ผู้เขียน | ไมตรี ลิมปิชาติ |
---|---|
เผยแพร่ |
ตั้งแต่เริ่มหน้าฝนมาแล้ว ผมมีโอกาสได้เข้าไปชมป่าปลูกแห่งหนึ่งในเขตอำเภอประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี
ที่ใช้คำว่าป่าปลูก ก็เพราะเดิมป่าถูกทำลายจนกลายเป็นทุ่งหญ้าคาที่มีเนื้อที่หลายพันไร่
ต่อมากรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ทำการปลูกต้นไม้หลายชนิดลงไปในทุ่งหญ้าคา ใช้เวลาเพียง 20 กว่าปี ทุ่งหญ้าคาก็ได้กลายเป็นป่าได้สำเร็จ
ขณะเดินทางด้วยรถโฟร์วีลบุกเข้าไปในป่าที่ว่า ถ้าเจ้าหน้าที่ไม่บอก จะไม่มีทางรู้เลยว่าเป็นป่าที่ปลูกขึ้นมา เพราะมีต้นไม้หลากชนิดเบียดเสียดเจริญงอกงามอย่างไม่เป็นระเบียบ เหมือนป่าธรรมชาติทั่วไป
จากถนนใหญ่ เรานั่งรถเข้าไปถึงน้ำตกเหวอีอ่ำ เป็นน้ำตกที่มีชื่อไม่ไพเราะหู แต่มีความสวยงามไม่แพ้น้ำตกที่มีชื่อเสียงแห่งอื่นๆ ของประเทศไทย
เหตุที่น้ำตกแห่งนี้ยังไม่เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวก็เพราะการเดินทางเข้าไปค่อนข้างลำบากมาก และต้องใช้เวลาร่วม 2 ชั่วโมง
เราได้ไปพักเพื่อกินอาหารกลางวันกันที่น้ำตก ทำให้ได้บรรยากาศในการพักได้ดีเหลือเกิน เพราะขณะกินอาหารสายตายังได้มองน้ำที่ไหลตกจากหน้าผาลงไปเบื้องล่างที่มีแอ่งและธารน้ำรองรับอยู่
เมื่อเข้ามาถึงบริเวณที่ว่านี้ ไม่ได้มีแต่พวกเราเท่านั้น มีคนอื่นๆ อีกหลายคนด้วย เพียงแต่คนเหล่านี้ไม่ได้เป็นนักท่องเที่ยว แต่เป็นคนที่มาหาของป่าขาย
เนื่องจากเป็นช่วงหน้าฝน ในป่ามีหลายสิ่งหลายอย่างให้เก็บและขุดไปขายได้ แต่ทุกคนเท่าที่ผมเข้าไปพูดคุยด้วยบอกกับผมว่า “ระยะนี้เก็บแต่เห็ดอย่างเดียว เพราะได้เงินดีกว่า น้ำหนักก็เบาด้วย”
ที่พวกเขาต้องคำนึงถึงน้ำหนัก ก็เพราะทุกคนขับรถมอเตอร์ไซค์เข้ามาเก็บของป่า เมื่อเห็ดมีน้ำหนักเบาก็สะดวกในการนำกลับออกไปขาย
คนหาเห็ดทุกคนเป็นผู้หญิง ผมเลือกสัมภาษณ์คนที่มีหน้าตาสวยที่สุด เธอบอกผมว่าชื่อ มะลิวัล บุกก้า อายุ 31 ปี เอาผัวแล้ว คือมีสามีแล้ว พักอยู่ที่หมู่บ้านประเถท อำเภอประจันตคาม ไม่ไกลจากป่าแห่งนี้มากนัก
อาชีพโดยปกติของเธอนั้น ทำไม้กวาดขาย แต่พอเข้าหน้าฝนก็จะเปลี่ยนมาเก็บเห็ดขายแทน หน้าฝนหรือหน้าเก็บเห็ดของเธออยู่ระหว่างเดือนสิงหาคมถึงเดือนพฤศจิกายน ที่จริงเธออยากเก็บเห็ดทั้งปี แต่ไม่มีให้เก็บ เพราะเห็ดจะโผล่ขึ้นมาให้เก็บเฉพาะในหน้าฝนเท่านั้น
เหตุที่อยากเก็บเห็ดก็เพราะเป็นงานเบา เพียงเดินเข้าป่า คอยแหวกกอหญ้าหรือดูตามโคนต้นไม้ก็จะพบเห็ดให้เก็บ ประสบการณ์ทำให้เธอรู้ว่าเห็ดจะขึ้นตรงไหนบ้าง เพราะเห็ดทุกชนิด เมื่อปีที่แล้วขึ้นอยู่ที่ไหน ปีนี้ก็จะขึ้นซ้ำที่เดิมเสมอ
สำหรับเธอซึ่งเก็บเห็ดขายมาแล้วหลายปี สามารถรู้ว่าเห็ดชนิดใดกินได้ และชนิดใดกินไม่ได้ เห็ดที่กินได้และขายได้ราคาดีคือ เห็ดโคน เห็ดระโงก และเห็ดน้ำผึ้ง เธอบอกพร้อมกับเอามือชี้เห็ดที่เก็บได้ให้ผมได้รู้จัก เห็ดที่เก็บได้ ถ้าเป็นดอกตูมจะเอาไว้ขาย แต่ถ้าบานเต็มที่แล้วเธอจะเอาไว้กินเอง
เมื่อผมถามว่าเห็ดเหล่านี้กินอร่อยไหม ที่ถามเพราะไม่เคยกิน เธอรีบยืนยันว่าอร่อย ก็เพราะเป็นเห็ดป่าที่อร่อย อีกทั้งมีขายเพียงปีละครั้งเท่านั้น จึงทำให้มีคนที่ชอบกินเห็ดต้องการ
ราคาขายเห็ดทุกชนิดโดยเฉลี่ยกิโลกรัมละ 100 บาท เธอบอกว่าจะต้องออกมาเก็บเห็ดตั้งแต่เช้ามืด เพราะเห็ดจะเริ่มโผล่ขึ้นมาให้เห็นตอนตะวันขึ้น
เธอจะกลับบ้านก็เลยเที่ยงไปแล้ว แต่ไม่แน่ ถ้าวันใดมีเห็ดมาก เก็บเพลิน ก็จะหาเก็บไปเรื่อยๆ โดยเฉลี่ยเก็บเห็ดได้วันละ 4 กิโลกรัม แต่บางวันก็โชคดีเคยเก็บเห็ดได้ถึง 10 กิโลกรัม
การเก็บเห็ดเหมือนอาชีพอื่นๆ ขึ้นอยู่กับโชคช่วยด้วย
ตอนเก็บเห็ดครั้งแรกๆ เธอกับเพื่อนร่วมทีมเก็บเห็ด ส่วนมากจะซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์มาด้วยกัน จะเอาเห็ดที่เก็บได้ไปตั้งโต๊ะขายริมถนน เพื่อขายให้กับคนที่ขับรถผ่านไปผ่านมา
ทว่าในปัจจุบันมีพ่อค้ามารับซื้อถึงบ้าน โดยติดต่อซื้อขายกันทางไลน์หรือโทรศัพท์มือถือ ถึงตอนนี้ผมอยากให้เธอพาเข้าป่าเพื่อหาเห็ดให้ผมได้เห็นชัดๆ เธอก็ได้เดินนำหน้าพาผมเข้าป่าเก็บเห็ดตามที่ผมต้องการ
เดินหาเห็ดอยู่หลายนาทีแต่ก็ไม่พบเห็ด จึงต้องเปลี่ยนใจออกมาให้เธอทำท่าหาเห็ด เพื่อให้ผมได้ถ่ายรูปไว้เป็นภาพประกอบการเขียน
เธอบอกว่าตั้งแต่มีอาชีพเก็บเห็ด เธอได้พบสัตว์ป่าหลายชนิด มีทั้งสัตว์ใหญ่ สัตว์เล็ก และงู แต่ไม่เป็นอันตราย เพราะสัตว์พวกนี้พอได้ยินเสียงคนมันก็พากันหนีไปเสียก่อน
ถึงแม้ออกมาเก็บเห็ดตอนมืดเธอก็ไม่กลัว เพราะทราบจากเจ้าหน้าที่ป่าไม้ว่าป่าแห่งนี้ไม่มีเสือ
เมื่อผมถามว่ามาหาเห็ดอย่างนี้มีปัญหากับอุทยานหรือไม่ เพราะเป็นป่าอยู่ในเขตอุทยาน เธอตอบว่ายังไม่เคยมีปัญหา ทั้งนี้ เธอเข้าใจเอาเองว่าเธอเพียงเข้ามาเก็บเห็ด ไม่ได้มาตัดต้นไม้หรือฆ่าสัตว์ ทางอุทยานจึงอนุโลมให้เข้ามาเก็บเห็ดได้
คงจะเป็นจริงตามที่เธอพูด เพราะเจ้าหน้าที่ของอุทยานคนหนึ่งบอกผมว่า
“การปลูกป่า นอกจากให้มีป่าเพิ่มขึ้นแล้ว ยังเป็นการช่วยเหลือชาวบ้านให้เข้ามาหาเห็ดได้ด้วย เพราะป่ายิ่งสมบูรณ์เท่าไร ยิ่งมีเห็ด”