8 สิ่งก่อสร้างโดดเด่นของประเทศ รับปี 2019

การก่อสร้างอาคารและสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน สิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าการออกแบบ ก็คือ วัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงสร้างและฐานราก “เหล็ก” ที่เปรียบเสมือนโครงกระดูก ทำหน้าที่รองรับน้ำหนักวัสดุก่อสร้างและตกแต่งอาคาร ดังนั้น การเลือกวัสดุก่อสร้างจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องใส่ใจในรายละเอียดของคุณภาพวัสดุตั้งแต่โครงสร้างและฐานรากเหล็กที่อยู่ภายใน เพราะถ้าโครงสร้างและฐานรากภายในไม่มั่นคงแข็งแรง ก็อาจเป็นอันตรายส่งผลกระทบถึงร่างกายและชีวิตของผู้ใช้งาน

คุณชัยเฉลิม บุญญานุวัตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ – การตลาดและการขาย บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ด้วยประสบการณ์ยาวนานกว่า 50 ปี ของบริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) และยอดจำหน่ายเหล็กเส้นเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทย ทำให้รู้และทราบถึงปัญหาของการใช้วัสดุก่อสร้าง โดยเฉพาะการใช้เหล็กซึ่งเป็นฐานรากของการก่อสร้าง จึงสามารถการันตีได้ว่า ทาทา สตีล มีความเชี่ยวชาญและเป็นผู้นำเหล็กเส้นก่อสร้างก็ว่าได้  นอกจากนี้ ทาทา สตีล ยังเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเหล็กทรงยาวรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและการควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอนของการผลิต จึงมั่นใจในเรื่องของความปลอดภัยมั่นคงแข็งแรงได้อย่างแน่นอน

เมื่อผนวกคุณภาพและดีไซน์ที่ทันสมัยของสิ่งก่อสร้างจากฝีมือของสถาปนิกและวิศวกร ก่อให้เกิดความโดดเด่นเป็นสัญลักษณ์หรือแลนด์มาร์คของประเทศ  โคุณชัยเฉลิม กล่าวว่า สิ่งก่อสร้างที่โดดเด่นในปี 2019 มีด้วยกัน 8 แห่ง ได้แก่

  1. อาคารรัฐสภาใหม่

อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ หรือ “สัปปายะสภาสถาน” เป็นสถาปัตยกรรมที่กำลังจะกลายเป็นแลนด์มาร์คอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย ด้วยทำเลที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา อีกทั้งการออกแบบโครงสร้างอาคารที่มีความสวยงามและแสดงออกถึงความเป็นไทย เนื่องจากเป็นสถานที่ราชการที่สำคัญซึ่งประกอบไปด้วย ส่วนสภาทั้งสมาชิกผู้แทนราษฎร (สส.) และสมาชิกวุฒิสภา (สว.) นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ ศูนย์ประชุม ห้องสัมมนา สโมสรจัดเลี้ยง ห้องทำงานของ สส. และ สว. อีกด้วย

จึงอาจเรียกได้ว่าโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่นี้เป็นโครงการเมกะโปรเจกต์ที่จะเป็นหน้าตาของประเทศชาติในอนาคต การก่อสร้างจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเป็นไปอย่างละเอียดรอบคอบ ตั้งแต่การออกแบบ การเลือกใช้วัสดุโครงสร้างและฐานราก มีการนำเหล็กส่วนหนึ่งของทาทา ทิสคอน เหล็กเส้นข้ออ้อย SD50 มาใช้ ซึ่งช่วยลดปริมาณการใช้เหล็กเสริมโครงสร้างได้มากกว่า 20% แต่สามารถรองรับน้ำหนักได้มากขึ้นด้วย

  1. ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เฟส 2

สิ่งก่อสร้างระดับประเทศ ที่เปรียบเสมือนประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเข้าสู่ประเทศไทย ก็คือ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่นอกจากจะเป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศไทยแล้ว ยังมีเป้าหมายที่จะเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคเอเชียอีกด้วย เนื่องจากมีพื้นที่ที่กว้างใหญ่ รองรับเที่ยวบินได้เป็นจำนวนมาก และยังเป็นหนึ่งในท่าอากาศยานที่มีผู้โดยสารมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

อีกทั้งภาครัฐกำลังมีแผนการขยายโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 โดยจะมีการพัฒนารันเวย์ให้มีขนาด 4 รันเวย์ ขนานไปกับตัวอาคารผู้โดยสารและสร้างอาคารผู้โดยสารย่อยรอบๆ อาคารผู้โดยสารหลักเพื่อเพิ่มพื้นที่การรองรับผู้โดยสารจำนวน 100 ล้านคน และ 6.4 ล้านตัน สำหรับการขนส่งสินค้าต่อปี ถือเป็นอีกหนึ่งเมกะโปรเจกต์ที่มีการวางแผนทั้งกระบวนการตั้งแต่การออกแบบและการใช้วัสดุก่อสร้างที่มีคุณภาพ

โดยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เฟส 2 ทางบริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) ได้มีการส่งเหล็กเส้น SD50 ทาทา ทิสคอน ที่รับแรงดึงได้สูง รวมถึงเหล็กเดือย (Dowel Bars) ที่เป็นเหล็กสำหรับต่อยึดคอนกรีต ซึ่งช่วยกระจายแรงจากพื้นคอนกรีตแต่ละแผ่น และช่วยรับน้ำหนักได้ดียิ่งขึ้น ไม่ให้คอนกรีตแผ่นใดแผ่นหนึ่งต้องรับน้ำหนักมากเกินไปจนอาจเกิดความเสียหายได้

  1. ไอคอนสยาม (ICONSIAM)

อีกหนึ่งความภาคภูมิใจที่เหล็กทาทา ทิสคอน ได้เป็นส่วนหนี่งในโครงการก่อสร้างเมกะโปรเจกต์ที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง ก็คือไอคอนสยาม (ICONSIAM) โดยโครงการนี้ มีการใช้บริการเหล็กตัดและดัดสำเร็จรูป ในการก่อสร้างซึ่งช่วยประหยัดทั้งในเรื่องของเวลา และประหยัดการใช้เหล็กโดยไม่มีเศษเหล็กเหลือจากการตัดและดัดเองในพื้นที่ก่อสร้าง พร้อมกันนี้ ยังมีการใช้เหล็ก SD50 ซึ่งช่วยลดต้นทุนการก่อสร้างได้อย่างมาก

โครงการเมืองแห่งใหม่ที่รวมศูนย์การค้า ที่พักอาศัยระดับหรู พิพิธภัณฑ์ ลานกิจกรรมริมแม่น้ำเจ้าพระยา ศูนย์การประชุมระดับโลก โรงภาพยนตร์ขนาดยักษ์ และโลกแห่งความสนุกสนานของเด็กและครอบครัว ภายใต้การลงทุนกว่า 54,000 ล้านบาท โดดเด่นทั้งทำเลทองริมแม่น้ำเจ้าพระยา และการออกแบบโครงสร้างอาคารที่สะท้อนความเป็นไทย มีอาคารเล็กๆ หลายอาคารอยู่ภายในอาคารใหญ่ ด้วยกระจกพิเศษจับจีบซ้อนไปมา ส่วนรูปทรงอาคารนั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากกระทงและบายศรี โดยแปลงโฉมเป็นรูปแบบร่วมสมัย เรียกได้ว่าน่าจับตามองอย่างยิ่งในแง่ของการก่อสร้างสถาปัตยกรรมของไทยที่มีจุดมุ่งหมายที่จะเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของประเทศไทย และเป็นแลนด์มาร์คที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

  1. โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม

โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม บางซื่อ – รังสิต เป็นเส้นทางหลักที่เชื่อมกรุงเทพฯ โซนเหนือและใต้ และโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน หรือรถไฟชานเมืองสายตะวันออก – ตะวันตก โดยโครงการดังกล่าวคาดว่าจะมีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2563 ซึ่งจะกลายเป็นระบบขนส่งสาธารณะหลักที่มีผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมาก เนื่องจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงจะสามารถแก้ไขปัญหาการจราจรที่หนาแน่นบนท้องถนนได้ ด้วยเป้าหมายที่ต้องการให้คนหันมาใช้บริการขนส่งมวลชนจำนวนมากอย่างรถไฟฟ้า การมีโครงสร้างที่รองรับทั้งน้ำหนักเสา คาน ราง ชานชาลา รวมทั้งขบวนรถไฟฟ้า จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้เหล็กก่อสร้างที่ได้คุณภาพอย่างเหล็กเส้น ทาทา ทิสคอน SD50 ที่รับแรงดึงได้สูงและผ่านการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.)  มาใช้ในงานโครงสร้างหลัก

  1. โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง บางปะอิน – นครราชสีมา

สำหรับสิ่งก่อสร้างโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หมายเลข 6 หรือมอเตอร์เวย์บางปะอิน – นครราชสีมา เป็นอีกหนึ่งโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐที่สร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกด้านการเดินทางสัญจรในเส้นทางสายภาคกลางสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อีกทั้งรองรับการเชื่อมโยงไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว กัมพูชา เวียดนาม และจีนตอนใต้ โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2562

โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 6 นี้ถือเป็นอีกหนึ่งโครงสร้างพื้นฐานของประเทศที่ต้องอาศัยการวางแผนอย่างรอบคอบในการตัดสินใจลงทุนก่อสร้างในทุกกระบวนการตั้งแต่การออกแบบที่ถูกต้องและเลือกวัสดุก่อสร้างที่มีคุณภาพ

สำหรับเหล็กก่อสร้างส่วนหนึ่งที่โครงการทางหลวงพิเศษนี้ได้เลือกใช้ เป็นเหล็กเส้นก่อสร้าง มอก. ทาทา ทิสคอน ที่ผ่านบริการตัดและดัดสำเร็จรูป (Cut & Bend)   ซึ่งช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในส่วนของปริมาณการสั่งซื้อเหล็กไม่ให้เกินปริมาณเหล็กที่ต้องใช้งานจริง อีกทั้งยังช่วยลดค่าตัด ดัด ผูก และทำเกลียวข้อต่อ ค่าขนส่ง รวมทั้งต้นทุนแฝงอื่นๆ เช่น ค่าเช่าพื้นที่เก็บ ค่าจ้างแรงงานในการตัดและดัดเองในพื้นที่ก่อสร้าง นอกจากนั้นยังช่วยลดปริมาณเศษเหล็กที่เหลือทิ้งจากงานก่อสร้าง รวมถึงลดเวลาในการก่อสร้าง ซึ่งนับว่าเป็นการช่วยลดต้นทุนการก่อสร้างทั้งระบบได้อีกด้วย

  1. โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน

โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงหัวลำโพง – บางแค และช่วงบางซื่อ – ท่าพระ เป็นอีกโครงการหนึ่งของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยที่ก่อสร้างขึ้นเพื่อรองรับการเดินทางเข้าเขตเมือง และแก้ปัญหาการจราจรที่มุ่งเข้าสู่เขตเมืองอย่างหนาแน่น โดยโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินในช่วงหัวลำโพง – บางแค เป็นสายที่ใกล้เปิดบริการมากที่สุด จากการก่อสร้างที่เกือบแล้วเสร็จทั้งหมด โดยมั่นใจได้ในเรื่องของความปลอดภัยจากโครงการที่ผ่านมาตรฐานการออกแบบ อีกทั้งการเลือกใช้วัสดุเหล็กก่อสร้างที่ได้คุณภาพ ที่ทาง ทาทา ทิสคอนได้เป็นส่วนหนึ่งในการส่งเหล็กชั้นคุณภาพอย่าง SD50 ที่สามารถรับแรงดึงได้สูงและสามารถรองรับน้ำหนักของเสา คาน รางรถไฟฟ้า ไปจนถึงขบวนรถไฟฟ้าได้อย่างปลอดภัยแน่นอน

DCIM100MEDIADJI_0083.JPG
  1. โครงการโรงไฟฟ้าพลังลม ชัยภูมิ – มุกดาหาร

โรงไฟฟ้าพลังงานลมถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งก่อสร้างที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งในยุคที่การแสวงหาพลังงานทางเลือกเป็นสิ่งที่จำเป็น และพลังงานลมก็ถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในกระบวนการผลิตกระแสไฟฟ้าได้ อีกทั้งเป็นพลังงานสะอาดที่มีอยู่ทั่วไป ในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานลมจะต้องคำนึงถึงทั้งในเรื่องทำเลที่ตั้งที่เหมาะสม รวมทั้งสิ่งก่อสร้าง ทั้งกังหันลม ไปจนถึงโรงผลิตกระแสไฟฟ้าที่ได้จากพลังงานลม ซึ่งจะต้องผ่านการออกแบบโรงงานตามมาตรฐาน และมีโครงสร้างที่แข็งแรงเพื่อความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน รวมถึงความปลอดภัยของชุมชนโดยรอบอีกด้วย โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ชัยภูมิ – มุกดาหาร เป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่คาดว่าน่าจะใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และมีการคำนึงถึงการก่อสร้างที่ปลอดภัย มีการเลือกใช้เหล็กคุณภาพสูงของทาทา สตีล โดยเหล็กที่ใช้เป็นเหล็กจากบริการตัดและดัดสำเร็จรูป (Cut & Bend) ซึ่งมีการควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ที่มีความแม่นยำสูง ทำให้การตัดและดัดได้ตามแบบที่ลูกค้าต้องการซึ่งเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน ตลอดจนลดระยะเวลาในการก่อสร้างอีกด้วย

  1. คอนโดต้านแผ่นดินไหว

นอกจากเรื่องทำเลที่ตั้ง ราคา ความคุ้มค่า สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในคอนโด เรื่องความปลอดภัยของโครงสร้างและฐานรากอาคารก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการตัดสินใจเลือกซื้อคอนโด ปัจจุบันมีนวัตกรรมของเหล็กเส้นก่อสร้างที่เหนียวพิเศษต้านแรงสั่นสะเทือนแผ่นดินไหว ที่มีคุณสมบัติดัดง่ายด้วยเนื้อเหล็กที่เหนียวมากกว่าเหล็กเส้นทั่วไปถึง 20% ช่วยให้ดัดโค้งได้มากกว่าโดยไม่แตกร้าว มีการยืดตัวได้มากกว่าโครงสร้างเหล็กทั่วไป อีกทั้งยังสามารถที่จะรองรับพลังงานที่อาจจะทำให้โครงสร้างพังทลาย เช่น พลังงานจากแผ่นดินไหว ได้มากกว่าโครงสร้างที่ใช้เหล็กทั่วไปกว่า 25% นอกจากนั้น เหล็กเส้นต้านแผ่นดินไหวของบริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) นี้ ยังมีการควบคุมคุณสมบัติให้สอดคล้องกับเหล็กเส้นเหนียวพิเศษในมาตรฐานสากลอีกด้วย ซึ่งในประเทศไทยก็มีคอนโดมิเนียมที่เลือกใช้เหล็กเส้นเหนียวพิเศษต้านแผ่นดินไหวทาทา ทิสคอน เอส จากบริษัท ทาทา สตีล อาทิ OKA Haus Condo, Keen Condo Sriracha, The Nine Condo และ The Nimman Condominium เป็นต้น