ขยายพันธุ์ต้นไผ่ขาย ตลาดต้องการ ลงทุนน้อย ทำกำไรเป็นกอบ เป็นกำ

ผมก็เพิ่งรู้ว่า การทำสวนไผ่อย่างเดียวสามารถเปลี่ยนชีวิตของ ขวัญใจ กลับสุกใส ให้ดีขึ้นได้ ไม่ได้ดีอย่างเดียวยังพูดได้เลยว่า อยู่ดีกินดีมีฐานะมั่นคงอีกต่างหาก

บนที่ดินเพียง 15 ไร่ ซึ่งเคยเป็นทุ่งนามาก่อน เธอเริ่มต้นปลูกไผ่หลายชนิด ตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบัน ใช้เวลาเพียง 12 ปีเท่านั้น เธอสามารถปลูกไผ่ได้เต็มเนื้อที่ เท่ากับใช้เวลาน้อยพบกับความสำเร็จมาก

ไผ่ที่เธอปลูกคนนิยมก็มี ไผ่ตง ไผ่หม่าจู ไผ่ปักกิ่ง ไผ่ซางหม่น และไผ่เสี้ยวหวาน แต่มีพันธุ์อื่นๆ ด้วยประมาณ 33 ชนิดพันธุ์

การทำสวนไผ่ ทำให้ขายได้ทั้งไม้ไผ่เป็นลำๆ และหน่อไม้เป็นหลัก

ระยะหลังๆ มานี้ที่ขายดีเป็นพิเศษก็คือ ตัดไผ่เป็นท่อนๆ ยาวประมาณ 15 เซนติเมตร เพื่อนำไปเป็นกระบอกใส่เบียร์บ้าง หรือบางแห่งก็มาซื้อไปใส่น้ำหวานแทนแก้วน้ำ

นอกจากนี้ยังเอาต้นไผ่มาเผาถ่าน ซึ่งจะให้ความร้อนดีมาก มีพ่อค้ามาซื้อถึงสวนเพื่อนำไปขายต่อ

ประโยชน์อีกอย่างหนึ่งที่มีรายได้จากไผ่เป็นกอบเป็นกำก็จากการขายต้นพันธุ์

 

ขยายพันธุ์ไม่ค่อยจะทันกับผู้ที่ต้องการเอาไปปลูก แม้ที่สวนของเธอเองก็ขยายพันธุ์ออกไปเรื่อยๆ เท่าที่จะซื้อที่ดินแปลงใหม่ได้

เธอมีโครงการที่จะนำไม้ไผ่มาทำเครื่องจักสาน ทำเครื่องใช้ในครัวเรือน และทำเครื่องเรือน ที่ยังทำไม่ได้ก็เพราะติดอยู่ที่ช่างฝีมือ ส่วนวัตถุดิบนั้นมีไว้อย่างเพียงพอ

เธอชี้ให้ผมดูบ้านที่ทำด้วยไม้ไผ่ แม้แต่เสาก็ใช้ไม้ไผ่ขนาดใหญ่

เธอยืนยันว่า ไม้ไผ่สามารถคงทนอยู่ได้นานหลายสิบปี แม้อยู่ภายนอกถูกแดดถูกฝน เพียงแต่ต้องรู้จักเลือกไม้ไผ่ชนิดที่เหมาะสำหรับนำมาสร้างบ้านและทาน้ำยาป้องกันแมลง

ตอนที่ผมกับคณะเข้าไปชมสวนไผ่นั้นเป็นเวลาใกล้เที่ยง จึงไม่ได้เห็นการแทงเอาหน่อไผ่ขึ้นมาจำหน่าย

สำหรับเรื่องนี้ คุณขวัญใจบอกเคล็ดลับว่า การแทงหรือตัดหน่อไผ่จะตัดตอนเช้ามืด แล้วส่งขายเลย คนซื้อที่รู้จักรับประทานจะนำไปทำอาหารทันที เพราะหน่อไผ่ข้ามคืนจะมีรสชาติไม่ดี

เนื่องจากสวนไผ่ขวัญใจทำมาหลายปี เป็นที่รู้จักแก่พ่อค้าและนักรับประทาน จึงทำให้พากันมาซื้อหน่อไผ่ถึงสวน ราคาขายหน่อไผ่ทั้งเปลือกกิโลกรัมละ 60 บาท หน่อไผ่ของคุณขวัญใจขายสดๆ มีไม่พอขาย จึงไม่จำเป็นต้องใส่ปี๊บทำเป็นหน่อไม้ดอง

ปัจจุบันสวนไผ่ขวัญใจกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางเกษตร มีนักท่องเที่ยวนั่งรถทัวร์เข้าไปแทบทุกวัน บางวันเข้าไปพร้อมๆ กันหลายสิบคัน เพื่อรับประทานอาหารกลางวันด้วย

ใช่แล้ว ที่สวนไผ่ขวัญใจมีการขายอาหารด้วย อาหารเกือบทุกอย่างจะใช้หน่อไม้ ภาชนะใส่ข้าวสวย และใส่น้ำดื่มก็ใช้เป็นกระบอกไม้ไผ่ ทำให้ได้บรรยากาศในการรับประทานดีทีเดียว

ทุกคนที่เข้าไปเที่ยวที่สวนไผ่ คุณขวัญใจจะให้บริการโดยนำชมสวนไผ่ด้วยตนเอง พร้อมอธิบายให้นักท่องเที่ยวฟังอย่างไม่ปิดบัง เท่านี้ยังไม่พอ คุณขวัญใจยังแนะนำและเชิญชวนสนับสนุนให้ผู้ที่สนใจทำสวนไผ่เหมือนอย่างเธอบ้าง เธอยืนยันว่า ลงทุนน้อย ปลูกก็ไม่ยาก ได้ผลเร็วอีกต่างหาก ปลูกไผ่เพียงไม่กี่ปีก็สามารถขายหน่อไผ่ได้แล้ว

ที่เธอตัดสินใจทำสวนไผ่ก็เพราะเป็นพืชที่ตลาดต้องการ มีศัตรูพืชน้อย การดูแลรักษาไม่ยุ่งยาก เทคโนโลยีที่ใช้ในการปลูกและการเก็บผลผลิตไม่ซับซ้อน อีกทั้งยังได้ช่วยเพิ่มจำนวนไม้ไผ่ที่ป่าถูกทำลายไปได้ด้วย

ที่สำคัญอย่างมากก็คือ ไผ่เป็นพืชที่ใช้ประโยชน์ได้สารพัด อีกทั้งมีคู่แข่งน้อยด้วย

เธอบอกอีกว่า การปลูกยางพาราจะต้องลุ้นราคาว่าราคาจะขึ้นจะลด แต่สำหรับหน่อไม้และไม้ไผ่ มีแต่ราคาสูงขึ้นทุกวัน และหน่อไม้เป็นอาหารที่ทำอาหารได้อร่อย ไม่ว่าจะเป็นคนไทย คนจีนชอบรับประทานทั้งนั้น

บังเอิญว่า วันนั้นมีนักท่องเที่ยวอยู่จำนวนหนึ่งมีความสนใจอยากจะทำสวนไผ่บ้าง จึงได้ถามถึงรายละเอียดในการปลูก

คุณขวัญใจจึงต้องแนะนำและอธิบายค่อนข้างละเอียด โดยผมพอจะจับใจความได้ดังนี้

ให้เลือกกิ่งพันธุ์ไผ่ที่มีอายุผ่านการตอนมาแล้ว 15 วัน แล้วปลูกลงในหลุมลึก 30 เซนติเมตร ควรปลูกห่างกันทุกระยะ 4 เมตร เนื้อที่ 1 ไร่ ปลูกได้ประมาณ 100 ต้น

ทุกหลุมควรใส่มูลวัว มูลควายที่ก้นหลุม ปลูกเอียงสัก 60 องศา แล้วปักไม้ใช้เชือกมัดกับกิ่งพันธุ์เพื่อป้องกันต้นโยก จากนั้นรดน้ำให้ชุ่มเป็นเสร็จพิธี ประมาณ 7 เดือน ก็จะได้หน่อประมาณ 5-6 หน่อ ถึงตรงนี้สามารถตัดหน่อจำหน่ายได้แล้ว ถือว่าเป็นพืชที่น่าลงทุนปลูกเป็นอย่างยิ่ง

ทีนี้มาถึงเรื่องส่วนตัวของเจ้าของสวนคือ คุณขวัญใจ กลับสุกใส บ้านและสวนของเธออยู่ที่ 101 หมู่ 8 ตำบลโตนดด้วน อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง

ปัจจุบัน คุณขวัญใจอายุ 60 ปี ลาออกจากราชการในตำแหน่งพัฒนาชุมชนจังหวัดพัทลุง มาตั้งแต่อายุได้ 50 ปี  ที่ลาออกเพราะตั้งเป้าหมายว่าจะมาเป็นเกษตรกรที่ใจรักให้ได้

โดยเริ่มต้นจากการเลี้ยงสัตว์ก่อน เช่น เลี้ยงวัวนม วัวเนื้อ และแม้แต่วัวชนก็เคยเลี้ยงแต่พบกับปัญหา ต้องเลิก

ตอนเลี้ยงแพะทำท่าจะดี แต่เผลอลืมปิดคอกแพะเป็นร้อยออกไปกินพืชผลของชาวบ้าน ต้องขาดทุน จึงเลิกไปอีกอย่าง ดีที่สุดตอนเลี้ยงไก่บนบ่อปลาดุก ได้กำไรดีมากเพราะขายได้ทั้งไข่ไก่ แล้วยังขายปลาดุกโดยไม่ต้องหาอาหารให้ปลากิน

แต่ปรากฏว่าเธอเป็นโรคภูมิแพ้ พออาหารไก่เข้าจมูกทำให้ปวดหัว คัดจมูก ทรมาน จึงต้องเลิกเลี้ยง

จากนั้นได้ทดลองปลูกต้นไผ่ เพียงกอแรกก็ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ จึงตัดสินใจขยายพันธุ์ไปเรื่อยๆ จนเป็นสวนไผ่ในปัจจุบัน

แสดงให้เห็นว่า ตัวเองไม่มีดวงเกี่ยวกับการเลี้ยงสัตว์ แต่พอหันมาปลูกต้นไม้คือ ต้นไผ่ กลับพบกับความสำเร็จ ก็เพราะรายได้จากสวนไผ่ ทำให้เธอสามารถส่งลูกเรียนหนังสือจบปริญญาโทไปแล้ว 1 คน ส่วนอีกคนกำลังเรียนแพทย์

ก่อนกลับจากสวนไผ่ คุณขวัญใจบอกว่า ผู้ใดสนใจอยากจะปลูกไผ่ติดต่อกับเธอโดยตรงได้ที่ (081) 766-8049 เธอยืนยันว่าการทำสวนไผ่ดีแน่ๆ ดีทั้งกับตัวเองและประเทศชาติ