ผู้เขียน | ไมตรี ลิมปิชาติ /นิตยสารเส้นทางเศรษฐี |
---|---|
เผยแพร่ |
ระยะหลังๆ มานี้ ผมไปเที่ยวเมืองน่านค่อนข้างบ่อย เพราะเป็นเมืองที่น่าไปเที่ยว อีกทั้งมีแหล่งท่องเที่ยวมากเหลือเกิน มีครบทุกหมวดก็ว่าได้
น่านมีทั้งโบราณสถาน วัดวาอาราม วิถีชีวิตของผู้คนที่น่าสนใจ และที่โดดเด่นอย่างมากก็เห็นจะเป็นเรื่องของธรรมชาติ
จังหวัดน่านก็ไม่ได้กว้างใหญ่มากนัก แต่มีอุทยานทางธรรมชาติถึง 4 แห่ง
เมื่อเดือนที่แล้ว ขณะเดินทางผ่านไปทางอำเภอเวียงสา ซึ่งเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดน่าน เป็นเวลาเที่ยงพอดี ผมกับผู้ร่วมเดินทางจึงต้องแวะหาอาหารเที่ยงกิน เพื่อจะได้มีแรงเที่ยวต่อได้
เวลาท่องเที่ยวไปต่างจังหวัดทุกครั้ง ถ้าเป็นอาหารเที่ยง ผมนิยมหาของกินง่ายๆ แบบจานด่วนกิน เพราะไม่เสียเวลา อีกทั้งจะไม่อิ่มเกินไป ทำให้กินอาหารมื้อเย็นได้อร่อย
ปกติ ถ้าจะไปกินอาหารเที่ยงแบบง่ายๆ ประเภทข้าวมันไก่ หรือก๋วยเตี๋ยว ผมจะนั่งรถไปทั่วเมืองวนดู เห็นร้านแห่งใดมีคนเข้าไปอุดหนุนมาก ก็เชื่อได้เลยว่าต้องอร่อยแน่ เข้าไปกินมักจะไม่ผิดหวัง
แต่วันนั้นพอเข้าเขตอำเภอเวียงสา เราแค่เอ่ยว่าอยากหาก๋วยเตี๋ยวอร่อยๆ กินเท่านั้น คนขับรถตู้ซึ่งคุ้นเคยกับอำเภอเวียงสาได้แนะนำให้ไปกินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านยายพรรัตน์ ซึ่งหาไม่ยากเพราะเป็นร้านที่ตั้งอยู่หน้าวัดศรีกลางเวียง เป็นวัดที่คนที่นั่นรู้จักดี
ไปถึงร้านก๋วยเตี๋ยวยายพรรัตน์ ได้พบว่ามีลูกค้ามาอุดหนุนกันค่อนข้างมาก แต่ก็ยังพอมีโต๊ะว่างให้นั่ง
เสียดายที่ผมไม่กินเนื้อมานานแล้ว แต่ร้านนี้ขายก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ผมจึงต้องแยกไปกินอีกร้านซึ่งอยู่ติดกันเพราะเป็นก๋วยเตี๋ยวหมู มารู้ตอนหลังว่าคนขายก๋วยเตี๋ยวหมูเป็นหลานของคนขายก๋วยเตี๋ยวเนื้อ
หลังจากผมจัดการกับก๋วยเตี๋ยวหมูเรียบร้อยแล้ว คนที่กินก๋วยเตี๋ยวเนื้ออุตส่าห์เดินมาชวนผมให้ไปที่ร้านขายก๋วยเตี๋ยวเนื้อ เพราะเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งแรกในประเทศไทย ที่ขณะนั่งกินก๋วยเตี๋ยวจะได้ฟังเสียงไวโอลินที่ไพเราะไปพร้อมกันด้วย
ผู้สีไวโอลินคลอเป็นกับแกล้มให้คนกินก๋วยเตี๋ยวเป็นหญิงสูงอายุ มารู้ภายหลังว่ามีอายุ 85 ปี เข้าไปแล้ว แต่ฝีมือยังใช้ได้เลย คือฟังแล้วไพเราะรื่นหู
ฉะนั้น ผู้ใดที่ได้มากินก๋วยเตี๋ยวเนื้อเจ้านี้ จะได้กำไร 2 ต่อคือ ได้กิน แล้วยังได้ฟังเสียงเพลงอีกต่างหาก
คุณสุพร บุญรักษา คือชื่อของคุณยายเจ้าของร้านและเจ้าของเสียงไวโอลิน ได้เล่าให้ผมฟังหลังจากหยุดสีไวโอลินให้ลูกค้าฟังว่า
ยายสุพรได้เปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวมานานมาก ก็ตั้งแต่อายุประมาณ 40 ปี
การขายก๋วยเตี๋ยวเป็นอาชีพที่ไม่ได้ตั้งใจทำมาก่อน เป็นความบังเอิญมากกว่า เพราะสมัยยายยังเป็นสาว หลังจากเรียนจบชั้น ม.3 ที่เวียงสาแล้วก็ได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ ไปเรียนเป็นช่างเสริมสวย
กลับจากกรุงเทพฯ ก็มาเปิดร้านเสริมสวยชื่อว่า พรรัตน์ แต่ไปได้ไม่ค่อยดีเท่าไร จึงหันมาทำก๋วยเตี๋ยวขาย แล้วก็สามารถอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้
และเมื่อผมถามถึงเรื่องดนตรี ยายสุพรเล่าว่า
ตอนไปเรียนเป็นช่างเสริมสวยที่กรุงเทพฯ ได้มีโอกาสไปดูไปฟังดนตรีคณะสุนทราภรณ์แสดงที่สวนลุมพินี
เพียงครั้งแรกที่ได้ยินเสียงไวโอลินก็ติดใจถึงกับหลงในเสียงดนตรีชนิดนี้ จึงได้ซื้อไวโอลินกลับมาที่อำเภอเวียงสา บ้านเกิด โดยฝึกเล่นด้วยตนเองซึ่งก็ไม่ยากสำหรับเธอ เพราะมีพื้นฐานเกี่ยวกับดนตรีไทยมาแล้ว
ถูกแล้ว สมัยเป็นนักเรียนเธอได้เป็นนักดนตรีพื้นเมืองของโรงเรียน และพอโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ก็ได้ชวนเพื่อนๆ ที่ชอบดนตรีพื้นเมืองด้วยกันตั้งวงดนตรีเพื่อเล่นสนุกๆ และเล่นตามงานต่างๆ ทั้งงานศพ งานบวช งานวัด งานอะไรก็ได้ที่เจ้าภาพขอให้ไปเล่น
หลังจากเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยว คนที่มากินรู้ว่าเธอสีไวโอลินเก่ง จึงมักจะขอให้สีให้ฟัง
ตอนใหม่ๆ ก็ทำตามใจลูกค้าไม่ค่อยได้เพราะต้องปรุงก๋วยเตี๋ยวขายให้ลูกค้าด้วย ต่อมามีหลานๆ มาช่วยขาย จึงสามารถสีไวโอลินให้ลูกค้าฟังได้
ตอนที่ผมกับเพื่อนร่วมเดินทางเข้าไปกินก๋วยเตี๋ยว ยายสุพรก็ได้สีไวโอลินให้เราได้ฟังหลายเพลง ส่วนมากเป็นเพลงของสุนทราภรณ์ คนรุ่นผมฟังแล้วชอบมาก เพราะเป็นเพลงรุ่นเดียวกัน
บังเอิญเพื่อนเราบางคนร้องเพลงเก่ง จึงถือโอกาสร้องเพลงคลอเสียงไวโอลินไปกับยายสุพร จึงสนุกกันใหญ่ จนไม่รู้ว่ามากินก๋วยเตี๋ยวหรือมาร้องเพลง
สำหรับนักท่องเที่ยวถ้าจะแวะไปกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อร้านนี้ ขอบอกให้รู้ว่า เปิดร้านเวลา 11.30 น. พอบ่าย 2 โมงเย็น จะปิดร้าน หรือถ้าขายหมดก่อนก็ปิดก่อน
ร้านของยายมีทั้งก๋วยเตี๋ยวเนื้อสดและเนื้อเปื่อย ขายชามละ 40 บาท พิเศษ 50 บาท
ส่วนรสชาติถึงแม้ผมไม่ได้กิน แต่แค่มองเห็นก๋วยเตี๋ยวในชามและท่าทางความรู้สึกของคนที่กำลังกินพอเดาได้ว่าต้องอร่อยแน่ เพราะบางคนกินตั้ง 2 ชาม
ตอนท้ายยายสุพรสรุปให้ฟังว่า ความรู้สึกลึกๆ แล้วอยากเป็นนักดนตรีมากกว่า แต่ที่ต้องขายก๋วยเตี๋ยวก็เพราะสามารถมีรายได้เลี้ยงชีพได้ จึงต้องทำทั้ง 2 อย่างควบคู่กันไป
นักท่องเที่ยวผู้ใดไปถึงอำเภอเวียงสาแล้ว ผมขอแนะนำให้ไปกินก๋วยเตี๋ยวร้านนี้ ไปไม่ถูกโทรศัพท์ไปถามได้ที่ หมายเลข (089) 220-6792
รีบไปหน่อยก็ดีนะ ยายสุพรอายุตั้ง 85 ปีแล้ว คงมีเวลาเหลือน้อยที่จะสีไวโอลินให้เราได้ฟัง