บอร์ดสสว.อนุมัติ 1,234 ล้านบาทลุยช่วยเอสเอ็มอีปี62

นายสุวรรณชัย โลหะวัฒนกุล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า การดำเนินงานของ สสว. ที่ผ่านมาในปี 2559-2561 ได้ดำเนินการขับเคลื่อน SME ภายใต้แผนบูรณาการ SME โดยดำเนินงานร่วมกับ 9 กระทรวง และ 25 หน่วยงาน ก่อให้การเพิ่มผลิตภาพและมูลค่าผลิตภัณฑ์ ดังนี้ เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ 17,273 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการลดต้นทุนการผลิต 13,842 ล้านบาท ลดของเสียในการผลิต 3,431 ล้านบาท เพิ่มผลผลิต 8,986 กิจการ มูลค่ายอดขายเพิ่มขึ้น 25,438 ล้านบาท เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์/ต่อยอดเชิงผลิตภัณฑ์ 240,547 ผลิตภัณฑ์ เกิดการจ้างงานใหม่ 14,994 ราย

สำหรับการดำเนินงานปี 2562 ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เฉพาะกิจ) ครั้งที่ 2/2561 เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 2561 มีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯ ซึ่งที่ประชุม มีมติเห็นชอบในเรื่องดังกล่าวต่อไปนี้

1. เห็นชอบการจัดสรรเงินกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ประจำปี 2562 แผนการดำเนินงาน แผนการเงินและงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ภายใต้แผนบูรณาการพัฒนาผู้ประกอบการ เศรษฐกิจชุมชน และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมสู่สากล จำนวน 1,234.7077 ล้านบาท เป็นเงินงบประมาณ จำนวน 974.7077 ล้านบาท และเงินงบประมาณจากกองทุนสสว. อีกจำนวน 260 ล้านบาท เพื่อเป็นงบประมาณสำหรับการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ตามแผนยุทธ์ศาสตร์ 4 ด้านของ สสว. ปี 2562 ในการส่งเสริม SME ของประเทศ
 
2. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดจำนวนการจ้างงานหรือรายได้ของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. … เพื่อใช้ในการกำหนดกลุ่มเป้าหมายในการส่งเสริม สนับสนุน และช่วยเหลือผู้ประกอบการ จากเดิมที่ได้กำหนดนิยามวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมตามกฎกระทรวงได้กำหนดจำนวนการจ้างงานและมูลค่าสินทรัพย์ถาวรของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2545 ไว้คือ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม มีจำนวนแรงงงาน 50-200 คน สินทรัพย์ถาวรไม่รวมที่ดิน 50-200 ล้านบาท

โดยการดำเนินงานในเรื่องที่ผ่านมาคือ สสว. ได้ดำเนินการทบทวนและกำหนดนิยามวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมใหม่ โดยพิจารณาจากการศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง อาทิ จำนวนการจ้างงาน มูลค่าทรัพย์สินถาวร (ไม่รวมที่ดิน) รายได้ ทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว รวมทั้งศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ การพิจารณาถึงข้อดีและข้อจำกัดของเกณฑ์ต่างๆ การศึกษานิยาม SME ของต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศที่มีโครงสร้างของจำนวน SME ที่ใกล้เคียงกับประเทศไทย เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน เกาหลีใต้ และสหรัฐอเมริกา ซึ่งพบว่าการกำหนดนิยามส่วนใหญ่จะมีการกำหนดนิยามของวิสาหกิจรายย่อย (Micro Enterprise) ไว้ด้วย และเกือบทุกประเทศจะกำหนดนิยามวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมโดยใช้เกณฑ์การจ้างงานหรือรายได้กิจการ ซึ่งสรุปได้ดังนี้

-นิยามวิสาหกิจรายย่อย ภาคการผลิต บริการ/การค้า (ค้าส่ง-ค้าปลีก) จำนวนแรงงานไม่เกิน 5 คน รายได้กิจการ ไม่เกิน 1.8 ล้านบาท

-นิยามวิสาหกิจขนาดขนาดย่อม ภาคการผลิต แรงงานไม่เกิน 50 คน รายได้ ไม่เกิน 100 ล้านบาท ภาคบริการ/การค้า แรงงานไม่เกิน 30 คน รายได้ไม่เกิน 50 ล้านบาท-วิสาหกิจขนาดกลาง ภาคผลิต แรงงานไม่เกิน 200 คน รายได้ไม่เกิน 500 ล้านบาท ภาคบริการ แรงงานไม่เกิน 100 คน รายได้ไม่เกิน 300 ล้านบาท  และภาคการค้า แรงงานไม่เกิน 50 คน รายได้ไม่เกิน 300 ล้านบาท โดยในกรณีที่จํานวนการจ้างงานเข้าลักษณะของวิสาหกิจขนาดหนึ่ง แต่จำนวนรายได้เข้าลักษณะของวิสาหกิจอีกขนาดหนึ่ง ให้ถือ จํานวนการจ้างงานหรือรายได้ที่มากกว่า เป็นเกณฑ์ในการพิจารณา และจะต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป

3.เห็นชอบการจัดสรรเงินกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม จำนวน 16 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 12 เดือน เพื่อดำเนินโครงการต้นแบบการแก้ไขปัญหาความยากจน จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยความเป็นมาคือ เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2561  นายกรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่เพื่อพบประชาชนชาวจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อติดตามการดำเนินโครงการตามนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาความยากจน และมีข้อสั่งการให้ สสว. ดำเนินการส่งเสริมผลิตภัณฑ์จากอาหาร การพัฒนาผลผลิตทางการเกษตรอย่างครบวงจรและเพิ่มมูลค่าผลผลิตทางการเกษตรสู่ผลิตภัณฑ์อาหารอนาคต