พระเอกหนุ่มหน้าคม เปิดร้านเบเกอรี่ราคาประหยัด 24 บาททุกชิ้น เสิร์ฟความอร่อย 30 ไส้

พระเอกหนุ่มหน้าคม เปิดร้านเบเกอรี่ราคาประหยัด 24 บาททุกชิ้น เสิร์ฟความอร่อย 30 ไส้


บูม กิตตน์ก้อง พระเอกหนุ่มหน้าคม ยิ้มละมุน 
ดาวรุ่งช่อง 7 กวาดรางวัลคนดีมาหลายเวที  เปิดร้านเบเกอรี่ราคาประหยัด 24 บาททุกชิ้น เสิร์ฟความอร่อย 30 ไส้ เมนูขายดี คัสตาร์ดชาไทย เนยสดลาวา มะพร้าวอ่อน ลูกเกดฝอยทอง ไส้เครมบรูเล่


ประ
เดิมเปิดร้านแรกกลางตลาดมีนบุรี เมื่อ 26 มกราคม 2561 ผ่านมา 1 ปี ตอนนี้ Boom’s bakes (บูมส์เบกส์)” ร้านเบเกอรี่ของ บูม-กิตตน์ก้อง ขำกฤษ พระเอกช่อง 7 ได้ขยายไปแล้วถึง 5 สาขา แถมไม่ใช่แค่ในเมืองไทย แต่ยังบุกตลาดไกลไปถึงประเทศจีน

“น่าจะเพราะผลบุญที่ผมกับหุ้นส่วนตั้งใจทำกัน” พระเอกวัย 29 ปีบอกยิ้มๆ

ก่อนขยายความ “ที่ทำธุรกิจแบบนี้ ผมได้เห็นคนมีรอยยิ้มทุกวัน เห็นคนกลับมาซื้อเพราะอร่อย ราคาถูก แต่เขาไม่รู้หรอกว่านั่นคือสิ่งที่พวกผมตั้งใจ เพราะผมอยากเป็นผู้ให้”

สำหรับจุดเริ่มต้นของบูมส์เบกส์นั้น มาจากเจ้าของร้านเบเกอรี่ “Sasaki (ซาซากิ)” ในตลาดมีนบุรี ซึ่งเป็นคุณอาที่คุ้นเคยกับบูมมาตั้งแต่เด็กๆ เห็นว่าลูกชายกำลังจะเรียนจบจึงอยากให้มีธุรกิจเกี่ยวกับขนมปังขยายออกมาจากร้านเดิม และอยากได้ดารานักแสดงมาเป็นหุ้นส่วน

“คุณอาเรียกบูมเข้าไปคุย ทีแรกก็งงๆ ว่าเราจะมาทำขนมปังเหรอ แต่ว่าตัวสินค้าไม่ใช่ประเด็นหลักของบูม เราคุยกันเรื่องทัศนคติ เรื่องวิสัยทัศน์ในการทำธุรกิจมันไปในทิศทางเดียวกัน คือ เราไม่ได้อยากรวยอย่างเดียว เราอยากมีความสุขที่เราได้เป็นผู้ให้ ได้เห็นลูกค้ากินของในราคาที่ถูกมาก แล้วก็คุณภาพดี บูมก็เลยตัดสินใจที่จะทำ” เขาเล่า

และแม้หุ้นส่วนจะเป็นทายาทของร้านเบเกอรี่ที่มีประสบการณ์มากว่า 20 ปี ทำให้มั่นใจได้ในเรื่องรสชาติและการบริหารจัดการต่างๆ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เข้าไปมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่

“หลักๆ ของบูมดูส่วนพีอาร์ เรื่องการโปรโมต แต่ว่าเรื่องรสชาติ หน้าตาตัวขนมปัง ทั้ง 2 ฝ่ายช่วยกันอยู่แล้ว เอาให้ถูกใจทั้ง 2 ฝ่าย เราไม่ได้มีอีโก้ว่าเป็นดาราต้องดี ต้องนู่นต้องนี่ แต่มันคือหน้าตา ภาพลักษณ์ของเรา”

อ่านข่าว เปิดสูตร “ไก่ย่างจีระพันธ์” ไก่ย่างชื่อดังพลุแตกจากงานวัด
อ่านข่าว  “บุฟเฟ่ต์ 10 บาท” คนงบน้อยกินได้ ไม่คิดขึ้นราคา

“อย่างจุดเด่นของร้าน คือ ราคา รสชาติ และคุณภาพ เราขาย 24 บาททุกชิ้น เพราะตั้งใจขายราคา 20 ต้นๆ อยู่แล้ว และบูมมีที่ปรึกษาหลายด้าน ศาสตร์ตัวเลขก็สำคัญ เลข 4 เป็นเลขที่ดีของบูมและหุ้นส่วน
 เลยกลายเป็นกิมมิกของร้าน ซึ่งบูมเชื่อว่าในราคา 24 บาท ไม่มีใครกล้าให้เยอะขนาดนี้ กล้าใช้ของคุณภาพดีแบบนี้ รสชาติดีแบบนี้ เพราะต้นทุนมันสูงมากจริงๆ โชคดีของบูมที่คุณอามีร้านเบเกอรี่ เราเลยได้วัตถุดิบที่ถูกลงมาหน่อยแต่ก็ยังถือว่าสูงอยู่ดี ต้นทุนเกือบ 20 บาททุกชิ้น”

โดยไม่เพียงเมนูขนมปังที่มีร่วม 30 ไส้ เช่น พิซซ่าหน้าต่างๆ คัสตาร์ดชาไทย เนยสดลาวา มะพร้าวอ่อน ลูกเกดฝอยทอง ไส้เครมบรูเล่ ฯลฯ เมนูเครื่องดื่มที่เพิ่มความอร่อยด้วยไข่มุกวานิลลาสีทองอย่าง ชานมสองสี ชาผลไม้หลากรส ซึ่งเริ่มประเดิมขายที่สาขา 2 ของตลาดมีนบุรีก็สนนราคาแก้วละ 24 บาทเช่นกัน

นอกจากนี้ ถ้าใครต้องการอาหารว่างสำหรับประชุม ทางร้านมีบริการจัดขนมปังคู่กับน้ำผลไม้ จำหน่ายราคากล่องละ 36 และ 45 บาท ขึ้นอยู่กับยี่ห้อน้ำผลไม้ที่เลือก โดยสามารถสอบถามเรื่องการจัดส่งได้ที่อินสตาแกรม @boomsbakes เฟซบุ๊ก boom’s bakes หรือโทรศัพท์ (061) 595-4276

    

“จริงๆ มันขายได้แพงกว่านี้” เขาเผยยิ้มๆ

“แต่ผมเลือกที่จะทำราคานี้แล้วก็จะไม่ขึ้นราคา มันเป็นความสุขของผมที่เห็นเด็กนักเรียนเลิกเรียนมา เงินไม่ค่อยมี แล้วก็รวมเงินกันมาซื้อแบ่งกันกินแล้วอิ่มกันทั้งคู่ หรือว่าคุณป้าแก่ๆ เขาก็บอกมันถูกจัง ชิ้นใหญ่ พอซื้อไปกินอิ่มแทนมื้อหนึ่งเลย ไม่ว่าใครก็สามารถซื้อสามารถกินได้ในราคาแบบนี้”

“เพราะตอนเด็กๆ ที่บูมยังไม่มีเงิน บูมเคยรู้สึกเวลาจะซื้ออะไรกิน ราคาถูกมันได้เยอะก็จริงแต่จะไม่อร่อย แต่ถ้าเราอยากกินของอร่อยมันต้องแพง มันเหมือนเป็นสิ่งที่ขาดหายไปในชีวิตบูม เราเลยรู้สึกว่าถ้ามีโอกาสทำธุรกิจจะทำแบบนี้ ให้คนกินได้ทั้ง 2 อย่าง ทั้งอร่อยด้วย ทั้งราคาถูกด้วย ไม่ต้องได้อย่างเสียอย่างเหมือนที่เราเคยเจอ”

นั่นจึงไม่แปลกหากร้านบูมส์เบกส์ ที่ลงทุนเริ่มต้น 800,000-1,000,000 บาท ในตึกแถว 4 ชั้น ทางเข้าตลาดมีนบุรี จะค่อยๆ ขยายไป โดยสาขา 2 อยู่ที่ถนนใหญ่ ก่อนถึงซอยสีหบุรานุกิจ 13 ฝั่งเดียวกับตลาดมีนบุรี ส่วนสาขา 3 ที่หน้าตลาดบางกะปิ ระหว่างซอยลาดพร้าว 121-123 ขณะที่สาขา 4 กับ 5 ตั้งอยู่ ณ เมืองหนานจิง มณฑลเจียงซู สาธารณรัฐประชาชนจีน

“ต้องชมหุ้นส่วนผม เขาค่อนข้างมีเครือข่ายเยอะ” บูมบอก

ก่อนเล่าว่า “วันหนึ่งมีนักธุรกิจจีนสนใจทำเกี่ยวกับพวกเครื่องสำอางในไทยได้มาที่ไทย พอดีว่าหุ้นส่วนผมรู้จักคนที่จะคุยเรื่องเครื่องสำอาง วันนั้นเขาเลยหิ้วขนมปังคัสตาร์ดชาไทยไปนั่งคุยด้วย นักธุรกิจจีนแกะชิม พอกินไปคำหนึ่งก็หันมาถามว่าร้านอยู่ที่ไหน พรุ่งนี้จะขอไปดูที่ร้าน อยากไปเปิดที่จีน”

“พอมาดูร้านแล้วรู้ว่าเจ้าของเป็นบูม ซึ่งคนจีนชอบอยู่แล้วไม่ว่าแบรนด์อะไรก็ตามที่คนไทยเป็นเจ้าของแล้วเป็นนักแสดง แล้วด้วยตัวขนมปังที่หยิบไปให้ชิมเป็นอะไรไทยๆ เป็นตัวขายดีอยู่แล้ว พอมาที่ร้านได้คุยกัน เขากลับไปไม่ถึงเดือนก็มาเซ็นสัญญา บูมก็เพิ่งบินไปเปิดสาขาที่นู่นเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา”

โดยการทำธุรกิจร่วมกันครั้งนี้ ทางจีนจะเป็นคนลงทุนทั้งหมด ส่วนบูมกับหุ้นส่วนจะดูแลเรื่องตัวสินค้า มีการนำพนักงานของร้านไปฝึกสอน และคอยฝึกคนที่ทางจีนส่งมาเรียนทำขนมปังที่ไทยเป็นเวลา 1 เดือน นอกจากนี้ ยังใช้ชื่อเสียงของพระเอกหนุ่มในการประชาสัมพันธ์ร้านให้เป็นที่รู้จักอีกด้วย

“ผมว่าที่จีนค่อนข้างควบคุมยากนิดหนึ่ง” เขาเผยถึงความยากในการทำธุรกิจขนมปังที่ต่างประเทศ เนื่องจากความจำกัดของวัตถุดิบและความชอบในรสชาติที่ไม่เหมือนกันจึงต้องมีการปรับปรุงสูตร แต่พอปรับตัวได้ทุกอย่างก็ราบรื่นจนเล็งจะขยายสาขาในจีน รวมถึงในประเทศอื่นๆ เพิ่มเติม

เช่นเดียวกับในไทยที่วางแผนขยายสาขาใหม่ ช่วงต้นปี 2562 โดยทุกสาขาที่นี่เขาตั้งปณิธานไว้ว่าจะต้องเข้าไปดูแลเองทั้งหมด ไม่มีการขายแฟรนไชส์อย่างเด็ดขาด

“บูมไม่ขายแฟรนไชส์แน่นอน” หนุ่มหล่อ ย้ำชัด

ด้วยเหตุผล “กลัวที่สุด คือ เรื่องคุณภาพ ถ้าขายไป บูมไม่รู้หรอกว่าเขารักแบรนด์นี้เท่าบูมหรือเปล่า เขาเอาไปปรับ ไปแต่ง อย่างหน้าไส้กรอกชีสที่ต้นทุนแพงมาก บูมมั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์ ว่าคนซื้อแฟรนไชส์ไปเปลี่ยนไส้กรอกแน่นอน เขาอยากได้ต้นทุนต่ำ ได้กำไรเยอะขึ้น ดังนั้น ถ้าใครอยากทำ มีทำเลก็มาเสนอ มาถือหุ้นร่วมกัน แต่มีข้อแม้ คือ คุณภาพต้องเป็นแบบนี้ วัตถุดิบที่ใช้ต้องเหมือนผม และทุกสาขารสชาติต้องเหมือนกัน”

“โดยสาขา 4 ที่ไทยก็ยังคงเป็นในกรุงเทพฯ ที่เรายังคงควบคุมได้ แต่จังหวัดอื่นๆ เราไม่ได้ตั้งเป้าเอาไว้ อย่างเชียงใหม่ ภูเก็ต โคราช ก็มีคนมาคุยเยอะ มีคนเอาทำเลมาเสนอตลอดแต่ยังไม่ได้ตัดสินใจ จริงๆ อันนี้เราไม่ได้ซีเรียสเรื่องการควบคุม เพราะเราบินไปดูได้อยู่แล้ว มีพนักงานที่ไว้ใจได้ มีความสามารถก็ส่งไปอยู่ได้ แต่ซีเรียสเรื่องคนที่จะมาทำมากกว่า ผมขอดูทัศนคติก่อนว่ามันไปในแนวทางเดียวกันหรือเปล่า อยากทำเพราะอะไร คุยกันรู้เรื่องไหม”
   

นั่นเพราะเป้าหมายของเขาไม่ใช่การเร่งขยายสาขาให้ครอบคลุม แต่เป็นการได้ทำธุรกิจที่สร้างความสุขกับทั้งผู้ให้และผู้รับ

อย่างที่เขาว่า “จริงๆ บูมประสบความสำเร็จกับธุรกิจนี้ตั้งแต่วันแรกที่เปิดร้าน ได้เห็นภาพที่อยากเห็น ได้ทำให้คนกินมีความสุข”

“ทุกวันนี้เป้าหมายบูมก็ยังเหมือนเดิม เรามีความสุขกับการทำ แล้วถ้าที่ไหนมีคนมาพูดเยอะๆ ว่าไปเปิดสิอยากกิน เราก็แค่ขยายไปเรื่อยๆ เพราะอยากให้คนแถวนั้นได้กินของอร่อย ราคาถูก เพียงแค่ร้านอาจจะมีสาขาเยอะขึ้น ธุรกิจใหญ่โตขึ้น แต่เป้าหมายทุกอย่างยังเหมือนเดิม”

เพราะนี่คือ “Boom’s bakes” ธุรกิจทำกำไรที่ได้ความสุขอันมากกว่า