ถูกใจชาวสวนยาง! มติครม.ประกันราคายางแผ่นคุณภาพดี 60 บาทต่อ กก.

ถูกใจชาวสวนยาง! มติครม.ประกันราคายางแผ่นคุณภาพดี 60 บาทต่อ กก.

เมื่อวานนี้ (15 ต.ค.) ดร.รัชดา​ ธนาดิเรก​ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม. ว่า​มีมติเห็นชอบโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยางพารา โดยไฟเขียว​ 4 โครงการ หวังช่วยเกษตรกรชาวสวนยาง 1.4 ล้านคน พื้นที่ปลูกยางพารา 17 ล้านไร่ ให้มีรายได้แน่นอน โดยกำหนดราคาประกันยาง 3 ชนิด คือ 1. ยางแผ่นดิบคุณภาพดี ราคา กก.ละ 60 บาท 2. น้ำยางสด (DRC 100%) ราคา กก.ละ 57 บาท และ 3. ยางก้อนถ้วย (DRC 50%) ราคา กก.ละ 23 บาท นับตั้งแต่ ต.ค. 2562 ถึง มี.ค. 2563

สำหรับโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยางพารา ระยะที่ 1 ใช้งบประมาณ 2.4 หมื่นล้านบาท กำหนดระยะเวลาประกันรายได้ 6 เดือน เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562 ถึงเดือนมีนาคม 2563 ตามที่คณะกรรมการการยางไทย (กยท.) ​เสนอ โดยมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์​ รองนายกรัฐมนตรี​ เป็นประธาน ทั้งนี้ เพื่อให้เกษตรกรชาวสวนยาง 1.4 ล้านคน มีรายได้ที่แน่นอน มีความมั่นคงในอาชีพเกษตรกรชาวสวนยาง ครอบคลุมพื้นที่ปลูกยางพารารวม 17 ล้านไร่

โดยการประกันรายได้ในยางพารามี 3 ชนิด คือ
1. ยางแผ่นดิบคุณภาพดี ราคา 60 บาทต่อกิโลกรัม
2. น้ำยางสด (DRC 100%) ราคา 57 บาทต่อกิโลกรัม
3. ยางก้อนถ้วย (DRC 50%) ราคา 23 บาทต่อกิโลกรัม

สำหรับเงื่อนไขการประกันรายได้ยางพารากำหนดปริมาณผลผลิตยางที่จะประกันรายได้อยู่ที่ 240 กก./ไร่/ปี หรือ 20 กก./ไร่/เดือน โดยแบ่งสัดส่วนรายได้ เจ้าของสวน ร้อยละ 60 และคนกรีดยาง ร้อยละ 40 สำหรับการจ่ายเงินประกันรายได้เกษตรกรกำหนดจ่ายให้เร็วขึ้นจากเดิมที่กำหนดจ่าย 2 เดือน 1 ครั้ง

ด้านเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ จะต้องขึ้นทะเบียนและแจ้งข้อมูลพื้นที่ปลูกยางกับการยางแห่งประเทศไทยก่อนวันที่ 12 สิงหาคม 2562 และเปิดโอกาสให้เกษตรกรชาวสวนยางแจ้งขึ้นทะเบียนเพิ่มเติมตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่การยางไทยกำหนด โดยเป็นสวนยางอายุ 7 ปีขึ้นไปที่เปิดกรีดแล้ว สูงสุดรายละไม่เกิน 25 ไร่ การจ่ายเงินประกันรายได้เกษตรกรกำหนดจ่ายให้เร็วขึ้นจากเดิมที่กำหนดจ่าย 2 เดือน 1 ครั้ง โดยให้ ธ.ก.ส. โอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรชาวสวนยาง ดังนี้

จ่ายงวดที่หนึ่ง ระหว่างวันที่ 1 – 15 พฤศจิกายน 2562 2.ประกันรายได้เดือนธันวาคม 2562 – มกราคม 2563

จ่ายงวดที่สอง ระหว่างวันที่ 1 – 15 มกราคม 2563 3.ประกันรายได้เดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม 2563

จ่ายงวดที่สาม ระหว่างวันที่ 1 – 15 มีนาคม 2563 การแบ่งสัดส่วนรายได้ เจ้าของสวน 60% และคนกรีดยาง 40%

นอกจากนี้ ครม. ยังมีมติเห็นชอบอีก​ 4 โครงการ​ ประกอบด้วย
1.ขยายวงเงินสินเชื่อโครงการสนับสนุนสินเชื่อผู้ปะกอบการผลิตภัณฑ์ยาง วงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์ สนับสนุนสินเชื่อให้ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ยางขยายกำลังผลิต หรือปรับเปลี่ยนเครื่องจักรการผลิต ให้มีการแปรรูปจากเดิมปีละ 60,000 ตันต่อปี เป็น 100,000 ตันต่อปี ระยะเวลาดำเนินโครงการระหว่างปี 2563 – 2569

2.ขยายระยะเวลาดำเนินการโครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบกิจการยางแห้ง ภายใต้วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท ออกไปอีก 2 ปี คือ ตั้งแต่เดือนมกราคม 2563 ถึงเดือนธันวาคม 2564 โครงการนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อผลักดันราคายางให้สูงขึ้น หรือใกล้เคียงต้นทุนการผลิตของเกษตรกร ช่วยดูดซับยางออกจากระบบประมาณร้อยละ 11 ของผลผลิตยางแห้ง 3.5 แสนตัน จากผลผลิตยางแห้งทั้งปีประมาณ 3.2 ล้านตัน ผ่านกลไกการดำเนินการของผู้ประกอบกิจการยางแห้ง 

3.ขยายระยะเวลาโครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่สถาบันเกษตรกรเพื่อให้ช่วยรวบรวมยาง วงเงิน 10,000 ล้านบาท ไปอีก 4 ปี ตั้งแต่ 1 เมษาย 2563 – 31 มีนาคม 2567 โดยมีระยะเวลาจ่ายเงินกู้เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2563 ถึง 31 ธันวาคม 2566 และกำหนดระยะเวลาชำระคืนเงินกู้คราวละไม่เกิน 12 เดือน นับแต่วันที่กู้ แต่ต้องไม่เกินวันที่ 31 มีนาคม 2567

4.ขยายระยะเวลาและปรับปรุงวิธีการดำเนินงานโครงการส่งเสริมการใช้ยางของหน่วยงานภาครัฐ ออกไปอีก 3 ปี คือ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562 ถึงกันยายน 2565 และให้มีการปรับปรุง โดยแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการเพื่อกำกับดูแล กำหนดให้หน่วยงานภาครัฐใช้วัตถุดิบยางพาราหรือผลิตภัณฑ์ยางพาราที่มาจากเกษตรกรชาวสวนยางและสถาบันเกษตรชาวสวนยางที่ขึ้นทะเบียนกับการยางแห่งประเทศไทย