“แกงมัสมั่นกระป๋อง” สูตรชาววัง การันตีรสชาติด้วยฝีมือเชฟสายประกวด

 

หลายปีก่อน อาหารของไทยที่โด่งดังไปทั่วโลกก็คือ ต้มยำกุ้ง

คนต่างชาติที่มาเมืองไทยจะต้องพากันลิ้มรส ต้มยำกุ้ง ให้ได้ ทั้งๆ ที่เมืองนอกก็มีขาย

นอกจากนี้ ที่คนต่างชาตินิยมกินอาหารไทยก็มีผัดไทย ผัดกะเพราไก่ไข่ดาว

ทว่าในปัจจุบันอาหารที่ขึ้นนำแซงโค้งอาหารชนิดอื่นก็คือ แกงมัสมั่น

แกงมัสมั่นมีดีหลายอย่าง นอกจากถูกลิ้นคนที่ไม่ชอบเผ็ดแล้ว ยังกินกับข้าวสวยหรือขนมปังก็ได้

การกินแกงมัสมั่นให้อร่อยมีเคล็ดลับอยู่ว่า ต้องกินกับข้าวสวยร้อนๆ มัสมั่นก็ต้องร้อน น้ำแกงจะได้ไม่จับเป็นก้อน

มัสมั่นโดยทั่วไปจะมีทั้งมัสมั่นไก่ เนื้อวัว และหมู นิยมหั่นเนื้อทุกชนิดเป็นชิ้นใหญ่ๆ

ที่มาของแกงมัสมั่นจริงๆ มาจากฝรั่งเศสและมาเลเซีย แต่คนไทยมาคิดดัดแปลงจนกระทั่งกลายเป็นมัสมั่นแบบไทยๆ ที่ทั่วโลกกินแล้วติดใจ

ไม่น่าเชื่อว่า สำหรับเมืองไทย แกงมัสมั่นไปดังที่จังหวัดน่าน ปัจจุบันเป็นที่รู้กันว่า ถ้าใครไปเที่ยวเมืองน่าน ก็จะถือโอกาสไปกินแกงมัสมั่นที่ ร้านปุ้ม 3 ตั้งอยู่กลางเมือง เยื้องธนาคารกรุงศรีอยุธยา

เมื่อหลายปีก่อน ถ้าใครจะซื้อแกงมัสมั่นจากร้านนี้กลับบ้าน ทางร้านก็จะบรรจุใส่หีบห่อแบบร้านอาหารทั่วไป ทว่าปัจจุบัน ผู้ซื้อสะดวกมากเพราะบรรจุอยู่ในกระป๋อง ซื้อกลับบ้านสามารถเปิดกินได้เลย แต่ถ้าต้องการเพิ่มรสชาติก็ให้อุ่นให้ร้อนเป็นใช้ได้

มัสมั่นบรรจุกระป๋องอยู่ได้นานเป็นปี จึงสามารถส่งไปขายได้ทั่วโลก


คุณอุทัย ตันตระกูล หรือที่คนทั่วไปรู้จักในนาม เชฟอุทัย เป็นเจ้าของกิจการมัสมั่นกระป๋อง บอกที่ไปที่มาให้ผมรู้ว่า

ปกติที่ร้านปุ้ม 3 ขายอาหารทั่วไป มีอาหารไทย จีน ข้าวต้มรอบดึก และห้องจัดเลี้ยง แต่คนที่มากินอาหารพากันติดใจในรสชาติของมัสมั่นมากกว่าอย่างอื่น

เชฟอุทัยได้สูตรการทำแกงมัสมั่นมาจาก คุณดรุณี สิงหะเนติ ผู้เป็นภรรยา ซึ่งเป็นผู้สืบตระกูลทำอาหารระดับชาววัง ตั้งแต่รุ่นคุณทวด คุณหญิงแม้นศรี ศรีธรรมราช อาจารย์สอนอาหารไทยโรงเรียนการเรือน (ปัจจุบันคือ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต)

การนำมัสมั่นมาบรรจุกระป๋อง ถ้าเป็นอาหารบรรจุกระป๋องทั่วไปจะใช้เครื่องจักรผสมอาหาร แต่มัสมั่นของเชฟอุทัย ปรุงมัสมั่นด้วยมือ จนได้รสชาติที่พอใจ ทำสดๆ ก่อนนำบรรจุกระป๋อง

การบรรจุกระป๋องไปทำกันที่โรงงานในเขตจังหวัดสมุทรสาคร เป็นโรงงานใหญ่ที่ลงทุนเป็นร้อยๆ ล้าน เพื่อเป็นอาหารกระป๋องอย่างได้มาตรฐานโลก มัสมั่นเชฟอุทัยมีเฉพาะเนื้อไก่ เพื่อสะดวกในการจำหน่าย เพราะจะต้องขออนุญาตเป็นอาหารฮาลาลขายให้คนที่นับถือศาสนาอิสลามด้วย

เนื้อไก่ที่บรรจุอยู่ในกระป๋องเป็นเนื้อสะโพก ซึ่งเป็นส่วนที่เหมาะสำหรับทำมัสมั่นมากที่สุด ขนาดบรรจุ 190 กรัม ต่อกระป๋อง


อยู่มาวันหนึ่ง มีผู้บริหารเลมอนฟาร์มซึ่งเป็นลูกค้าประจำร้านอาหารอยู่แล้ว ได้มาขอแกงมัสมั่นภายใต้แบรนด์เชฟอุทัยจำหน่าย

จากขายที่เดียว ตอนหลังได้มีจำหน่ายที่เลมอนฟาร์มทุกสาขา นอกจากนี้ ก็ยังมีขายที่ ริมปิงซุปเปอร์มาร์เก็ต OTOP ริสา, สินีสปา และ OTOP ต้นน้ำ

สิ่งที่เลมอนฟาร์มให้ความสนใจ นอกจากรสอร่อยของมัสมั่นแล้วก็คือ เป็นมัสมั่นที่สะดวกในการนำมากิน เพียงเปิดกระป๋องก็กินได้แล้ว อีกทั้งยังไม่มีกลิ่นของกระป๋องด้วย ถือเป็นอาหารกระป๋องที่ได้มาตรฐานระดับนานาชาติ ที่สำคัญ สะอาดและปลอดภัยอีกต่างหาก

เชฟอุทัย เล่าต่อว่า มีครั้งหนึ่ง คุณหรีด-รพีพรรณ เหลืองอร่ามรัตน์ ได้มาชิมอาหารที่ร้านหลายชนิด แต่ที่ติดใจที่สุดคือแกงมัสมั่นไก่ ขนาดกินเนื้อไก่หมดแล้ว ก็ยังเอาน้ำแกงกลับกรุงเทพฯ อีก พร้อมเชิญชวนให้เชฟอุทัยเข้าประกวดโครงการเชฟไทยสู่ครัวโลก ตามโครงการของกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์

มีผู้สมัครแข่งขันถึง 800 คนจากทั่วประเทศ

เชฟอุทัยสมัครแข่งขันอาหารประเภทคาว เมนูที่ทำเข้าแข่งขันหนีไม่พ้นแกงมัสมั่นไก่ โดยใช้วิธีปรับปรุงเอาผลไม้ไทยใส่ลงไปเพื่อแก้เลี่ยนด้วย จนสามารถชนะใจกรรมการ ตัดสินให้ได้ชนะเลิศ

หลังจากนั้น เชฟอุทัยก็ได้รับเชิญออกรายการทีวี เช่น รายการ ผู้หญิงถึงผู้หญิง และอาหารแห่งเอเชีย

ในปีเดียวกัน เชฟอุทัยได้เดินทางไปนครลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา เพื่อไปเผยแพร่การทำอาหารไทย โดยเฉพาะแกงมัสมั่น ที่โรงแรมโฟร์ซีซั่น แอท เบเวอร์ลีฮิลส์

กลับจากอเมริกาเชฟอุทัยก็ได้ไปต่อที่สิงคโปร์ เข้าร่วมงานเทศกาลอาหารนานาชาติ เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เจ้าภาพได้เชิญนักเขียนจากทั่วโลกมาร่วมงานด้วย

เหล่านักเขียนได้โหวตให้อาหารไทย โดยเฉพาะมัสมั่นเป็นอาหารที่อร่อยที่สุดในโลก นับเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง


เชฟอุทัยเคยได้ทำอาหารทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (พระอิสริยยศในขณะนั้น) ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จังหวัดน่าน และได้ไปทำอาหารเลี้ยงคณะรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาลด้วย

ด้วยผลงานดังกล่าวของเชฟอุทัย ทำให้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา วิทยาเขตน่าน ได้เล็งเห็นว่าเป็นบุคคลที่สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดและระดับนานาชาติ จึงได้มอบปริญญามหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร

นับว่าเชฟอุทัยได้พบกับความสำเร็จในวิชาชีพทำอาหารที่ตนเองรักเป็นอย่างดี

ผู้อ่านและไม่ได้อ่านท่านใดอยากไปกินอาหารที่ร้านปุ้ม 3 หรือต้องการรับแกงมัสมั่นกระป๋องไปจำหน่าย ติดต่อกับเชฟอุทัยได้ที่ โทรศัพท์ (088) 824-8585