เล็งแจกชาวสวนยางอีกรายละ 3-4.5 หมื่นบาท ให้ชะลอกรีดยาง แก้ราคาร่วง

เล็งแจกชาวสวนยางอีก 3-4.5 หมื่นบาท – รอกฤษฎีกาตีความ กยท. กู้เงิน 9 พันล้าน ชะลอกรีดยาง 3 เดือน อ้างแก้ปัญหาราคายางตกต่ำได้

แจกชาวสวนยางรายละ 3-4.5 หมื่น – นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า สั่งการให้การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ทำหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อขอให้ตีความในข้อกฎหมายของกยท. ว่าสามารถขอกู้เงินจากสถาบันการเงิน มาใช้ส่งเสริมการประกอบอาชีพ ในช่วงที่ชะลอการกรีดยาง พ.ย. 2561 – ม.ค. 2562 วงเงิน 9,000 ล้านบาท โดยให้รัฐบาลเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ให้ หากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเห็นชอบ จะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาโครงการส่งเสริมอาชีพชาวสวนยางในช่วงการหยุดกรีดต่อไป

สำหรับโครงการส่งเสริมอาชีพชาวสวนในช่วงหยุดกรีดยางพารา กำหนดพื้นที่ส่งเสริมไว้ 3 ล้านไร่ เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับเงินชดเชยระหว่างนี้ ไร่ละ 3,000 บาท รายละไม่เกิน 10-15 ไร่ ทั้งหมดต้องเป็นเกษตรกรรายย่อยที่เป็นสมาชิกของกยท. เท่านั้น การกำหนดพื้นที่ชะลอกรีดจะพิจารณาจากกลุ่มสหกรณ์ เป็นหลัก เพื่อให้สามารถควบคุมการงดกรีดในช่วงเวลาที่กำหนดได้ คาดว่าวิธีการนี้จะส่งผลให้น้ำยางหายไปจากตลาดได้อย่างน้อย 2 แสนตัน

“หากคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย (บอร์ด กยท.) เห็นชอบแล้ว แต่เรื่องเงินชดเชยยังไม่มี หากกฤษฎีกาเห็นชอบให้กู้ได้ รัฐบาลจะค้ำประกันให้และกยท. จะผ่อนชำระคืนภายหลัง ซึ่งเกษตรกรต้องหยุดกรีดจริงไม่งั้นมาตรการก็จะไม่ได้ผล”

หากมาตรการนี้ไม่มีปัญหา เกษตรกรชาวสวนยางจะได้เงินอุดหนุนที่เข้าร่วมโครงการ รายละ 1,000 บาทต่อไร่ ระยะเวลา 3 เดือน หากได้ข้อสรุปว่าช่วยเหลือรายละ 10 ไร่ เกษตรกรจะได้เงินรายละ 30,000 บาท แต่หากสรุปว่าช่วยเหลือรายละ 15 ไร่ ชาวสวนจะได้รายละ 45,000 บาทใน ระยะเวลา 3 เดือน ส่วนการชดเชยรายได้เกษตรกร ครัวละ 500 บาทต่อไร่ไม่เกิน 6 ไร่ หรือเฉลี่ยครัวเรือนละ 3,000 บาท เนื่องจากที่ผ่านมาราคายางตกต่ำ นั้น กระทรวงเกษตรฯ ได้ยกเลิกไปแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคายางพาราเมื่อวันที่ 3 ต.ค.นี้ ที่ ตลาดกลาง กยท. ยางแผ่นรมควันปรับตัวสูงขึ้นตามความต้องการของผู้ประกอบการภายในประเทศ ราคากลางเปิดตลาด ประจำวันอยู่ที่ 42.15 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) โดยปิดตลาดสูงสุด ณ 3 ตลาด ได้แก่ ตลาดกลางสงขลา ตลาดกลางสุราษฎร์ธานีและตลาดกลางนครศรีธรรมราช ราคาอยู่ที่ 42.47 บาท/กก.

สถานการณ์ราคายางในเดือนก.ย.ที่ผ่านมา จากการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน ราคายางอาจได้รับปัจจัยกดดันจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น และราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับตัวผันผวน รวมทั้งนักลงทุนระมัดระวังการซื้อ-ขายในตลาดล่วงหน้า เนื่องจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ซึ่งสหรัฐได้ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีกครั้ง โดยจีนออกมาตรการตอบโต้เช่นกัน อาจส่งผลให้ราคายางในตลาดจริงมีแนวโน้มปรับตัวตาม ตลาดล่วงหน้าซึ่งอยู่ในช่วงขาลง และปริมาณสต๊อกยางยังคงอยู่ในระดับสูง

อย่างไรก็ตาม ราคายางได้รับปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาและการขยายตลาดให้ครอบคลุมพื้นที่ปลูก รวมทั้งเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อที่ไม่ใช่ภาคการผลิต (PMI) อยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ ว่าเศรษฐกิจยังขยายตัว และมีฝนตกชุกในพื้นที่ปลูกยางส่งผลให้ปริมาณยางออกสู่ตลาดน้อย จึงคาดว่าราคายางช่วงครึ่งหลังของเดือนก.ย. 2561 ปรับตัว อยู่ในกรอบที่จำกัด แต่ก็มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น

 

ที่มา ข่าวสดออนไลน์