HORECA SQUARE ใจดี จัดพื้นที่ขายฟรีให้สตาร์ตอัพ เอสเอ็มอี

คุณลัดดา มงคลชัยวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย โฮเรก้า จำกัด ในฐานะผู้บริหาร HORECA SQUARE ศูนย์ค้าส่งสำหรับผู้ประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรมโรงแรม ร้านอาหาร ร้านกาแฟ เบเกอรี่ และบริการจัดเลี้ยงในอาคาร CW ทาวเวอร์ ย่านรัชดาภิเษก เผยว่า HORECA SQUARE จะเปิดอย่างเป็นทางการในเดือนกุมภาพันธ์ 2560 ซึ่งในช่วง 3 เดือนแรก บรรดาผู้สนใจและผู้ประกอบการสมัครเข้าอบรมหัวข้อต่างๆ เกี่ยวกับการทำธุรกิจหลากหลายประเภท รวมทั้งการทำเวิร์กช็อปได้ที่เว็บไซต์ www.horecasquare.com หรือhttps://www.facebook.com/horecasquare โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด นอกจากนี้ ยังได้จัดพื้นที่ให้กับสตาร์ตอัพ เอสเอ็มอี ที่มีนวัตกรรมโดดเด่น สามารถนำสินค้ามาวางขายได้ฟรีด้วย ในลักษณะหมุนเวียนกันมาในแต่ละเดือน เพื่อช่วยเพิ่มช่องทางการขายให้กับเอสเอ็มอีกลุ่มนี้

คุณลัดดา กล่าวว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจที่คนรุ่นใหม่ หรือเจนวาย ต้องการทำมากที่สุด ได้แก่ ธุรกิจร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านค้าออนไลน์ และการขายสินค้าต่างๆ แต่โอกาสที่ธุรกิจของคนเจนวายจะประสบความสำเร็จนั้น มีเพียง 50 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น ส่วนอีก 50 เปอร์เซ็นต์ ยังล้มเหลว สาเหตุหลักที่ไม่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ เนื่องจากไม่มีข้อมูลและไม่ได้ศึกษาข้อมูลต่างๆ ทั้งแนวโน้ม โอกาสของตลาด และเทรนด์ของลูกค้าอย่างเพียงพอ รวมทั้งไม่มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจมาก่อน ขอแนะนำว่าหากยังไม่สามารถสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งได้ น่าจะซื้อแฟรนไชส์ดีที่สุด

“หากจะทำให้ร้านกาแฟอยู่ได้ ผู้ประกอบการต้องปรับตัวเพื่อให้สามารถแข่งขันและอยู่รอดได้ใน 5 ข้อ ได้แก่ 1) คำนึงถึงคุณภาพและความคุ้มค่าที่ลูกค้าจะได้รับ 2) นำนวัตกรรมเข้ามาปรับใช้ 3) รักษาฐานลูกค้าเก่าและสร้างฐานลูกค้าใหม่ 4) สร้างแบรนด์และเอกลักษณ์ให้โดดเด่น 5) ปรับองค์กรให้กระชับ รวมทั้งจะต้องบริหารธุรกิจใหม่ โดยให้ความสำคัญ 4 ประการ ได้แก่ 1. สรรหาและพัฒนาบุคลากร 2. พัฒนาความรู้ รู้จักบริหารเงินทุนหมุนเวียน เข้าร่วมเป็นสมาชิกโฮเรก้า 3. วางแผนการตลาดอย่างเป็นระบบ 4. นำนวัตกรรมและนำเสนอบริการรูปแบบใหม่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า”

สำหรับมูลค่าตลาดร้านอาหาร มีมูลค่าโดยรวมประมาณ 375,000-385,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ กลุ่มร้านอาหารที่มีสาขา มูลค่าตลาดประมาณ 108,000-110,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 28.5 เปอร์เซ็นต์ โดยมีสาขาอยู่ประมาณ 2,663 สาขา และร้านอาหารทั่วไป มูลค่าตลาดประมาณ 267,000-275,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 71.5 เปอร์เซ็นต์ โดยทั้ง 2 กลุ่มนี้ มีอัตราเติบโตที่แตกต่างกัน กลุ่มร้านอาหารที่มีสาขา จะมีแนวโน้มเติบโตสูงกว่าอยู่ที่ 6.9-8.9 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ร้านอาหารทั่วไป จะมีแนวโน้มที่ต่ำกว่าอยู่ประมาณ 2.9-5.9 เปอร์เซ็นต์ อันเนื่องมาจากความพร้อมในการแข่งขันและเติบโต อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 กลุ่มมีอัตราเติบโตโดยรวมประมาณ 4-6.8 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบจากปีก่อน

ส่วนตลาดร้านกาแฟ เบเกอรี่ ไอศกรีม ปัจจุบันมีแบรนด์ชั้นนำอยู่ประมาณ 3,710 สาขา สำหรับมูลค่าตลาดของทั้งสาม อยู่ที่ประมาณ 62,000 ล้านบาท โดยในกลุ่มกาแฟมีมูลค่ามากที่สุด ที่ 30,000 ล้านบาท รองลงมา เบเกอรี่ 17,000 ล้านบาท และไอศกรีม 15,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ส่วนแบ่งตลาดสำหรับกาแฟระดับกลางมีมูลค่ามากที่สุด เป็นจำนวน 40 เปอร์เซ็นต์ของตลาดทั้งหมด โดยกลุ่มนี้ มีอัตราเติบโตต่อเนื่อง เพราะการบริโภคกาแฟของคนไทย เฉลี่ยอยู่ที่ 200 แก้ว ต่อคนต่อปี มีช่องว่างทางการตลาดอีกมาก โดยเฉพาะร้านกาแฟตามปั๊มน้ำมัน หรือในต่างจังหวัด ซึ่งหลายแห่งมีลูกค้าทั้งประจำและขาจรมาอุดหนุนอย่างต่อเนื่อง

%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%8d%e0%b8%8d%e0%b8%b2

ด้าน คุณปริญญา ชุมรุม กูรูด้านแบรนด์ ที่ปรึกษาด้านการตลาด และอดีตผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาและวิจัยตราสินค้า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ธุรกิจร้านกาแฟสามารถจัดแบ่งลูกค้าได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ คอกาแฟตัวจริง ที่เน้นเรื่องคุณภาพ ชนิด ประเภท วิธีการชง กับ ผู้ดื่มกาแฟทั่วไป ซึ่งมีแนวทางหลักที่ผู้ประกอบการแต่ละราย จำเป็นต้องให้ความสำคัญและจำเป็นต้องมี 7 ประการ ได้แก่ 1) คุณภาพผลิตภัณฑ์ที่ดี 2) ราคาสมเหตุสมผล 3) การบริการ 4) ทำเลที่ตั้ง 5) การออกแบบตกแต่งร้าน 6) เข้าใจผู้บริโภค 7) สร้างจุดขายเฉพาะที่มีเอกลักษณ์

“ผมขอแนะนำว่าร้านกาแฟทุกร้านต้องมีไว-ไฟ แต่อย่าให้มีปลั๊กไฟเยอะหากร้านไม่ใหญ่ไม่หรูจริงๆ เพราะจะทำให้มีค่าใช้จ่ายสูง ปัจจัยอื่นๆ ที่จะทำให้ร้านอยู่ได้และมีลูกค้าตลอดคือ ทำเลที่ดี มีกาแฟที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ มีบาริสต้าที่มีใจรักและรู้จริงเรื่องกาแฟ และจำเป็นต้องใช้ดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งเป็นเครื่องมือสื่อสารกับลูกค้า ที่สำคัญ ต้องสร้างชุมชน หรือคอมมูนิตี้ ในกลุ่มลูกค้าที่มีรสนิยมและความชอบในทิศทางเดียวกัน อย่างบางร้านเป็นชุมชนรวมนักปั่นจักรยาน” คุณปริญญา กล่าว