวิร์กชิ้นแรกๆ ของซู ฮิลล์ ที่สร้างชื่อเสียงให้เธออย่างมาก ซูใช้โครงสร้างไม้กรุด้วยตาข่ายและอัดดินเหนียวขึ้นเป็นรูปร่าง ผสมผสานกับซีเมนต์เป็นบางจุดเพื่อรักษาโครงร่างประติมากรรมไม่ให้เปลี่ยนรูป หลังจากนั้นก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของธรรมชาติทำงานไปอย่างเต็มกำลัง

เธอใช้โยเกิร์ตโปะใบหน้าของเทพธิดาโคลนเพื่อกระตุ้นให้ไลเคนมาเกาะและเจริญเติบโต ส่วนต้นไม้ตามลำตัวนั้นปลูกสลับกันระหว่างเถาไอวี่และมอส

หัวยักษ์ทำจากตอไม้ตายซากโปะดินเหนียวขึ้นรูปให้เป็นหัวคน เติมตากระเบื้องเคลือบและทำหูด้วยปูน จมูกใส่โครงเหล็ก ที่เหลือนอกนั้นก็เป็นต้นไม้ที่เปลี่ยนสีและออกดอกแตกต่างกันไปตลอดปี

         เป็นยักษ์และเทพธิดาที่มี ชีวิตจริงๆ

เทพธิดาโคลนของซูยังมีน้องสาวด้วย คือ The Dreaming Girl เธอสร้างไปโชว์ในงานมหกรรมดอกไม้เชลซี (The Chelsea Flower Show 2006) โชว์นี้ชื่อ Garden of Dreams เป็นรูปหญิงสาวผล็อยหลับอยู่กับตอไม้ เนื้อตัวของเธอปกคลุมด้วยหญ้าเขียวขจี ใบหน้าครึ่งหนึ่งเขียว ครึ่งหนึ่งเป็นลายโมเสกงดงามน่าชมเกินจะกล่าว

ไม่ต้องพูดถึงความโดดเด่นของสาวน้อยนักฝันผู้นี้ เธอโด่งดังที่สุดในงานและเป็นที่ชื่นชมของคนทั่วโลกในความงามลงตัวที่ประสานสอดรับกันอย่างดีทั้ง รูป สี ผิวสัมผัส และอารมณ์เรื่องราวประติมากรรม

หลังงานดอกไม้เชลซี โอลิเวีย แฮริสัน ภริยาม่ายของจอร์จ แฮริสัน ขอซื้อประติมากรรมชิ้นนี้ในทันที ทำให้ ดรีมมิ่งเกิร์ล สาวน้อยนักฝันของซู ฮิลล์ ย้ายไปอยู่นิวาสสถานหลังใหม่ในสวนแบบวิกตอเรียขนาดมหึมาของบ้านแฮริสัน ที่เฮนลีย์ออนเธมส์

แต่เทพธิดาโคลน ผู้พี่ ยังนอนสงบเสงี่ยมอยู่ในป่าสงัดของ The Lost Gardens of Heligan อย่างไม่ไหวติงอยู่เช่นเดิม

######