10 วิธี ลดต้นทุน ที่ควรเริ่มทำ ตั้งแต่ตอนนี้ ลดเสี่ยงวิกฤต ในอนาคต

ใครทำธุรกิจ ฟังให้ดี! เปิด 10 วิธี ลดต้นทุน เริ่มทำ ตั้งแต่ตอนนี้ ลดเสี่ยงวิกฤตเศรษฐกิจในอนาคต

ความผันผวนทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนหลากหลายส่วน Krungsri Business Empowerment อ้างอิงข่าวจาก เว็บไซต์ Entrepreneur ว่า นักเศรษฐศาสตร์หลายรายได้เปิดเผยว่า เศรษฐกิจในปี 2023 อาจมีแนวโน้มแย่ลงอีก และอาจทำธุรกิจต่างๆ ได้รับผลกระทบ

ซึ่งในเวลานี้ ก็เป็นช่วงปลายปี ที่บริษัทต่างๆ กำลังวางแผนทางการเงินสำหรับปีหน้า รวมถึงมองหาธุรกิจใหม่ๆ ในการต่อยอดต่อ ซึ่งการวางแผนเรื่อง การลดต้นทุน จึงมีส่วนสำคัญที่จะให้บริษัทต่างๆ สามารถผ่านพ้นช่วงเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนได้ มาดู 10 วิธีในการลดต้นทุน ที่บริษัทควรเริ่มทำตั้งแต่วันนี้ คือ

1. ลดกระบวนการไร้ประสิทธิภาพ

เวลาเป็นสิ่งมีค่ามากในกระบวนการทำงาน ซึ่งในงานบางอย่าง เทคโนโลยีสามารถเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และลดกระบวนการที่ยุ่งยากออกไป รวมถึงช่วยลดค่าใช้จ่าย ดังนั้น องค์กรควรเริ่มต้นดูว่า มีกระบวนการใดในการทำงาน ที่อาจทำให้งานล่าช้า และมีค่าใช้จ่ายสูง พร้อมมองหาเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น Software บางอย่าง ที่ช่วยการจัดการเอกสาร ซึ่งปัจจุบันก็มีรูปแบบที่ฟรีและราคาถูกลง เป็นต้น

2. ลดค่าใช้จ่ายในสำนักงาน

ในบางครั้งการลดค่าใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ ในสำนักงานก็เป็นสิ่งจำเป็น บริษัทอาจต้องสร้างความเข้าใจกับทีมงานถึงทิศทางขององค์กรและเศรษฐกิจ เพื่อให้พนักงานมีส่วนร่วมในการลดค่าใช้จ่าย หรือประหยัดมากขึ้นนั่นเอง

3. ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณมีพนักงานที่เหมาะสมกับงาน

‘คนที่ใช่ ในงานที่เหมาะสม’ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความประหยัด และจะลดความยุ่งยากของการทำงานลงด้วย การรักษาพนักงานจะช่วยให้องค์กรลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลงได้เช่นกัน หากมีทีมที่เข้าใจวิธีการทำงานของกันและกัน แยกแยะจุดแข็งและจุดอ่อนของแต่ละคนและวางในตำแหน่งที่เหมาะสมได้ จะทำให้ธุรกิจไม่ต้องจัดหาคนมาเพื่อเรียนรู้ใหม่ และสามารถทำงานให้เสร็จได้อย่างแน่นอน

4. ขยาย Social Media และมีส่วนร่วมมากขึ้น

เมื่อแบรนด์เชื่อมโยงกับผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพผ่านโซเชียลมีเดีย จะทำให้ลดค่าใช้จ่ายสำหรับการจ้าง Influencer หรือ เอเยนซีได้ เพราะในปัจจุบันผู้บริโภคมักมองที่เนื้อหาของแบรนด์ที่สื่อสารออกมามากกว่า ผู้บริโภคจะติดตาม และมีส่วนร่วมรวมถึงใช้จ่ายในผลิตภัณฑ์นั้นๆ ด้วย ซึ่งทำให้ธุรกิจต้องทำงานร่วมกับทีมการตลาดและฝ่ายการเงินในการบริหารจัดสรรงบประมาณสำหรับสื่อโซเชียลมีเดียในการซื้อโพสต์ วิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ แทน

5. ใช้กระบวนการ Automate หรือวางระบบให้อัตโนมัติมากขึ้น

ยกตัวอย่างเรื่องโลจิสติกส์และการขนส่งในการดำเนินงานของธุรกิจ ยิ่งรับคำสั่งซื้อเข้าและออกจากระบบอัตโนมัติมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยไม่ต้องใช้พนักงานมานั่งคลิกในระบบเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ เพราะธุรกิจสามารถออกแบบให้เป็นอัตโนมัติได้โดยไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินจ้างพนักงานมาทำหน้าที่ในส่วนนี้

6. ตัดค่าใช้จ่ายในส่วนของ Operation

นับว่าเป็นวิธีที่ดีหากสามารถดำเนินธุรกิจแบบควบรวมได้ ยกตัวอย่างเช่น จัดส่ง ผลิตสินค้า ภายในบริษัทที่เดียวจนเสร็จสมบูรณ์ ไม่ต้องแยกการขนส่ง หรือการผลิตออกไป แต่ให้จัดระเบียบให้อยู่ด้วยกัน ใช้ประโยชน์จากพนักงานให้ดีที่สุด จะทำให้เงินไม่ไหลออกและคุ้มค่าเช่นกัน

7. ดูประกันและกระแสเงินสดไว้

คุณต้องมีคนที่มีประสบการณ์ รู้จักถามคำถามที่ถูกต้อง เข้าใจความต้องการทางธุรกิจของคุณ และพร้อมที่จะช่วยคุณประหยัดเงินเกี่ยวกับการประกันภัย สำหรับผลประโยชน์ด้านสุขภาพของพนักงาน ตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้คนมีทางเลือกและมีตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับทั้งธุรกิจและพนักงาน โดยทำให้แน่ใจว่าคุณไม่ได้ประกันต่ำหรือมากเกินไป สิ่งที่สำคัญกว่าคือ คุณจะต้องทำประกันอย่างถูกต้อง หลีกเลี่ยงการกู้ยืมระยะสั้น การเบิกเงินสดล่วงหน้า และการกู้ยืมที่มีดอกเบี้ยสูง หากคุณซื้อของด้วยเครดิต ให้จ่ายออกไป และอย่าได้เสียดอกเบี้ย ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณซื้อเฉพาะสิ่งที่คุณต้องการเท่านั้น ปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อกระแสเงินสดที่ดี เคยมีคำแนะนำว่าจะต้องมีตัวเลขจำนวนหนึ่งในธนาคารเสมอ โดยเมื่อเข้าใกล้ตัวเลขนั้นจะต้องมีการส่งสัญญาณเตือนเพื่อประเมินสิ่งต่างๆ ตัดสิ่งที่ไม่ต้องการออก และทำให้สถานะของเงินสดนั้นยังดีอยู่

8. เพิ่มคนหรือจ้างออก?

องค์กรจะต้องคัดเลือกอย่างถี่ถ้วนเพื่อให้แน่ใจว่าจะสามารถประหยัดเงินค่าจ้างได้ว่าจะเพิ่มคนหรือจ้างออกด้วยการกำหนด KPI ให้กับพนักงาน และต้องเข้าใจ สื่อสาร ว่าองค์กรคาดหวังอะไรจากพนักงาน มิฉะนั้นจะเป็นการเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์และทำให้ทั้งพนักงานและองค์กรอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ดังนั้น จึงต้องมีเครื่องมือวัดผลที่มีประสิทธิภาพและวัดผลการทำงานได้จริง

9. ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง

เมื่อจำเป็นต้องเดินทาง ให้กำหนดทริปให้มีประสิทธิภาพที่สุด เพราะค่าอาหาร โรงแรม เที่ยวบิน ฯลฯ ค่าใช้จ่ายเหล่านี้สามารถทำให้งบบานปลายได้หากไม่มีการควบคุม ซึ่งปัจจุบันสามารถใช้โปรแกรม Zoom, Teams และแอปพลิเคชันต่างๆ ในการประชุมได้ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง

10. ทำในสิ่งที่ตัวเองถนัด

ต้องระมัดระวังในการใช้เงินของบริษัทเมื่อบริษัทมอบหมายมาให้ ด้วยการทำหน้าที่ในสิ่งที่ตัวเองถนัด เพราะการทำสิ่งที่ไม่ถนัดจะทำให้เสียเวลาและเสียเงิน จนเกิดเป็นความล้มเหลวเพราะไม่ใช่สิ่งที่เราทำได้ดี ยกตัวอย่าง เมื่อคุณอยู่ฝ่ายการตลาด แต่ต้องไปทำ บรรจุภัณฑ์ แน่นอนว่าเป็นสูตรสำเร็จของความล้มเหลวแน่นอนเพราะคุณจะทำโดยปราศจากความรู้นั่นเอง