ตำรวจไทยหัวใจเกษตร หารายได้เสริม ทำไร่กาแฟ ปลูกผักสวนครัว-กล้วย

ทั้งๆ ที่ นรินทร์ ศรีมรกตมงคล ได้เลื่อนยศเป็นนายดาบหลายปีแล้ว แต่เนื่องจากเป็นจ่าอยู่นาน ใครต่อใครจึงเรียกเขาว่า จ่านรินทร์

ปัจจุบันจ่านรินทร์เป็นตำรวจอยู่ที่สภ.เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นตำรวจที่ค่อนข้างนอกคอก เพราะเป็นตำรวจอย่างเดียว ไม่ชอบ แต่กลับใช้เวลาว่างจากหน้าที่ไปปลูกกาแฟ

ไร่กาแฟของจ่านรินทร์อยู่ทางไปเขาค้อห่างจากถนนใหญ่ หล่มสัก-เพชรบูรณ์ ประมาณ 20 กิโลเมตร ใกล้กับบริเวณที่ถูกเรียกว่าเนินมหัศจรรย์ ที่นักท่องเที่ยวรู้จักดี

จ่านรินทร์เริ่มต้นปลูกกาแฟและผลิตเมล็ดกาแฟมาเพียง 7 ปี แต่สามารถมีลูกค้าทั่วประเทศ

ส่วนใหญ่ผู้ที่ซื้อเมล็ดกาแฟสดคั่วบดของจ่านรินทร์จะนำไปชงขาย

บางรายก็ไปตั้งชื่อกาแฟเป็นยี่ห้อใหม่ของตัวเอง จ่านรินทร์ก็ไม่ว่า เพราะเป้าหมายจริงๆ ของจ่านรินทร์ก็คือขายส่ง

พูดง่ายๆ ก็คือใครต้องการซื้อ จ่านรินทร์ก็ขายทั้งนั้น เป้าหมายอยู่ที่การขาย ไม่ได้หวังชื่อเสียงเหมือนคนผลิตกาแฟบางคน ราคาขายส่งโดยเฉลี่ยกิโลกรัมละ 400 บาท

จ่านรินทร์มีลูกค้าที่มารับซื้อโดยตรงตอนนี้ประมาณ 80 กว่าราย ก็พอแล้ว คือ พอใจแล้ว ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงที่ยึดมั่น

ดูตามฟอร์มแล้ว ตอนแรกผมนึกว่า จ่านรินทร์คงจะมีไร่ปลูกกาแฟเป็นร้อยๆ ไร่ แต่พอได้ไปเห็นขึ้นมาจริงๆ จ่านรินทร์มีที่ดินปลูกกาแฟเพียงไม่กี่ไร่เท่านั้น

ที่ดิน 1 ไร่ปลูกกาแฟได้ 400 ต้น

ต้นหนึ่งๆ เก็บผลกาแฟได้เพียง 6 กิโลกรัม ต่อปี เท่านั้น ยังไงๆ ก็ได้ผลผลิตไม่พอขาย

แต่ที่จ่านรินทร์มีพอที่จะส่งขายได้ก็เพราะได้รับซื้อเมล็ดกาแฟจากชาวสวนรายอื่นๆ ด้วย

เมล็ดกาแฟสดที่เพิ่งเด็ดจากต้น จ่านรินทร์รับซื้อกิโลกรัมละ 15 บาท

จ่านรินทร์ บอกว่า ก่อนที่จะนำกาแฟที่เก็บมาจากต้นมาเพิ่มคุณค่าให้เป็นกิโลกรัมละ 400 บาทได้นั้น ต้องทำหลายขั้นตอนดังนี้

เริ่มต้นจะต้องเก็บเฉพาะเมล็ดกาแฟที่มีสีแดงจากต้น เพื่อให้ได้เมล็ดที่แก่เต็มที่

จากนั้นนำเมล็ดกาแฟเข้าเครื่องสีเปลือก คือ เอาเปลือกออก

นำเมล็ดกาแฟล้างน้ำสะอาดแล้วแช่ไว้ในบ่อประมาณ 3 วัน

เอาเมล็ดกาแฟที่แช่น้ำขึ้นจากบ่อเพื่อไปตากแดด 7-15 แดด

เมื่อเมล็ดกาแฟถูกแดดจนแห้งดีแล้วก็ยังนำไปบดหรือไปใช้ไม่ได้ ต้องเก็บเมล็ดกาแฟใส่กระสอบตาข่ายไว้อีก 1 ปีถึงจะใช้ได้

พูดง่ายๆ ก็คือ เก็บใส่กระสอบไว้ปีนี้ แต่ไปใช้ได้ปีหน้า

ก็เพราะกว่าจะได้นานเป็นปี ชาวสวนกาแฟส่วนใหญ่จึงไม่นิยมทำ สู้ขายเป็นเมล็ดสดๆ ที่เก็บจากต้นไม่ได้ เพราะขายได้เงินสดทันที

จ่านรินทร์ บอกว่า คนส่วนใหญ่คิดว่าที่ดินในเขตจังหวัดเพชรบูรณ์จะเหมาะสำหรับปลูกมะขามหวาน ก็ถูกต้อง แต่ไม่ทั้งหมด เพราะจริงๆ แล้วปลูกพืชอย่างอื่นๆ ก็ได้

ตอนแรกจ่านรินทร์ก็คิดจะปลูกมะขามหวานเหมือนกัน แต่เนื่องจากมีที่ดินน้อยเพียง 2 ไร่ ปลูกมะขามได้เพียงไม่กี่ต้น จ่านรินทร์จึงหันไปปลูกผักสวนครัวแทน โดยตั้งเป้าว่า แค่ปลูกไว้กินเอง ไม่ต้องซื้อก็พอใจแล้ว เหลือก็ขาย และนี่คือจุดเริ่มต้นของจ่านรินทร์

ทว่า บังเอิญจ่านรินทร์ได้รู้จักกับผู้รู้เกี่ยวกับการปลูกต้นไม้คนหนึ่ง เขาแนะนำให้ปลูกกาแฟ โดยยืนยันว่าปลูกได้แน่ แล้วก็ได้จริงๆ

เมื่อผมอยากรู้ประวัติความเป็นมาก่อนมาถึงวันนี้ จ่านรินทร์ เล่าให้ฟังว่า เขาเป็นคนกรุงเทพฯ ย้ายไปอยู่ที่เขาค้อเมื่อปี 2552 นี้เอง

ด้วยการมีอาชีพตำรวจ ทำให้เขามีโอกาสได้รู้จักและพูดคุยกับชาวสวนทั่วไป ประกอบกับมีจิตใจรักการเกษตรอยู่แล้ว เขาจึงใช้เวลาว่างจากหน้าที่หลักไปทำงานด้านเกษตรบนที่ดินของภรรยา ซึ่งเป็นบ้านอยู่อาศัยด้วย ตั้งอยู่ที่ 63 หมู่ 3 ตำบลริมสีม่วง อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์

ก่อนมาถึงวันนี้ จ่านรินทร์ ยอมรับว่า ตอนนั้นเป็นเกษตรกรมือใหม่เขาไม่เคยทำอะไรเกี่ยวกับเกษตรมาก่อนเลย สมัยอยู่กรุงเทพฯ ต้นไม้สักต้นก็ไม่เคยปลูก

จ่านรินทร์เริ่มต้นด้วยการปลูกแบบผสมผสานและผักสวนครัว ด้วยหวังลดค่าใช้จ่ายประจำวันดังเล่าแล้วข้างต้น

 

จ่านรินทร์มีแนวความคิดเกิดขึ้นเองว่า อะไรก็ตามเมื่อเรากินได้ คนอื่นกินได้ เราก็จะขายของได้ จึงกลายเป็น สวนหลังบ้านสารพัด โดยเริ่มต้นครั้งแรกด้วยการปลูกกล้วย เพราะได้ผลผลิตทั้งปี อีกทั้งทำให้ดินชุ่มชื้นและเป็นร่มเงาให้ต้นกาแฟที่ปลูกใหม่ได้

กล้วยที่จ่านรินทร์ปลูกไว้มีทั้งกล้วยไข่ กล้วยหอม กล้วยน้ำว้า กล้วยเล็บมือนาง กล้วยหิน กล้วยนาก กล้วยงวงช้าง สามารถขายได้ทั้งผลและต้น ทำให้ได้ทุนมาปลูกกาแฟอย่างจริงจัง

เริ่มใหม่ๆ ก็ปลูกกาแฟพันธุ์อาราบิก้าแซมลงไปในสวนกล้วย

ประมาณ 2 ปีกาแฟก็ออกผล แต่ไม่มีตลาดรองรับคือขายไม่ได้ ทั้งๆ ที่มีร้านกาแฟอยู่ทั่วไปหมด

จากจุดนี้เองเป็นแรงผลักดันให้จ่านรินทร์เอาผลสดจากต้นมาทำเป็นเมล็ดกาแฟคั่วและคั่วบดเพื่อส่งขายให้ร้านค้า

เริ่มแรกจ่านรินทร์ได้นำกาแฟที่คั่วเรียบร้อยแล้วไปเสนอขายเฉพาะร้านกาแฟที่อำเภอเขาค้อเพราะใกล้และสะดวก ก่อนที่จะขยายขายส่งไปอีกหลายจังหวัด

จากเคยปลูกกาแฟเองเพียงไม่กี่ไร่ก็ขยายเป็น 12 ไร่ในเวลาต่อมา อีกทั้งได้รับซื้อจากชาวสวนกาแฟคนอื่นๆ ด้วย

จนที่สุด นอกจากจ่านรินทร์ผลิตกาแฟขายแล้ว ไร่กาแฟยังได้กลายเป็นศูนย์เรียนรู้ด้วย ผู้ใดสนใจต้องการมาศึกษาและดูงาน ติดต่อกับจ่านรินทร์ได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ (089) 227-2758

ปกติ เท่าที่ผมเคยรู้มา ตำรวจที่มียศเป็นจ่าจำนวนไม่น้อยมักจะหารายได้พิเศษในทางที่ไม่ค่อยถูกต้อง

ทว่า จ่านรินทร์กลับทำในสิ่งที่ถูกต้อง น่าชื่นชมและยกย่อง ตำรวจนายอื่นๆ ควรจะเลียนแบบ ซึ่งเชื่อว่าจ่านรินทร์ไม่สงวนลิขสิทธิ์อย่างแน่นอน