โลดแล่นอยู่ในวงการธุรกิจเครื่องนอน เจาะกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงมานานกว่า 6 ปี สำหรับแบรนด์หมอนโรงแรม 6 ดาว Luxury ล่าสุดไม่หยุดนิ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้า ด้วย หมอน ผ้าปูที่นอน ผ้าขนหนู ที่มีเทคนิคการผลิตขั้นสูง นั่นคือ ผลิตจากเส้นใยด้ายคอตตอน พรีเมียม USA ถักทอผสมคอลลาเจนจากปลามิลค์ฟิช (Milkfish) ปลาทะเลน้ำลึก จากประเทศไต้หวัน รายแรกรายเดียวในไทย ผู้บริโภคต้องร้องว้าว

คุณคมศานต์ จิวากานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีลักซ์ โฮเทล ซัพพลาย จำกัด กล่าวว่า บริษัทวิจัยและพัฒนา “หมอนคอลลาเจน” ขึ้นมา โดยได้ไอเดียจากลูกชายเมื่อตอนอยู่ในครรภ์มารดา ซึ่งผิวของเด็กจะมีน้ำคร่ำห่อหุ้ม เสมือนเคลือบด้วยมอยส์เจอร์ไรซ์เซอร์ ตอนคลอดออกมาผิวเด็กเนียนนุ่ม มีสีชมพู แต่ทว่าหลังจากนั้น ผิวจะกร้านตามกาลเวลา เลยเกิดแนวคิดนำคอลลาเจนไปถักทอเป็นผ้าใช้ผลิตหมอนปลอกหมอน ปลอกผ้านวม ภายใต้แบรนด์ “ลักษณ์ซัวรี่ คอตตอน คอลลาเจน”

วัตถุดิบที่จะนำมาเป็นส่วนประกอบของหมอน คุณคมศานต์ ใช้สารสกัดที่ได้จากปลามิลค์ฟิช (Milkfish) จากประเทศไต้หวัน ซึ่งเป็นปลาทะเลน้ำลึก ไปถักทอบนเส้นด้ายคอตตอนพรีเมียมจาก USA ซึ่งจุดเด่นของ “ลัษณ์ซัวรี่ คอตตอน คอลลาเจน” ช่วยลดการสูญเสียความชุ่มชื้นของผิวในเวลานอน ช่วยป้องกันรังสียูวี (UV) ที่เกิดจากโทรศัพท์มือถือ นีออน โทรทัศน์ ฯลฯ ได้ถึง 97.7%  รู้สึกนุ่มสบายถ่ายเทอากาศได้ดี

ด้านกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย คุณคมศานต์  ระบุว่า บุกลูกค้าระดับล่างไปจนถึงระดับบน ส่วนช่องทางการจำหน่ายจะเน้นที่การออกงานแสดงสินค้า ห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตีมอลล์ อาคารสำนักงาน คอน โดมิเนียม และสถานเสริมความงามต่างๆ

“สินค้าในกลุ่ม ลักษณ์ซัวรี่ คอตตอน คอลลาเจน ตั้งเป้าว่าจะมียอดขาย 2 พันล้านบาทภายในปี 2562  ส่วนหลักคิดในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จนั้น มองว่าอยู่ที่มูลค่าของผลิตภัณฑ์ที่ผู้บริโภคจะได้รับกลับไป ซึ่งจะต้องมากกว่าราคาที่จ่ายออกมา โดยการทำธุรกิจของตนจะไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะขายได้กี่บาท หรือได้กำไรเท่าไหร่ แต่จะทำอย่างไรให้สามารถขายได้ก่อน หลังจากนั้นกำไรก็จะตามมาเอง

สำหรับสถานการณ์ตลาดเครื่องนอน ในปี 2561 ผู้บริหาร ระบุว่า มีการแข่งที่ที่สูงมาก โดยเฉพาะตลาดระดับกลาง-ล่าง มีการลดราคา สู้กันอย่างดุดเดือด นอกจากนี้ ยังมีสินค้าจากประเทศจีนมาตีตลาดแข่งอีกด้วย ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น จึงทำให้เกิดสงครามราคาขึ้นในตลาดชุดเครื่องนอน แต่บริษัทไม่ได้รับผลกระทบ เพราะตลาดบนกำลังซื้อยังสูง ประกอบกับสินค้ามีคุณภาพ และแตกต่างจากคู่แข่ง

โดยแผนการตลาดทางบริษัทดังกล่าวภายในปีนี้จะทุ่มงบประมาณกว่า 50ล้านบาท โหมทำการตลาดอย่างหนัก ทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ กระตุ้นให้สร้างการรับรู้กลุ่มลูกค้าใหม่ๆ โดยจะอาศัยช่วงเศรษฐกิจ ที่ไม่ขยายตัว แบรนด์อื่นๆ ไม่ทำการตลาด หรือออกผลิตภัณฑ์ บริษัทจะโหมบุกหนักทำการตลาดชิงจังหวะพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสทางการตลาด

ส่วนแผนการตลาดในต่างประเทศ ปัจจุบันคุณคมศานต์ ได้ร่วมทุนกับนักธุรกิจชาวจีน ไปเปิดร้านจำหน่ายสินค้า ที่ประเทศ ถือได้ว่าตลาดตอบรับดีมาก นอกจากนี้ ยังได้เข้าไปเจรจาธุรกิจกับนักธุรกิจมัลดีฟส์ ขณะนี้อยู่ในขั้นของการเจรจา คาดว่าเร็วๆ นี้ จะสามารถนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายได

อยางไรก็ตาม ปีนี้คุณคมศานต์ คาดว่าธุรกิจภาพรวมของบริษัทจะมีรายได้ 900 ล้านบาท และปี2562 คาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้น มีรายได้ 2,000 ล้านบาท จากปัจจัยบวก เศรษฐกิจฟื้นตัว และการโหมทำการตลาดหนัก