หัวหน้าวนอุทยานฯ เผย เข้าชม ขุนน้ำนางนอน ฟรี -เปิด’ถ้ำพระ’ ให้นทท. สัมผัสบรรยากาศ เชื่อ ช่วงงานกีฬาที่จะถึง คนจะทะลักเข้า

ขุนน้ำนางนอน – วันที่ 17 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ขุนน้ำนางนอน และถ้ำหลวง วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย มีประชาชนและนักท่องเที่ยวจำนวนมาก พากันเดินทางเข้าไปชมภายในบริเวณสถานที่ดังกล่าว โดยเฉพาะหลังจากที่กรมอุทยาน สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้เปิดให้เข้าชมขุนน้ำนางนอนได้ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย. ที่ผ่านมา หลังปิดเพื่อฟื้นฟูและปรับภูมิทัศน์ครั้งใหญ่ หลังเหตุการณ์ช่วยเหลือทีมหมูป่าติดถ้ำหลวงช่วงกลางปีที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ยังคงเปิดให้เข้าชมเฉพาะที่ขุนน้ำนางนอน ที่มีสระน้ำสีเขียวมรกตสวยงาม ส่วนถ้ำหลวงยังไม่เปิดให้เข้าไปในถ้ำโดยให้ไปถึงบริเวณปากถ้ำตรงศาลเจ้าแม่นางนอนเท่านั้น

ขณะที่ทางเข้าภายในหมู่บ้านจ้องถ้ำ หมู่ 9 ต.โป่งผา นั้นชาวบ้านได้นำป้ายสถานที่จอดรถฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายไปติดตั้ง เพื่อความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยว หลังจากก่อนหน้านี้มีกระแสเรื่องการเก็บเงินจนทำให้ถูกวิพากษ์วิจารย์มาแล้ว ทั้งนี้เจ้าหน้าที่คาดว่าจะมีผู้คนไปเยือนวนอุทยานดังกล่าวมากขึ้น โดยเฉพาะวันหยุดเสาร์ และอาทิตย์ และช่วงที่ จ.เชียงราย เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาแห่งชาติครั้งที่ 46 “เจียงฮายเกมส์” ระหว่างวันที่ 18-28 พ.ย.นี้ด้วย

ด้านนายกวี ประสมพล หัวหน้าวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน กล่าวว่าที่ผ่านมามีกระแสที่ทำให้เกิดความเข้าใจว่าได้มีการเปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมถ้ำหลวง ซึ่งตนขอชี้แจงว่าไม่ได้มีการเปิดถ้ำหลวงแต่อย่างใด โดยปัจจุบันยังคงปิดปากถ้ำไว้ และเปิดให้ไปถึงบริเวณศาลแจ้าแม่นางนอนเท่านั้นแต่สถานที่ที่เปิดคือขุนน้ำนางนอนที่มีสระมรกตดังกล่าว เพียงแต่ทั้ง 2 แห่งนี้อยู่ในวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน เหมือนกันโดยอยู่ห่างกันประมาณ 2 กิโลเมตร กระนั้นได้มีการเปิดให้เข้าถ้ำพระที่มีปากตื้นประมาณ 40 เมตรเพื่อให้ได้สัมผัสถ้ำ

นายกวี กล่าวถึงกระแสเรื่องการเก็บเงินนักท่องเที่ยวว่า กรณีของขุนน้ำนางนอนและถ้ำหลวงถือว่า เป็นเขตวนอุทยาน จึงไม่มีการเก็บเงินค่าเข้าชมใดๆ ทั้งสิ้น โดยนักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้ฟรี แต่เนื่องจากภายในวนอุทยานไม่มีลานจอดรถ และนักท่องเที่ยวต้องเดินเข้าไป ทำให้ชุมชนท้องถิ่นได้จัดทำลานจอดรถ ห่างจากปากทางเข้าขุนน้ำนางนอนประมาณ 500 เมตร ซึ่งก็สามารถจอดได้ฟรีส่วนนักท่องเที่ยวจะเดินไปยังขุนน้ำนางนอนโดยตรงหรือนั่งรถโดยสารที่ชาวบ้านจัดไว้รองรับเพียง 10 บาท และหากไปถ้ำหลวงก็จ่ายเพิ่มอีกเล็กน้อย ก็แล้วแต่ความสมัครใจซึ่งก็ถือว่าสะดวกสบายขึ้นและยังทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในชุมชนอีกด้วย