ผู้เขียน | ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
หลังจากคิง เพาเวอร์ เข้าซื้อสโมสรเลสเตอร์ซิตี้ เมื่อปี 2553 คุณวิชัย ศรีวัฒนประภา (ขณะนั้นยังใช้นามสกุล รักศรีอักษร) เคยให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ เผยแพร่ใน www.prachachat.net เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2553 เนื้อความดังนี้
ที่มาของการตัดสินใจซื้อเลสเตอร์ ซิตี้ คืออะไร
ผมไปอยู่อังกฤษมาหลายสิบปี คิดอยู่เสมอว่า ก็อยากจะซื้อทีมฟุตบอลสักทีม ไม่ได้อยากทำการค้า แต่เห็นเด็กและเยาวชนบ้านเราก้าวไปไม่ถึงไหน อยู่แค่ระดับอาเซียน ในเอเชียก็ไม่เคยชนะเกาหลี ญี่ปุ่น เมื่อวันนี้มาถึง ผมพอมีกำลัง มีสตางค์ จึงไม่รีรอ โดยพื้นฐานผมชอบกีฬามาก ทำโปโลมา 15 ปี มีข้อจำกัดคนมีโอกาสเล่นน้อยมาก ต่างจากหันมาทำฟุตบอล คนส่วนมากจะได้ประโยชน์
ผมนำคิง เพาเวอร์ มาเป็นสปอนเซอร์สนับสนุนทีมเชลซีมาหลายครั้งช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมา แถมเป็นคนไทยคนแรก ๆ ที่ซื้อโฆษณาบนขอบสนามการแข่งขันระดับแชมเปี้ยนชิพและพรีเมียร์ยุโรป สมัยนั้นเป็นก้าวแรกการเข้าสู่เส้นทางฟุตบอลระดับโลก ทำให้ชื่อประเทศไทยคุ้นเคยกับแฟนบอลมากขึ้นตามลำดับ
ครั้นจะซื้อทีมใหญ่ก็คงไม่มีปัญญา จึงเฝ้ามองหาทีมเล็กปั้นให้เติบโต เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมนี้มีความพร้อมที่สุดสำหรับผม การสร้างทีมเล็กหรือใหญ่ไม่ใช่ปัญหา ขึ้นอยู่กับคุณภาพพัฒนาการของนักเตะและวิธีบริหารจัดการให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด หากคิดเป็นธุรกิจตั้งแต่วันแรกก็คงทำไม่สำเร็จแน่นอน เนื่องจากไม่รู้ชะตากรรมว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ทุกอย่างอยู่ที่ความพึงพอใจมากกว่าว่าลงทุนเพื่ออะไร เหมือนกับการเช่าพระเครื่อง เซียนแต่ละคนมองคุณค่าตีราคาต่างกันไป ครั้งนี้ผมโชคดีได้เจอและนั่งคุยถูกคอกับมิลาน แมนดาริช เจ้าของและประธานสโมสร จึงใช้เวลาไม่เกิน 2 เดือน ตกลงซื้อหุ้นเกิน 51% ตั้งเป้าหมายร่วมกันว่า จะต้องยกระดับเลสเตอร์ ซิตี้ จากแชมเปี้ยนชิพ ขึ้นไปอยู่พรีเมียร์ลีกให้ได้
ในสัญญามีข้อตกลงร่วมอะไรบ้าง
คิง เพาเวอร์ ถือหุ้นเกิน 51% เป็นผู้สนับสนุนด้านการเงินเป็นหลัก เมื่อขั้นตอนการลงนามสัญญาเสร็จเรียบร้อย งวดแรกจะต้องจ่ายเงินเข้าสโมสรทันที 40 ล้านปอนด์ และจะทยอยชำระเป็นงวดตลอด 2 ปีนี้ ทั้งหมดจะไม่เกิน 100 ล้านปอนด์ แต่ระบุจำนวนให้ชัดเจนตอนนี้ไม่ได้เพราะยังมีเรื่องค่าตัวนักเตะ การทำทีม ซื้อตัวผู้เล่น ต้องทำอีกหลายเรื่อง ทางเรามีหน้าที่สนับสนุนเงิน ส่วนทางเขามีภารกิจหลักต้องบริหารจัดการสร้างทีมขึ้นชั้นพรีเมียร์ลีกให้ได้
ตอนแรกคุณมิลานเสนอให้ผมเข้าไปเป็นประธาน แต่ผมบอกไปว่ายังใหม่กับฟุตบอลมาก เป็นเด็กใหม่ในวงการนี้ รายได้กับตำแหน่งไม่ใช่เรื่องสำคัญ ผมจึงขอให้มิลานทำหน้าที่ประธานต่อไป ส่วนทางผมมอบหมายให้ อัยวัฒน์ รักศรีอักษร ลูกชายคนเล็ก เข้าไปนั่งเป็นผู้อำนวยการบริหาร 1 ตำแหน่ง
ผมชอบมิลานมาก ตรงเขาเป็นผู้ใหญ่ที่บอกถึงปัญหา พูดเปิดอกถึงความต้องการของสโมสรเลสเตอร์ เรื่องหลักคือต้องการผู้ร่วมทุนหรือพันธมิตร โดยไม่ได้เอ่ยปากพูดกันถึงจะทำให้เป็นธุรกิจเลย มุ่งมั่นพัฒนากีฬา นักเตะ และการขยายเครือข่ายสถาบันการศึกษา (academy) ฟุตบอลจากยุโรปมาสู่เอเชีย
ส่วนผมขอใช้ประโยชน์เลสเตอร์ อะคาเดมี ขณะนี้มีสมาชิกเยาวชนอายุ 9-18 ปี อยู่ประมาณ 200 คน มีสนามฝึกซ้อมในร่ม 2 แห่ง สนามกลางแจ้งอีก 4 แห่ง ทางคิง เพาเวอร์ สามารถทำโครงการแลกเปลี่ยนการถ่ายทอดทักษะ เทคนิค วิธีเล่นระดับอินเตอร์แก่เยาวชนไทย เพราะหลักการฝึกเขาใช้วิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามาช่วยเต็มรูปแบบ ตั้งแต่การเสริมสร้างกล้ามเนื้อ อาหาร พลังงาน ประเมินผลพัฒนาการทุกส่วนด้วยประสิทธิภาพสูง ต่างจากบ้านเราไม่มีความรู้เรื่องเหล่านี้เท่าไร
วางแผนเปิดฟุตบอลอะคาเดมีในไทยด้วยหรือไม่
ครับ ผมคิดเรื่องนี้ ทันทีที่เซ็นสัญญานอกจากพัฒนาฟุตบอลเยาวชนไทยแล้ว ยังควรต้องยกระดับประเทศไทย ทำกรุงเทพฯเป็นศูนย์กลางอะคาเดมีดีที่สุดของเอเชีย อนาคตผู้ปกครองไม่ต้องส่งลูกหลานไปถึงอังกฤษ มาที่นี่ก็ฝึกในรูปแบบเดียวกัน ผมตกลงกันไว้จะนำโค้ชจากเลสเตอร์ และเยาวชนนักเตะบางส่วนมาสอนแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ รวมถึงเมื่อเปิดอะคาเดมีแล้วก็ส่งเด็กไปฝึกที่อังกฤษด้วยก็ได้ จะรับสมาชิกระดับเยาวชนอายุ 9-20 ปี ส่วนค่าใช้จ่ายยังคำนวณไม่ได้ มีให้เลือกหลายวิธี ถ้าเป็นนักเตะศักยภาพสูงมีพรสวรรค์อาจฝึกฟรี เพื่อปั้นเข้าสู่สโมสรอื่นที่สนใจ
ภายในเดือนตุลาคมนี้ มิสเตอร์เปาโล โซซ่า ผู้อำนวยการสโมสร จะพาทีมงานมาดูสถานที่เพื่อลงทุนเปิดเลสเตอร์ อะคาเดมี ในเมืองไทยให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี เตรียมไว้ 2 แห่ง คือแห่งแรก บริเวณหมู่บ้านศรีวลีน้อย หลังสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ ผมซื้อแล้วสร้างเป็นหมู่บ้านให้พนักงานอาศัย ยังมีที่ดินว่างอีก 200 ไร่ แห่งที่ 2 พื้นที่ในบริเวณสนามโปโลปัจจุบัน
จะทำอะไรมากไปกว่านี้อีกหรือไม่
ผมคงไม่หยุดแค่นี้ อนาคตวางแผนจะนำซูเปอร์สตาร์นักเตะระดับโลก สร้างแมตช์จัดการแข่งขันในไทย สร้างชื่อเสียงให้ประเทศดังไปทั่วโลก แถมได้ช่วยขยายผลด้านเศรษฐกิจการท่องเที่ยวไปพร้อมกัน เพราะซูเปอร์สตาร์เหล่านี้สามารถเป็นประตูเชื่อมความสัมพันธ์ที่ดีอื่นๆ แก่คนไทยได้อีกมาก