เลี้ยงปลาในกระชัง 8 เดือน ตักขาย ฟันกำไร 5 หมื่นต่อกระชัง

ไปเที่ยวชุมพรครั้งล่าสุด ได้แวะที่อำเภอปะทิว

นับเป็นครั้งแรกที่แวะที่อำเภอแห่งนี้  เพราะปกติจะผ่านไปเที่ยวที่อื่น ขณะนั่งกินอาหารกลางวันอยู่ที่ร้านเบียดแคม ซึ่งตั้งอยู่ริมคลองบางสน อย่างเอร็ดอร่อย

อาหารมื้อที่ว่านี้มีปลากะพงเป็นหลัก  นอกจากแกงเหลืองปลากะพงกับยอดมะพร้าว ก็มีปลากะพงนึ่งมะนาว  แล้วยังมีต้มยำปลากะพงอีก เท่าที่ผมสังเกตเห็นได้ชัดเจนว่า ปลากะพงแต่ละตัวมีขนาดเท่าๆ กัน  จึงทำให้รู้ว่า ต้องเป็นปลากะพงเลี้ยงอย่างแน่นอน  เพราะถ้าจับได้จากทะเล ปลาแต่ละตัวจะมีขนาดไม่เท่ากัน

เจ้าของร้านบอกให้ผมและผู้ร่วมเดินทางว่า

ในคลองบางสนมีคนทำกะชังเลี้ยงปลากะพงกันหลายราย จนตั้งเป็นชมรม

ร้านอาหารทุกร้านใช้ปลากะพงจากผู้เลี้ยงเหล่านี้  สำหรับร้านเบียดแคมจะมีคนเลี้ยงปลาเอาปลามาส่งให้ร้านเป็นประจำ  คนนั้นคือนายนพรัตน์  พรประเสริฐ  เป็นอดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน  แต่ตอนนี้ได้ลาออกมาตั้งหลักทำกระชังเลี้ยงปลาอย่างเดียว

2710-160314045035

วันนั้น หลังจากกินอาหารกลางวันเรียบร้อยแล้ว  ผมขอให้เจ้าของร้านพาไปดูกระชังเลี้ยงปลา ซึ่งไปได้สะดวกเพราะทางร้านมีเรือนำเที่ยวจอดรอลูกค้าตลอดเวลา  พูดง่ายๆ ก็คือ นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวแทบทุกคนอยากไปเห็นการเลี้ยงปลา

หมายถึง หลังอาหารหรือก่อนอาหาร ผู้ใดจะล่องเรือชมวิถีชีวิตคนริมคลองได้เลย  โดยทางร้านคิดค่าบริการเรือพอสมควร

เรือที่พาผมและเพื่อนร่วมเดินทาง  เป็นเรือนำเที่ยวขนาดจุคนได้ประมาณ 30 คน

เราจึงได้นั่งเรือชมวิวทิวทัศน์ข้างทาง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นป่าชายเลน มีทั้งไม้โกงกาง  ต้นจาก และอื่นๆ ที่ผมไม่รู้จัก บางช่วงจะเห็นกระชังเลี้ยงปลาเป็นระยะๆ

ขาไปคนนำเที่ยวสั่งให้เรือแล่นไปเรื่อยๆ เพื่อชมป่าชายเลนและวิถีชีวิตชาวบ้านริมคลองจนเกือบออกปากน้ำ แล้วเลี้ยวกลับมาที่กระชังเลี้ยงปลาของนายนพรัตน์ อดีตผู้ใหญ่บ้าน ดังที่ได้เอ่ยถึงแล้วข้างต้น

2710-160314045001

ขณะไปถึง นายนพรัตน์กำลังยืนรอคณะของเรา เพราะเจ้าของร้านอาหารได้โทรศัพท์แจ้งไว้ล่วงหน้าว่าจะมีนักท่องเที่ยวมาแวะดูกระชัง

ปกติคนเลี้ยงจะให้อาหารปลาตอนเช้า  เมื่อเราไปช่วงบ่ายจึงไม่ได้เห็นตัวปลา เห็นแต่กระชังเฉยๆ

พวกเราคนหนึ่งขอร้องให้คนเลี้ยงเอาอาหารปลามาโปรยให้ปลากิน

คนเลี้ยงไม่ขัดข้อง  ใช้ขันตักอาหารปลาเป็นเม็ดๆ สาดลงไปในกระชังลูกหนึ่ง (เพิ่งรู้ว่าลักษณะนามของกระชังเรียกเป็นลูก)

ปลาที่อยู่ในกระชังตัวใหญ่พอสมควรรีบผุดขึ้นมาแย่งอาหารกินกันพัลวัน  เพราะกระชังลูกหนึ่งปล่อยปลาไว้ถึง 1,500 ตัว  ทั้งๆ ที่กระชังแต่ละลูกมีความกว้างแค่ 3 เมตร  ยาว  6 เมตร ลึก 2 เมตรครึ่ง

นายนพรัตน์บอกเราว่ามีกระชังเลี้ยงปลาของตัวเองอยู่ทั้งหมด 14 ลูก  ไม่มีลูกจ้าง  แปลว่าเลี้ยงปลาคนเดียว เพราะพอปล่อยปลาลงกระชังแล้ว  แทบไม่ต้องทำอะไรเลย ทำแต่การให้อาหารปลาอย่างเดียว  มีภรรยามาช่วยบ้างเป็นบางวัน

2710-160314045042

เมื่อผมอยากรู้ขั้นตอนการเลี้ยง คนเลี้ยงปลา ลำดับให้ฟังคร่าวๆ ดังนี้

จะมีคนเอาลูกปลากะพงมาส่งถึงที่  เป็นลูกปลามาจากจังหวัดฉะเชิงเทรา

ราคาขายลูกปลาแล้วแต่ขนาด  ส่วนใหญ่เขาจะซื้อลูกปลาขนาด 3 นิ้ว  ราคาตัวละ 6 บาท

กระชังลูกหนึ่งใส่ปลา 1,500 ตัว ก็เท่ากับต้องใช้เงินเฉพาะซื้อลูกปลา 9,000 บาท

ใช้เวลาเลี้ยงโดยเฉลี่ยประมาณ 8 เดือน จะได้ปลามีน้ำหนักตัวละ 7 ขีด

ขายได้กิโลกรัมละประมาณ 150 บาท

กระชัง 1 ลูก ก็จะได้เงินค่าขายปลา 150,000 บาท

ที่ว่านี้  หมายถึงปลารอดทุกตัว  แต่โดยความเป็นจริงแล้ว  เลี้ยงเก่งอย่างไร ก็ต้องมีตายบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา

แต่ปัญหาใหญ่ก็คือ ต้องซื้ออาหารเม็ดเลี้ยงปลา

ค่าอาหารค่อนข้างแพง  จะให้ปลากินน้อยๆ แค่ประทังชีวิตปลาก็ไม่ได้ เพราะปลาจะโตช้า  หรือให้มากเกินไป  นอกจากทำให้สิ้นเปลืองแล้ว ยังทำให้ปลาตายได้ จึงต้องให้อาหารพอดีๆ

คำว่าพอดีๆ  นั้นอธิบายยากเพราะต้องดูขนาดของปลาแต่ละวัยด้วย  จึงต้องมีประสบการณ์เป็นพิเศษ

อีกอย่างหนึ่งที่จำเป็น  ทั้งนี้ก็เพื่อให้ให้ปลาโตเร็ว  จะต้องให้อาหารเสริมเป็นเนื้อปลาหลังเขียว หรือปลาเป็ดเอามาบดโยนให้ปลากะพงกินก็ได้

การเลี้ยงปลาต้องลงทุนสูงตั้งแต่ซื้อลูกปลาและซื้ออาหารให้ปลากิน กว่าจะจับมาขายได้ ต้องรอนาน  เพื่อให้มีรายได้ประจำ  เขาจึงต้องเลี้ยงหลายๆ กระชัง จะได้จับปลาขายหมุนเวียนให้ได้ทุกเดือน แต่ละกระชังจะได้กำไรประมาณ 4 ถึง 5 หมื่นบาท  ก็พออยู่ได้

สำหรับวิธีขายปลาของเขา  ทำอยู่ 2 วิธี คือ

วิธีแรก  จับปลาส่งร้านอาหารเอง  ก็ได้ราคาดีขึ้นมาหน่อย  แต่ส่วนใหญ่จะมีพ่อค้าปลามาซื้อถึงที่  โดยเขาไม่ต้องทำอะไรเลย   พ่อค้าจะลงไปจับปลาในกระชังเอง

จากนั้นนำขึ้นมาชั่งน้ำหนัก  เขามีหน้าที่รับเงินอย่างเดียว พ่อค้าปลาบางรายรับซื้อเฉพาะปลาเป็น  โดยผู้ซื้อใช้น้ำยามาน็อคปลาให้สลบ  แล้วบรรทุกไปขายเป็นปลาเป็น

นายนพรัตน์เจ้าของกระชังปลายืนยันกับเราว่า  คงจะต้องยึดอาชีพนี้ต่อไป ตอนนี้กำลังทดลองเลี้ยงปลาทับทิมเพิ่มขึ้นมาอีกอย่าง

การเลี้ยงปลาทับทิม ถ้าจับทางได้น่าจะได้กำไรดีกว่า  เพราะปลาทับทิมกินพืช  อาจใช้พืชผักบางอย่าง หรือนำเศษผักจากตลาดสดเลี้ยงแทนอาหารเม็ดซึ่งมีราคาแพงขึ้นเรื่อยๆได้

อย่างไรก็ตาม  เขาบอกกับเราตรงๆ ว่า ตอนนี้  ถ้าจะให้กลับไปเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน  จะไม่ไปเด็ดขาด  ขอเลี้ยงปลาขายดีกว่า