เล็ง! ปรับราคาแท็กซี่ มีผลเฉพาะรถในระบบพื้นที่ กทม. สตาร์ต 35-40 บาท 

เล็ง! ปรับราคาแท็กซี่ มีผลเฉพาะรถในระบบพื้นที่ กทม. สตาร์ตรถเล็ก 35 บาท รถใหญ่ 40 บาท 

เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน​ ที่กระทรวงคมนาคม เว็บไซต์ มติชนออนไลน์ รายงานข่าว นายวิรัช พิมพะนิตย์ ที่ปรึกษารัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวงคมนาคม นางสุขสำรวย วันทนียกุล เลขานุการรัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​คมนาคม พร้อม นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ได้ร่วมประชุมหารือกับผู้แทน 4 สมาคม

ประกอบด้วย สมาคมแท็กซี่สาธารณะไทย สมาคมประสานงานรถรับจ้างสุวรรณภูมิ สมาคมผู้ขับรถแท็กซี่สาธารณะ สมาคมแท็กซี่ยานยนต์ไฟฟ้า และ บริษัท​ โฮวา จำกัด เพื่อติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับการพิจารณาปรับอัตราค่าโดยสารแท็กซี่มิเตอร์ (ประชุมครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2565)

นายวิรัช เปิดเผยว่า ขบ. ได้ชี้แจงแก่ที่ประชุมว่า การพิจารณากำหนดอัตราค่าโดยสารดังกล่าว เป็นการดำเนินการในรูปแบบของคณะทำงาน ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนของหน่วยงานต่างๆ และได้รับฟังความเห็นอย่างรอบด้านจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง อาทิ มูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค สำนักสภาองค์กรของผู้บริโภค สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ผู้แทนภาคประชาชน รวมถึงผู้แทนสหกรณ์แท็กซี่ต่างๆ

โดย ขบ. ขอให้ 4 สมาคมฯ รับอัตราค่าโดยสารที่ผ่านการพิจารณาของคณะทำงานฯ นี้ไปก่อน เพื่อให้สามารถไปสร้างรายได้เพิ่มขึ้นพอสมควร โดยประชาชนไม่ได้รับผลกระทบมากจนเกินไป ซึ่งท้ายที่สุดทางผู้แทน 4 สมาคม ได้ยอมรับอัตราดังกล่าว

จากนั้น ขบ. ได้รับที่จะจัดตั้งคณะทำงาน เพื่อศึกษาโครงสร้างอัตราค่าโดยสารที่เหมาะสม มีความเป็นสากล รวมถึงการจัดหาแนวทางการปรับปรุงโครงสร้างของมิเตอร์แท็กซี่ให้มีความเหมาะสมกับปัจจุบันและเป็นสากล ส่วนในขั้นต่อไป จะได้มีการออกประกาศกระทรวงคมนาคม เพื่อกำหนดอัตราค่าโดยสารรถแท็กซี่ใหม่ ก่อนเริ่มให้มีการจูนมิเตอร์ โดยผู้แทน 4 สมาคม ขอให้ ขบ. ช่วยเหลือให้ค่าจูนมิเตอร์มีราคาที่เหมาะสม ไม่เป็นภาระแก่ผู้ขับรถแท็กซี่จนเกินไป พร้อมทั้งเตรียมพื้นที่ในการปรับจูนมิเตอร์ให้มีความคล่องตัวและรวดเร็ว ต่อไป

ด้านนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดี ขบ. กล่าวว่า ในมติที่ประชุมครั้งนี้ เห็นชอบแนวทางการปรับขึ้นค่าโดยสารแท็กซี่ตามที่ ขบ. และทีดีอาร์ไอ เสนอว่าจะปรับอัตราค่าโดยสารในราคาที่เหมาะสม ดังนี้

ระยะทาง 1 กิโลเมตร (กม.)​ แรก

– รถเล็ก 35 บาท

– รถใหญ่ 40 บาท

ระยะทาง 2-10 กม.

– รถเล็ก กม.ละ 6.50 บาท

– รถใหญ่ กม.ละ 6.50 บาท

ระยะทาง 11-20

– รถเล็ก กม.ละ 7 บาท

– รถใหญ่ กม.ละ 7 บาท

ระยะทาง 21-40 กม.

– รถเล็ก กม.ละ 8 บาท

– รถใหญ่ กม.ละ 8 บาท

ระยะทางเกินกว่า 41-60 กม.

– รถเล็ก กม.ละ 8.50 บาท

– รถใหญ่ กม.ละ 8.50 บาท

ระยะทาง 61-80 กม.

– รถเล็ก กม.ละ 9 บาท

– รถใหญ่ กม.ละ 9 บาท

ระยะทาง 81 กม. ขึ้นไป

– รถเล็ก กม.ละ 10.5 บาท

– รถใหญ่ กม.ละ 10.50 บาท

ค่ารถติด กรณีรถเคลื่อนที่ได้ช้ากว่า 6 กม./ชม.​

– รถเล็ก 3 บาทต่อนาที

– รถใหญ่ 3 บาทต่อนาที

หลังจากประชุมครั้งนี้แล้ว ขบ. จะรวบรวมข้อมูลเพื่อเสนอ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เห็นชอบมติผลประชุมครั้งนี้ ภายใน 1-2 สัปดาห์ หากได้รับความเห็นชอบแล้ว ต้องมีการประกาศกฎกระทรวงในการปรับขึ้นค่าโดยสารแท็กซี่ โดยมี รมว.คมนาคม เป็นผู้ลงนาม เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตามกฎหมายต่อไป

ในการปรับขึ้นค่าโดยสารครั้งนี้ มีผลเฉพาะแท็กซี่ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ที่อยู่ในระบบทั้งหมด 80,000 คัน จากที่ให้บริการจริงในปัจจุบัน 60,000 คัน โดยหลังจากมีมติให้ปรับขึ้นค่าโดยสารแล้ว จำนวนรถแท็กซี่ที่มีอยู่ต้องนำมาปรับจูนมิเตอร์ค่าโดยสารใหม่ เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน โดย ขบ. จะเตรียมพื้นที่รองรับจำนวนรถแท็กซี่ที่ดำเนินการปรับมิเตอร์ราคาใหม่ครั้งนี้ด้วย เพื่อความรวดเร็ว และลดแออัดในการดำเนินการ

นายจิรุตม์ กล่าวอีกว่า หลังจากปรับขึ้นค่าโดยสารแล้ว เน้นย้ำแท็กซี่ในเรื่องพัฒนาคุณภาพให้บริการที่ดี เช่น ไม่ปฏิเสธผู้โดยสาร หากพบว่ามีการกระทำผิดจะลงโทษตามกฎหมายขั้นสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นการใช้ระบบตัดแต้มใบอนุญาตขับรถ หรือหากมีการทำผิดซ้ำจะพักใช้ใบอนุญาตขับรถ 3-6 เดือน และเพิกถอนใบอนุญาตขับรถแล้วแต่กรณี ส่วนแท็กซี่ต่างจังหวัดในการปรับขึ้นค่าโดยสารนั้นสำนักงานขนส่งจังหวัดในพื้นที่ต่างๆ จะเป็นผู้พิจารณา เนื่องจากแท็กซี่ต่างจังหวัดมีอัตราค่าโดยสารที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดเมืองท่องเที่ยว อาทิ เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.ภูเก็ต มีอัตราค่าครองชีพสูงมาก ทำให้อัตราค่าโดยสารไม่เท่ากัน