เมื่อวันที่ 13 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากนักท่องเที่ยวหรือผู้ที่เดินทางมาเยือนจังหวัดบุรีรัมย์ นอกจากจะแวะรับประทานอาหารคาวหรือมื้อหนักๆ ตามร้านอาหารที่ขึ้นชื่อของจังหวัดแล้ว ที่พลาดไม่ได้อีกอย่างคือ “เต้าส่วน เจ้ตุ่ม” สุดยอดของหวานสูตรต้นตำรับร้านเก่าแก่ของจ.บุรีรัมย์ ที่เปิดขายในตลาดโต้รุ่งเก่า ในเขตเทศบาลเมือง มานานกว่า 40 ปีแล้ว ซึ่งแต่ละวันในช่วงเย็นเวลาประมาณ 17.30 น. จะมีลูกค้าจากทุกเพศทุกวัยมายืนเข้าคิวรอซื้อเป็นแถวยาวเหยียด เพราะเต้าส่วนร้านนี้มีสูตรเฉพาะไม่เหมือนใคร โดยจะคัดสรรถั่วเหลืองที่มีคุณภาพแม้จะมีราคาสูง และคั้นเอาหัวกะทิสดใหม่ทุกวัน ทำให้เต้าส่วนมีรสชาติหวาน มัน อร่อย และหอมกลิ่นกะทิสด จนเป็นที่ติดอกติดใจของลูกค้าทั้งขาประจำ และผู้ที่เดินทางมาท่องเที่ยวที่ได้แวะมาลิ้มรสเต้าส่วนสูตรต้นตำรับของร้านนี้ ถึงขั้นเรียกได้ว่า “หากใครมาบุรีรัมย์แล้วไม่ได้มารับประทานเต้าส่วน เจ้ตุ่ม ก็เหมือนมาไม่ถึงบุรีรัมย์”

 แต่หากใครมาตรงกับวันพระหรือวันอาทิตย์ ก็จะไม่ได้รับประทานเพราะร้านนี้จะปิดทุกวันพระ เพื่อไปทำบุญที่วัด ส่วนวันอาทิตย์ก็หยุดพักผ่อนเพราะไม่ได้จ้างลูกน้องทำกันเองในครอบครัว  โดยร้านจะเปิดตั้งแต่เวลาประมาณ 17.30 น. ทำวันละ 8 หม้อ ใช้เวลาขายไม่ถึง 2 ชั่วโมง ก็มีลูกค้ามาเข้าคิวซื้อจนหมดเกลี้ยง หากใครมาช้าก็ต้องอดใจไปรับประทานในวันหลัง

นางจิราวรรณ ทองมานิตย์ หรือเจ้ตุ่ม อายุ 60 ปี เจ้าของร้าน บอกว่า เปิดขายมาตั้งแต่รุ่นอาโกแล้ว ส่วนตนเองถือเป็นรุ่นที่สองและขายมานานกว่า 40 ปีแล้วขายมาตั้งแต่ถ้วยละ 50 สตางค์ จนปัจจุบันถ้วยละ 20 บาท ถือเป็นร้านเก่าแก่ของจังหวัด สาเหตุที่มีลูกค้ามาเข้าคิวรอซื้อยาวเหยียด อาจเพราะเนื่องจากการคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพและรสชาติอร่อย หอมกลิ่นกะทิ เพราะคั้นสดใหม่ทุกวัน ที่สำคัญก็ไม่ได้หวังกำไรจากลูกค้ามากนัก แต่จะเน้นคุณภาพมากกว่า เพื่อให้คงความเป็นเอกลักษณ์และมาตรฐานต้นตำรับของเต้าส่วน เจ้ตุ่ม ซึ่งปัจจุบันมีรายได้เฉลี่ยวันละกว่า 10,000 บาท

ด้านนายวิโรจน์ มาศวิริยะกุล ลูกค้ารายหนึ่ง กล่าวว่า มาซื้อเต้าส่วนเจ้ตุ่ม ร้านนี้เป็นประจำ เป็นเวลากว่า 20 ปีแล้ว เพราะติดใจในรสชาติที่อร่อย และกลิ่นหอมของกะทิที่สดใหม่ หากมีเพื่อนหรือคนรู้จักก็จะแนะนำให้มารับประทานของหวานร้านนี้ด้วย และที่เป็นเอกลักษณ์ของร้านนี้ คือหากใครซื้อกลับบ้านต้องยืนเข้าแถวรอ แต่หากใครสั่งใส่ถ้วย ก็จะตักมาเสิร์ฟให้ทันที บางคนก็นิยมรับประทานกันปลาท่องโก๋ร้อนๆ และหากมาตรงวันพระหรือวันอาทิตย์ ก็จะไม่ได้กินเพราะร้านปิด ดังนั้นหากใครจะแวะมาลิ้มรสเต้าส่วนสูตรต้นตำรับ ก็ต้องดูปฏิทินก่อน เพราะจะได้ไม่เสียเวลาหรือความตั้งใจ มาแล้วไม่ได้รับประทาน