ทีเอ็มบี แนะทางช่วย SMEs หลุดพ้น 7 พฤติกรรมที่ทำให้ธุรกิจไม่ไปถึงฝัน

ทีเอ็มบี แนะทางช่วย SMEs หลุดพ้น 7 พฤติกรรมของ SMEs ที่ทำให้ธุรกิจไม่ไปถึงฝัน

นางสาวชมภูนุช  ปฐมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าเอสเอ็มอี ทีเอ็มบี กล่าวว่า จากข้อมูลของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) พบสถิติน่าสนใจเกี่ยวกับ SMEs ว่า ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีธุรกิจเกิดใหม่กว่า 70,000 รายต่อปี แต่มีเพียง 50% เท่านั้น ที่ก้าวผ่านปีแรกไปได้ และเมื่อผ่านปีแรกจะมีธุรกิจอีก 10% ที่ไปไม่ถึงฝัน ต้องปิดตัวไปอย่างน่าเสียดาย กลายเป็นโจทย์ใหญ่ต่อยอดไปสู่การศึกษาวิจัยพฤติกรรมการดำเนินธุรกิจของ SMEs ไทย ภายใต้หัวข้อ ‘7 หลุมพรางของ SMEs ที่ทำให้ธุรกิจไม่ไปถึงฝั่งฝัน’

นางสาวชมภูนุช  กล่าวต่อว่า ทีเอ็มบีได้ร่วมกับบริษัทวิจัยชั้นนำ ศึกษาวิจัยพฤติกรรมผ่านการสำรวจทางออนไลน์กับกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ไทยทั่วประเทศ ที่มีรายได้เฉลี่ยอยู่ระหว่าง 1-50 ล้านบาทต่อปี แบบคละประเภทธุรกิจ คละอุตสาหกรรม จำนวน 200 คน ได้แบ่งวงจรชีวิตของ SMEs ออกเป็น 3 ช่วงสำคัญ คือ ช่วงเริ่มต้น ช่วงพัฒนา และช่วงอิ่มตัว

ทั้งนี้ ทีเอ็มบี ได้วิเคราะห์และนำเสนอเป็นบทสรุป ‘7 หลุมพรางของ SMEsที่ทำให้ธุรกิจไม่ไปถึงฝั่งฝัน’ ซึ่งสะท้อนพฤติกรรมการดำเนินธุรกิจของ SMEs ไทยในปัจจุบัน ดังนี้

1. ใช้เงินทุนโดยไม่วางแผน โดย 84% ของ SMEs ใช้เงินเก็บส่วนตัวหรือของครอบครัวมาใช้เป็นเงินตั้งต้นธุรกิจ หากธุรกิจผิดพลาด ตนเองและครอบครัวย่อมจะได้รับผลกระทบทันที ที่น่าสนใจคือ SMEs ราว 27% เลือกใช้เงินทุนตั้งต้นธุรกิจจากการใช้บริการสินเชื่อและการกดเงินสดจากบัตรเครดิต โดยยอมแบกรับกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงเกินความคุ้มค่าระหว่างดอกเบี้ยกับกำไรของธุรกิจ

2. ทำธุรกิจโดยไม่ใช้แผนธุรกิจ มี SMEs มากถึง 72% ยอมรับว่าถึงจะมีแผนธุรกิจหรือไม่มี ก็ไม่เคยทำตามแผน เนื่องจากหมดเวลาไปกับการแก้ปัญหารายวัน และปัญหาเฉพาะหน้า

3. ‘กระเป๋าธุรกิจ’ และ ‘กระเป๋าส่วนตัว’ คือกระเป๋าเดียวกัน พบว่า 67% ของ SMEs มีพฤติกรรมการใช้ ‘เงินธุรกิจ’ กับ ‘เงินส่วนตัว’ ปนกัน อาทิ ให้คู่ค้าโอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัวโดยจำไม่ได้ว่าเงินของส่วนตัวมีอยู่เท่าไร ไม่เคยตั้งเงินเดือนให้ตัวเอง เมื่อต้องการใช้เงินส่วนตัว มักจะเอาเงินได้จากบริษัทออกมาจ่าย และหยิบเงินสดจากเครื่องเก็บเงินออกมาจับจ่ายส่วนตัว โดยไม่ได้จดค่าใช้จ่ายไว้

4. ยอดขายสูง…แต่อาจไม่กำไร 37% ของ SMEs เคยทำพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการขายของขาดทุน ซึ่งเกิดจากหลายปัจจัยด้วยกัน อาทิ 14% ลดราคาสินค้าโดยไม่ได้พิจารณาถึงต้นทุน 14% ลืมใส่เงินเดือนตัวเองลงไปในต้นทุนสินค้า และ 9% คิดเพียงว่าแค่ขายสินค้าให้มากกว่าราคาวัตถุดิบ ก็เท่ากับได้กำไร

5. ทุ่มเวลากับการผลิต จนไม่มีเวลาให้การตลาด พบว่า SMEs ถึง 87% ไม่มีเวลาให้กับการตลาด ทำให้พลาดในการสร้างจุดเด่นหรือสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง ซึ่งการดำเนินธุรกิจของ SMEs ควรแบ่งเป็น 4 ส่วนงาน 1. กระบวนการผลิต 2. งานสำนักงาน 3. การขาย 4. การตลาด ได้แก่ การตลาดและการสร้างแบรนด์

6. ONE MAN SHOW…NO Stand-in 70% ของ SMEsไทย ไม่สามารถหาบุคคลที่จะมาเป็น
‘ตัวตายตัวแทน’ ที่จะตัดสินใจทางธุรกิจแทนได้เลย ขณะที่ 49% ยอมรับว่าพบปัญหาธุรกิจสะดุด หากตนเองไม่อยู่ดูแลหรือขายสินค้าเองในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งส่งผลให้ยอดขายลดลง ออเดอร์หรือฐานลูกค้าหายไปทันที

7.ไม่พร้อมรับมือกับสิ่งใหม่ พบว่ามี SMEs ถึง 62% ที่ขยันสรรหาสิ่งใหม่ๆ มาเพื่อพัฒนาธุรกิจเสมอ ขณะที่อีก 38% ยังไม่พร้อมเปิดรับสิ่งใหม่ เหตุผลส่วนใหญ่คือ 19% เกรงว่าจะมีปัญหาในช่วงเริ่มต้นสิ่งใหม่ 14% ไม่เปิดรับหรือไม่มีเวลาหาข้อมูลสิ่งใหม่ๆ และ 5% มองว่าธุรกิจที่ทำอยู่นั้นดีอยู่แล้ว จึงไม่สนใจที่จะเปลี่ยนแปลงใดๆ

นางสาวชมภูนุช กล่าวสรุปว่า จากข้อมูลที่สรุป ‘7 หลุมพรางของ SMEs ที่ทำให้ธุรกิจไม่ไปถึงฝั่งฝัน’ ทีเอ็มบีจึงมีข้อแนะนำสำหรับ SMEs คือ 1. เลือกเงินทุนและจัดสัดส่วนเงินลงทุนอย่างเหมาะสม คำนึงถึงความเสี่ยงด้วย 2. วางแผนธุรกิจคร่าวๆ ด้วยตนเอง 3. แยกกระเป๋าธุรกิจออกให้เป็นสัดส่วน หรือทำบัญชีรายรับรายจ่ายให้เห็นเงินเข้าออกอย่างชัดเจน 4. คิดต้นทุนให้ครบ 5. หาเครื่องทุ่นแรงหรือคนมาช่วยดูแลธุรกิจ 6. เริ่มคัดเลือก หรือพัฒนาบุคลากร เพื่อวางรากฐานให้มั่นคง 7. การความรู้เพิ่มเติมเพื่อต่อยอดธุรกิจ ด้วยการเดินงานแฟร์ คุยกับที่ปรึกษา SMEsร่วมงานสัมมนา หรือ SMEs Community ต่างๆ เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเพื่อนผู้ประกอบการเพื่อก้าวไปสู่ฝั่งฝันด้วยกัน