ทำไมต้องเป็น “ข้าวแกงยายปวด” อาหารใต้หรอยจังหู้ เมนูเด็ดแกงเหลืองปลากะพง

แค่ชื่อร้านก็น่าสนใจแล้ว ทำไมต้องเป็น “ข้าวแกงยายปวด” อาหารใต้หรอยจังหู้ เมนูเด็ดแกงเหลืองปลากะพงกับยอดมะพร้าว ผัดเผ็ดปลาดุกทะเล แกงป่ากระดูกอ่อนลูกกล้วย

ผมเป็นคนเมืองคอน (นครศรีธรรมราช)

เคยพูดคุยกับใครต่อใครว่า “แกงใต้ที่อร่อยสุด ต้องข้าวแกงเมืองคอน”

ไม่ว่าจะเป็นแกงเหลือง แกงไตปลา หรือคั่วกลิ้ง อร่อยทั้งนั้น ถ้าพูดสำนวนใต้ก็ได้ว่า หรอยจังหู้ อะไรประมาณนั้น

คงเป็นเพราะอาหารปักษ์ใต้ของเมืองคอนอร่อยจึงทำให้คนขายอาหารใต้ทั่วประเทศชอบขึ้นป้ายว่า “ข้าวแกงเมืองคอน”

ทว่าเมื่อไม่นานมานี้ผมไปเที่ยวที่ชุมพร มีคนพาไปกินอาหารใต้ที่นั่น ถึงผมไม่อยากกินก็ต้องกินเพราะคนชวนให้ไปกินเขาเป็นเจ้ามือ

ที่ผมไม่อยากกินอาหารใต้ที่ชุมพรก็เพราะเชื่อว่ายังไงๆ ก็คงไม่อร่อย แต่พอได้ไปกินขึ้นมาจริงๆ ผิดคาด เพราะอร่อยอย่างคาดไม่ถึง

ร้านอาหารใต้เจ้านี้ แม้แต่ชื่อก็น่าสนใจแล้ว มีชื่อว่า ข้าวแกงยายปวด ผมมารู้ตอนหลังว่าสมัยเด็กแกเจ็บป่วยบ่อย พ่อแแม่จึงตั้งชื่อเล่นให้ว่าปวด (ที่จริงน่าตั้งชื่อว่าป่วยจะตรงกว่า)

วันนั้นเจ้าภาพสั่งแกงเหลืองปลาช่อนกับหยวกกล้วยป่า (หรือที่คนใต้เรียกว่ากล้วยเถื่อน) ปลาอินทรีทอด กุ้งผัดสะตอ ผักเหลียงผัดไข่ และต้มส้มปลากะพง กินกับข้าวสวยร้อนๆ อร่อยมาก ทุกคนกินกันเยอะมากเหมือนตั้งใจว่ากินมื้อนี้แล้วจะไม่กินมื้อเย็น

ขณะกินอาหารเจ้าภาพบอกให้รู้ว่า ที่ร้านยายปวดไม่ได้อร่อยเฉพาะเมนูที่อยู่บนโต๊ะเราเท่านั้น อย่างอื่นๆ ก็อร่อย โดยเฉพาะแกงเหลืองปลากะพงกับยอดมะพร้าวอร่อยมาก นอกนั้นก็มี ผัดเผ็ดปลาดุกทะเล แกงป่ากระดูกอ่อนลูกกล้วย คำว่าลูกกล้วยคือกล้วยดิบนั่นเอง

ยังมีอีก ที่คนมากินสั่งกันมากก็คือปลาเค็มทอดกะทิ ทอดจนกะทิเข้าเนื้อปลาเค็ม หมูคั่วเค็มก็อร่อยติดลิ้น หรือยำผักกูดก็ไม่เลว แล้วยังมีห่อหมกทะเล เกือบลืมแกงไตปลาหรือพุงปลา รวมทั้งคั่วกลิ้ง หรอยจังหู้ทั้งนั้น

วันนั้นมีลูกค้าเข้ามากินอาหารเกือบเต็มทุกโต๊ะ ทยอยเข้าออกตลอดเวลา ทราบมาว่าบางวันมีทัวร์ลงด้วย หากผู้ใดมาวันที่ทัวร์ลงก็อาจจะไม่ได้กินเพราะที่นั่งไม่พอ

เพื่อป้องกันการผิดหวังควรโทรจองโต๊ะและสั่งอาหารล่วงหน้า เพระนอกจากได้กินแน่แล้ว ยังไม่ต้องรอ ไปถึงร้านก็กินได้เลย

ผมเรียกร้านนี้ตั้งแต่เริ่มแรกว่าข้าวแกงยายปวดก็ให้ฟังแล้วดูเป็นกันเอง แท้ที่จริงแล้วมีชื่อเต็มยศว่า “อาหารพื้นเมืองรสเด็ด ยายปวด” และที่ไม่ธรรมดาเลย คือมีป้ายบอกไว้ว่าเคยออกรายการครัวคุณต๋อยมาแล้วด้วย

ยายปวดใช้บ้านพักซึ่งเป็นเรือนไม้ 2 ชั้นมาเปิดเป็นร้านอาหาร โดยใช้ชั้นล่างขายอาหาร ส่วนชั้นบนเป็นที่อยู่อาศัย

หลังจากผมได้กินอาหารจนอิ่มแล้ว ขณะที่เพื่อนร่วมโต๊ะบางคนนั่งกินของหวาน ผมถือโอกาสเดินไปคุยกับยายปวดหลังร้าน ซึ่งกำลังยืนดูลูกหลานช่วยกันทำอาหารให้ลูกค้า

ที่บรรยายว่ายายปวดยืนดูก็เพราะถึงวันนี้ ลูกหลานทุกคนทำอาหารตามสูตรของยายปวดเป็นทุกคนแล้วนั่นเอง

ยายปวดได้มอบหมายให้ลูกสาวคนหนึ่งเป็นผู้ดูแลร้าน เพราะนอกจากทำอาหารเป็นแล้วยังคิดเงินคิดทองเป็นด้วย

ลูกสาวและผู้ร่วมงานทุกคนทำอาหารอย่างชำนาญ คล่องมือและเข้าขากันอย่างดี

ยายปวดไม่มีการปกปิดวิธีปรุงอาหาร เป็นครัวเปิดที่ใครจะมายืนดูก็ได้ สำหรับเรื่องนี้ผมเข้าใจเอาเองว่าเคล็ดลับของความอร่อยนั้นไม่ได้อยู่ที่การปรุงอย่างเดียว สิ่งสำคัญอยู่ที่เครื่องปรุงด้วย

จากการได้ยืนพูดคุยกับยายปวดและลูกสาวจึงได้รู้เพิ่มเติมว่า ปกติร้านอาหารใต้ทั่วไปจะซื้อเครื่องปรุงสำเร็จรูปมาทำแกงขายลูกค้า แต่สำหรับยายปวด ตั้งแต่เริ่มต้นมาแล้ว ยายปวดจะผสมทำเครื่องแกงเอง

ด้วยเหตุนี้รสชาติจึงไม่เหมือนที่อื่น อีกทั้งเป็นแกงใต้ที่ไม่เผ็ดมากเกินไป ทำให้คนภาคอื่นๆ ก็กินแกงของยายปวดได้

วันนี้ยายปวดอายุ 80 ปีแล้ว ตั้งแต่เริ่มต้นได้หารายได้โดยการประกอบอาชีพขายอาหารพื้นเมืองเพียงอย่างเดียว โดยใช้วิธีทำแกงใส่ถุงพลาสติกหิ้วไปขายตามสถานที่ทำงานทั้งที่เป็นราชการและบริษัท อีกอย่างที่ทำแล้วขายดีมาตลอดก็คือห่อหมก

ยายปวดได้วิธีทำอาหารมาจากแม่และญาติผู้ใหญ่บางคนแล้วค่อยๆ มาปรับปรุงรสชาติภายหลัง เช่น บางอย่างต้องลดกะปิให้น้อยลง บางอย่างต้องเพิ่มขมิ้นให้มากขึ้น เป็นต้น

หลังจากสามีเสียชีวิตขณะที่ยายปวดอายุใกล้ 40 ปี สามีได้ทิ้งลูกไว้ให้เลี้ยงถึง 5 คน ความภูมิใจของยายปวดอยู่ตรงนี้ ตรงที่สามารถเลี้ยงลูกจนเติบใหญ่มีการมีงานทำทุกคนก็จากการขายอาหารใต้นี้แหละ

ถึงแม้ยายปวดได้ทำหน้าที่แม่ได้ครบถ้วนแล้ว แต่ก็ยังไม่อยากหยุดขายเพื่อเป็นรายได้ให้ลูกหลานได้มีชีวิตที่มั่นคงนั่นเอง

ฉะนั้น ถ้าผู้อ่านและไม่ได้อ่านไปเที่ยวชุมพร ผมขอแนะนำว่า จะต้องมีสักมื้อให้ไปกินอาหารที่ร้านยายปวด รับรองว่าไม่ผิดหวัง

ร้านอาหารยายปวดตั้งอยู่ที่ 74 หมู่ 1 ตำบลบางหมาก อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร 86000 หากไปไม่ถูกโทรไปสอบถามได้ที่ (093) 680-8375 หรือจะสั่งอาหารไปด้วยก็ไม่ถือว่าผิดกติกาแต่ประการใด