ชี้เป้า ท่องเที่ยวสายมู เครื่องรางของขลัง คือ  Soft Power สร้างรายได้มหาศาล

คุณวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรคกล้า ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจเพื่อคนตัวเล็ก กล่าวว่า ประเทศไทยอยู่คู่กับความเชื่อ ความศรัทธา ในพระพุทธศาสนามาอย่างยาวนาน ทั้งวัดวาอาราม สถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ที่ได้รับความนิยมและมีชื่อเสียงไปทั่วโลก

และยังมีสิ่งยึดเหนี่ยวทางใจ นั่นคือ เครื่องราง ของขลัง พระเครื่อง พระบูชา ที่ทุกครัวเรือนจะมีไว้สักการบูชา และมีกลุ่มที่ทำเป็นธุรกิจ มีเงินไหลเวียนในธุรกิจประเภทนี้ สูงถึงปีละกว่า 4 หมื่นล้านบาท หรืออาจสูงกว่านั้น เพราะยังไม่มีการจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ

“ธุรกิจเครื่องรางของขลัง จะเป็นพุทธพาณิชย์ หรือพุทธศิลป์ ขึ้นอยู่กับการตีความของแต่ละท่าน แต่ผมมองเป็น Soft Power สำคัญของไทยอีกด้านหนึ่ง ที่มีรากฐานมาแต่โบราณ ทั้งวัฒนธรรม ศิลปะ และโบราณวัตถุ เมื่อนำมาเชื่อมเข้ากับความเชื่อ ย่อมสามารถพัฒนาเป็นสินค้า ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้ โดยเฉพาะถ้าไปโยงกับการท่องเที่ยวต่างๆ ของไทย” คุณวรวุฒิ กล่าว

ก่อนยกตัวอย่าง เช่น ศาลพระพรหม สี่แยกราชประสงค์ มีผู้เลื่อมใสศรัทธาจากทั่วโลก โดยเฉพาะชาวฮ่องกงนับถือกันมาก ทั้งหมดนี้นำมาสู่การท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรม หรือใครจะเรียกว่า การท่องเที่ยวสายมู ก็ได้ ซึ่งสามารถนำรายได้เข้าประเทศไทยอย่างมหาศาลมาตลอดหลายสิบปี ทั้งที่ไม่มีการใช้กลยุทธ์ ไม่มีการวางสตอรี่ หรือเส้นทางต่อเนื่องอะไรจากภาครัฐเลย

และว่า ส่วนตัวเป็นคนหนึ่งที่ชอบสะสมเหรียญ นอกจากจะเลื่อมใสศรัทธาแล้ว ยังชอบในศิลปะด้วย อย่าง เหรียญท้าวเวสสุวรรณเนื้อเงิน ซึ่งแม้ว่าจะคุ้นชินกับศิลปะแนวนี้มาตลอด ยังเห็นว่าสวยงามมาก และอดไม่ได้ที่จะเช่ามาเก็บสะสมไว้ ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ไม่เคยเห็นมาก่อนจะตื่นตาตื่นใจขนาดไหน

ยิ่งถ้าได้ผนวกกับเรื่องราวที่ให้ความรู้ ประสบการณ์กับนักท่องเที่ยว ที่ส่งผลต่อความเชื่อเข้าไป รับรองดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อีกมากแน่ๆ อย่างไรก็ตาม เรื่องแบบนี้ต้องให้คนที่เข้าใจ มีแนวคิดเก่งๆ ทางธุรกิจเข้าไปบริหารประเทศ ถึงจะขับเคลื่อนหารายได้เข้าประเทศได้