เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย รู้ไหม “ทอง” แยกได้ทั้งหมดกี่ประเภท?

Customers buy gold nacklaces at a gold store in Hefei, Anhui province September 15, 2010. VCP (Photo by Jie Zhao/Corbis via Getty Images)

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย รู้ไหม “ทอง” แยกได้ทั้งหมดกี่ประเภท?

ทอง – “ทอง” จัดเป็นธาตุแท้ชนิดหนึ่ง ที่มีมูลค่ามหาศาล ลักษณะเป็นโลหะเนื้ออ่อน ที่นิยมนำมาทำเป็นทองแท่งหรือเครื่องประดับต่างๆ เพื่อเสริมบารมีผู้ใส่ รวมทั้งเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล เพราะซื้อง่ายขายคล่อง ธนาคารแห่งชาติทั่วโลก จึงนิยมใช้ทอง หรือทองคำ เป็นส่วนหนึ่งของทุนสำรองระหว่างประเทศ ทำให้ราคาทอง สามารถใช้เป็นตัวบ่งชี้เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศในช่วงนั้นๆ ได้

ยิ่งช่วงนี้บ้านเราเศรษฐกิจฝืด ธุรกิจหยุดชะงักจากพิษโควิด ราคาทองปรับขึ้น เราจึงเห็นคนแห่ไปที่ร้านทองกัน ทั้งซื้อเก็บไว้เก็งกำไร หรือกระทั่งนำไปขายแลกเงินมาใช้จ่าย แล้วรู้หรือไม่ว่า ทอง ที่ซื้อขายกันอยู่ทุกวันนี้ มีกี่ประเภท? แล้วแต่ละประเภท แตกต่างกันอย่างไร? คุณเติ้ง – ธามาริน เจริญพิทักษ์ ผู้บริหารรุ่นที่ 4 ของร้านทองเก่าแก่อายุ 100 กว่าปี อย่าง “บ้านต้นมะขาม” ได้ให้ความรู้เรื่องทองที่ซื้อขาย หรือนำมาทำเป็นเครื่องประดับในปัจจุบันกับ “เส้นทางเศรษฐีออนไลน์”

คุณเติ้ง – ธามาริน เจริญพิทักษ์ ผู้บริหารรุ่นที่ 4 ของร้านทองเก่าแก่อายุ 100 กว่าปี อย่าง “บ้านต้นมะขาม”

โดยหลักๆ แล้วประเภทของทอง แบ่งออกเป็น 6 ประเภท ได้แก่

1. ทองคำ เป็นทองคำ 99.99% หรือ ทอง 24k ถือเป็นทองบริสุทธิ์ที่สุด มักนำมาทำเป็นสร้อยคอ คุณสมบัติของทอง 24k จะมีความนิ่ม และ เหนียว เพราะฉะนั้น เมื่อนำมาทำเป็นสร้อยคอแล้ว อาจจะมีการยืดได้ แต่จะไม่ขาด โดยวิธีสังเกตง่ายๆ คือ ถ้าเป็นสร้อยคอ หรือ แหวน จะมีปั๊มว่า 99.99 ตามปลายสร้อยนั่นเอง

2.  ทอง 96.5% หรือที่เราได้ยินติดปากกันในเมืองไทยว่า ทอง 100% ไทย ซึ่งความจริงคุณเติ้งกล่าวว่า ส่วนผสมไม่ใช่ทอง 100% แต่เป็นทอง 96.5% ซึ่งมีความบริสุทธิ์น้อยกว่าทอง 99.99 เล็กน้อย สีของทอง 96.5% จะเป็นสีทอง มีความเหลืองกว่าสีของทอง 99.99 ซึ่งจะมีลักษณะเหลืองด้านๆ วิธีสังเกตจะง่ายๆ เหมือนกัน คือ จะดูตามปลายสร้อยคอ หรือ แหวน จะมีปั๊มว่า 96.5

3. ทอง 90% เป็นทองที่มักนำมาใช้ทำจิวเวลรี่ อย่างเช่น เข็มกลัด  หรือแหวนแต่งงาน เพราะด้วยความที่มีทองผสมถึง 90% หรือ 20k ทำให้เนื้อทองมีความแข็ง สามารถตะไบ หรือ ฉลุ ให้มีความเหลี่ยมได้ คมสวยกว่าทองที่มีความนิ่ม ไม่ค่อยเกิดการบิดเบี้ยว และสีของทอง 90% จะมีความคล้ายคลึงกับทอง 96.5%

4. White Gold (ไวท์ โกลด์) หรือทองขาว ในภาษาไทย คนจะสับสนกันระหว่าง ทองขาว กับ ทองคำขาว  ซึ่ง ทองขาว คือ White Gold มีส่วนผสมของทอง 75% ผสมกับแพลทินัม แล้วแต่สัดส่วนของสูตรนั้นๆ เพื่อให้ออกมาเป็นทองขาว 18k การทำให้เกิดลวดลายหรือทรง จึงทำได้หลากหลาย

5. ทองคำขาว คือ แพลทินัม 100% ข้อดีของแพลทินัม คือ มีความแข็งมาก คนจึงนิยมนำแพลทินัมไปทำแหวนเพชร เพราะตัวหนามเตยที่ใช้เกาะเพชร มีโอกาสหลุดน้อยกว่าวัสดุอื่นๆ จึงทำให้ราคาของแพลทินัมสูงมากเช่นกัน ลวดลายในการใช้แพลทินัมทำแหวนค่อนข้างจะจำกัด เพราะด้วยความแข็ง จึงทำให้ช่างทำงานลำบาก

6. Pink Gold (พิ้งก์โกลด์ ) หรือ Rose Gold (โรสโกลด์) ลักษณะเหมือนทองขาว คือเป็นทอง 18k ซึ่งพิ้งก์ โกลด์ จะมีทองผสมอยู่ 75% บวกกับอัลลอย พิ้งก์ จากอิตาลี นำมาผสมอัลลอยในสัดส่วนที่จะใช้กับทอง แล้วแต่สูตร สูตรใครสูตรมัน แล้วแต่สีที่เราต้องการออกมา คุณสมบัติจึงเหมือนกับทองขาวทุกประการ คือ แข็ง ทำจิวเวลรี่ได้สวย เนี้ยบ เนียน แต่ไม่ได้แข็งมากถึงขนาดดัดทรงหรือทำให้เป็นทรงสวยงาม ซึ่งตัวอัลลอยที่นำมาผสม เป็นอัลลอยที่ทางอิตาลีได้จดลิขสิทธิ์ไว้ จึงไม่เปลี่ยนสีนั่นเอง

 

เผยแพร่ครั้งแรก วันเสาร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ.2563