ผู้เขียน | ไมตรี ลิมปิชาติ |
---|---|
เผยแพร่ |
ไปเที่ยวชุมพรครั้งล่าสุด ได้แวะที่อำเภอปะทิว
นับเป็นครั้งแรกที่แวะที่อำเภอแห่งนี้ เพราะปกติจะผ่านไปเที่ยวที่อื่น ขณะนั่งกินอาหารกลางวันอยู่ที่ร้านเบียดแคม ซึ่งตั้งอยู่ริมคลองบางสน อย่างเอร็ดอร่อย
อาหารมื้อที่ว่านี้มีปลากะพงเป็นหลัก นอกจากแกงเหลืองปลากะพงกับยอดมะพร้าว ก็มีปลากะพงนึ่งมะนาว แล้วยังมีต้มยำปลากะพงอีก เท่าที่ผมสังเกตเห็นได้ชัดเจนว่า ปลากะพงแต่ละตัวมีขนาดเท่าๆ กัน จึงทำให้รู้ว่า ต้องเป็นปลากะพงเลี้ยงอย่างแน่นอน เพราะถ้าจับได้จากทะเล ปลาแต่ละตัวจะมีขนาดไม่เท่ากัน
เจ้าของร้านบอกให้ผมและผู้ร่วมเดินทางว่า
ในคลองบางสนมีคนทำกะชังเลี้ยงปลากะพงกันหลายราย จนตั้งเป็นชมรม
ร้านอาหารทุกร้านใช้ปลากะพงจากผู้เลี้ยงเหล่านี้ สำหรับร้านเบียดแคมจะมีคนเลี้ยงปลาเอาปลามาส่งให้ร้านเป็นประจำ คนนั้นคือนายนพรัตน์ พรประเสริฐ เป็นอดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน แต่ตอนนี้ได้ลาออกมาตั้งหลักทำกระชังเลี้ยงปลาอย่างเดียว
วันนั้น หลังจากกินอาหารกลางวันเรียบร้อยแล้ว ผมขอให้เจ้าของร้านพาไปดูกระชังเลี้ยงปลา ซึ่งไปได้สะดวกเพราะทางร้านมีเรือนำเที่ยวจอดรอลูกค้าตลอดเวลา พูดง่ายๆ ก็คือ นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวแทบทุกคนอยากไปเห็นการเลี้ยงปลา
หมายถึง หลังอาหารหรือก่อนอาหาร ผู้ใดจะล่องเรือชมวิถีชีวิตคนริมคลองได้เลย โดยทางร้านคิดค่าบริการเรือพอสมควร
เรือที่พาผมและเพื่อนร่วมเดินทาง เป็นเรือนำเที่ยวขนาดจุคนได้ประมาณ 30 คน
เราจึงได้นั่งเรือชมวิวทิวทัศน์ข้างทาง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นป่าชายเลน มีทั้งไม้โกงกาง ต้นจาก และอื่นๆ ที่ผมไม่รู้จัก บางช่วงจะเห็นกระชังเลี้ยงปลาเป็นระยะๆ
ขาไปคนนำเที่ยวสั่งให้เรือแล่นไปเรื่อยๆ เพื่อชมป่าชายเลนและวิถีชีวิตชาวบ้านริมคลองจนเกือบออกปากน้ำ แล้วเลี้ยวกลับมาที่กระชังเลี้ยงปลาของนายนพรัตน์ อดีตผู้ใหญ่บ้าน ดังที่ได้เอ่ยถึงแล้วข้างต้น
ขณะไปถึง นายนพรัตน์กำลังยืนรอคณะของเรา เพราะเจ้าของร้านอาหารได้โทรศัพท์แจ้งไว้ล่วงหน้าว่าจะมีนักท่องเที่ยวมาแวะดูกระชัง
ปกติคนเลี้ยงจะให้อาหารปลาตอนเช้า เมื่อเราไปช่วงบ่ายจึงไม่ได้เห็นตัวปลา เห็นแต่กระชังเฉยๆ
พวกเราคนหนึ่งขอร้องให้คนเลี้ยงเอาอาหารปลามาโปรยให้ปลากิน
คนเลี้ยงไม่ขัดข้อง ใช้ขันตักอาหารปลาเป็นเม็ดๆ สาดลงไปในกระชังลูกหนึ่ง (เพิ่งรู้ว่าลักษณะนามของกระชังเรียกเป็นลูก)
ปลาที่อยู่ในกระชังตัวใหญ่พอสมควรรีบผุดขึ้นมาแย่งอาหารกินกันพัลวัน เพราะกระชังลูกหนึ่งปล่อยปลาไว้ถึง 1,500 ตัว ทั้งๆ ที่กระชังแต่ละลูกมีความกว้างแค่ 3 เมตร ยาว 6 เมตร ลึก 2 เมตรครึ่ง
นายนพรัตน์บอกเราว่ามีกระชังเลี้ยงปลาของตัวเองอยู่ทั้งหมด 14 ลูก ไม่มีลูกจ้าง แปลว่าเลี้ยงปลาคนเดียว เพราะพอปล่อยปลาลงกระชังแล้ว แทบไม่ต้องทำอะไรเลย ทำแต่การให้อาหารปลาอย่างเดียว มีภรรยามาช่วยบ้างเป็นบางวัน
เมื่อผมอยากรู้ขั้นตอนการเลี้ยง คนเลี้ยงปลา ลำดับให้ฟังคร่าวๆ ดังนี้
จะมีคนเอาลูกปลากะพงมาส่งถึงที่ เป็นลูกปลามาจากจังหวัดฉะเชิงเทรา
ราคาขายลูกปลาแล้วแต่ขนาด ส่วนใหญ่เขาจะซื้อลูกปลาขนาด 3 นิ้ว ราคาตัวละ 6 บาท
กระชังลูกหนึ่งใส่ปลา 1,500 ตัว ก็เท่ากับต้องใช้เงินเฉพาะซื้อลูกปลา 9,000 บาท
ใช้เวลาเลี้ยงโดยเฉลี่ยประมาณ 8 เดือน จะได้ปลามีน้ำหนักตัวละ 7 ขีด
ขายได้กิโลกรัมละประมาณ 150 บาท
กระชัง 1 ลูก ก็จะได้เงินค่าขายปลา 150,000 บาท
ที่ว่านี้ หมายถึงปลารอดทุกตัว แต่โดยความเป็นจริงแล้ว เลี้ยงเก่งอย่างไร ก็ต้องมีตายบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา
แต่ปัญหาใหญ่ก็คือ ต้องซื้ออาหารเม็ดเลี้ยงปลา
ค่าอาหารค่อนข้างแพง จะให้ปลากินน้อยๆ แค่ประทังชีวิตปลาก็ไม่ได้ เพราะปลาจะโตช้า หรือให้มากเกินไป นอกจากทำให้สิ้นเปลืองแล้ว ยังทำให้ปลาตายได้ จึงต้องให้อาหารพอดีๆ
คำว่าพอดีๆ นั้นอธิบายยากเพราะต้องดูขนาดของปลาแต่ละวัยด้วย จึงต้องมีประสบการณ์เป็นพิเศษ
อีกอย่างหนึ่งที่จำเป็น ทั้งนี้ก็เพื่อให้ให้ปลาโตเร็ว จะต้องให้อาหารเสริมเป็นเนื้อปลาหลังเขียว หรือปลาเป็ดเอามาบดโยนให้ปลากะพงกินก็ได้
การเลี้ยงปลาต้องลงทุนสูงตั้งแต่ซื้อลูกปลาและซื้ออาหารให้ปลากิน กว่าจะจับมาขายได้ ต้องรอนาน เพื่อให้มีรายได้ประจำ เขาจึงต้องเลี้ยงหลายๆ กระชัง จะได้จับปลาขายหมุนเวียนให้ได้ทุกเดือน แต่ละกระชังจะได้กำไรประมาณ 4 ถึง 5 หมื่นบาท ก็พออยู่ได้
สำหรับวิธีขายปลาของเขา ทำอยู่ 2 วิธี คือ
วิธีแรก จับปลาส่งร้านอาหารเอง ก็ได้ราคาดีขึ้นมาหน่อย แต่ส่วนใหญ่จะมีพ่อค้าปลามาซื้อถึงที่ โดยเขาไม่ต้องทำอะไรเลย พ่อค้าจะลงไปจับปลาในกระชังเอง
จากนั้นนำขึ้นมาชั่งน้ำหนัก เขามีหน้าที่รับเงินอย่างเดียว พ่อค้าปลาบางรายรับซื้อเฉพาะปลาเป็น โดยผู้ซื้อใช้น้ำยามาน็อคปลาให้สลบ แล้วบรรทุกไปขายเป็นปลาเป็น
นายนพรัตน์เจ้าของกระชังปลายืนยันกับเราว่า คงจะต้องยึดอาชีพนี้ต่อไป ตอนนี้กำลังทดลองเลี้ยงปลาทับทิมเพิ่มขึ้นมาอีกอย่าง
การเลี้ยงปลาทับทิม ถ้าจับทางได้น่าจะได้กำไรดีกว่า เพราะปลาทับทิมกินพืช อาจใช้พืชผักบางอย่าง หรือนำเศษผักจากตลาดสดเลี้ยงแทนอาหารเม็ดซึ่งมีราคาแพงขึ้นเรื่อยๆได้
อย่างไรก็ตาม เขาบอกกับเราตรงๆ ว่า ตอนนี้ ถ้าจะให้กลับไปเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน จะไม่ไปเด็ดขาด ขอเลี้ยงปลาขายดีกว่า