ม็อบรถตู้ ร้อง บิ๊กตู่ ใช้ม.44ให้วิ่งต่อ! นัดบุกทำเนียบ ขู่ถ้านิ่งเฉยจะไม่เลือกเป็นนายกฯ

ม็อบรถตู้-ศาลปกครองยกคำร้องขอไต่สวนฉุกเฉินกลุ่มรถตู้โดยสารหมดอายุ เหตุรับฟังไม่ได้ว่ามีเหตุฉุกเฉินตามคำร้อง “ศรีสุวรรณ จรรยา” เดินหน้าต่อยกขบวนไปร้อง “บิ๊กตู่” ให้งัด ม.44 ช่วยเหลือ ฮึ่มหากนิ่งเฉยชาวรถตู้จะไม่เลือกให้กลับมาเป็นนายกฯ ผู้ประกอบการวอนยืดอายุรถกรุงไปอีก 5 ปี เพราะวิ่งน้อยไม่บอบช้ำมาก

ส่วนต่างจังหวัดขอให้เปลี่ยนใหม่เป็นรถตู้แทนมินิบัส เพราะค่าใช้จ่ายต่างกันมาก คมนาคมยันรถตู้หมดอายุล็อตนี้แค่ 500 คัน ไม่ใช่กว่าพันตามที่ปล่อยข่าว แต่สั่งขสมก.จัดรถไว้รองรับบรรเทาความเดือดร้อนให้ผู้โดยสารแล้ว ฟิวเจอร์พาร์คเข้ม ห้ามรถหมดอายุใช้พื้นที่จอด

 

เมื่อวันที่ 1 ต.ค. สำนักงานศาลปกครอง ถ.แจ้งวัฒนะ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย นำตัวแทนผู้ประกอบการรถตู้สาธารณะในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด กว่า 100 คน ติดตามความคืบหน้าคดีหมายเลขดำที่ 793/2561 ที่ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองขอให้มีการไต่สวนฉุกเฉิน กรณีคำสั่งของกรมการขนส่งทางบก ระบุว่ารถตู้ที่มีอายุการใช้งานเกิน 10 ปีขึ้นไปจะต้องหยุดให้บริการ ทำให้ผู้ประกอบการและประชาชนผู้ใช้บริการได้รับผลกระทบจำนวนมาก จึงขอยืดเวลาใช้งานจาก 10 ปี เป็น 15 ปี เพื่อหาเงินมาจัดหารถคันใหม่เพื่อมาให้บริการต่อไป การที่กรมขนส่งทางบกใช้อำนาจทางปกครองบีบบังคับให้รถตู้หยุดใช้บริการแล้วจัดหารถคันใหม่นั้นไม่เป็นธรรม และมีการเลือกปฏิบัติอย่างชัดเจน

นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า ถ้าเปรียบเทียบกับรถที่กรมการขนส่งทางบกให้การควบคุมดูแล เช่น รถ ขสมก. บขส. มีสภาพเก่ากว่าอายุการใช้งานบางคันไม่ต่ำกว่า 20 ปี หรือรถตู้ชนิดอื่น เช่น รถพยาบาล รถรับส่งนักเรียน ที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 10 ปีขึ้นไป ยังวิ่งให้บริการได้ ดังนั้น รถสาธารณะทุกรูปแบบที่มีอายุการใช้งานเกิน 10 ปี จะต้องยุติให้บริการเหมือนกันหมด ทั้งนี้ การเลือกปฏิบัติเป็นเรื่องที่ต้องแถลงให้ศาลปกครองรับทราบว่าการใช้อำนาจไม่เป็นไปด้วยความชอบธรรม

ต่อมาศาลปกครองมีหนังสือแจ้งว่า พิจารณาคำขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อกำหนดมาตรการหรือวิธีการอย่างใดชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาในคดี ที่นายศรีสุวรรณกับพวกรวม 731 คน เห็นว่า กรณีดังกล่าวยังฟังไม่ได้ว่ามีเหตุฉุกเฉินตามคำร้อง ศาลจึงมีคำสั่งยกคำร้องขอไต่สวนฉุกเฉิน แต่ศาลจะยังพิจารณาคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวต่อไป

นายศรีสุวรรณ กล่าวหลังรับทราบเรื่องศาลปกครองยกคำร้องขอไต่สวนฉุกเฉินว่า ชาวรถตู้ทั้ง 1,800 คัน จะไปยื่นคำร้องขอต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. เพื่อขอใช้อำนาจตาม ม.44 ในการแก้ไขปัญหาให้อีกครั้งหนึ่ง ในวันที่ 2 ต.ค. เวลา 10.30 น. ที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนฯ ทำเนียบรัฐบาล

“ชาวรถตู้ฝากบอกมาว่า ถ้านายกฯไม่ช่วยในครั้งนี้ จะบอกกันปากต่อปากให้สมาชิกและครอบครัวรถตู้กว่า 16,000 คันทั่วประเทศ ไม่ให้สนับสนุนพรรคการเมืองที่หนุนนายกฯ ให้กลับมาเป็นนายกฯอีกรอบแน่นอน ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ไม่ช่วยเรา เราก็ไม่ต้องเลือกพล.อ.ประยุทธ์ให้กลับมาเป็นนายกฯเป็นครั้งที่ 2 เพราะแม้ว่าจะมี ม.44 อยู่ในมือแต่ก็ไม่ได้ช่วยเหลือผู้ประกอบการรถตู้เลย” นายศรีสุวรรณกล่าว

นางรุ่งเรือง ทองคำ ฝ่ายประชาสัมพันธ์รถตู้ต่างจังหวัด กล่าวว่า ในวันนี้ศาลยกคำร้องขอไต่สวนฉุกเฉิน ที่กรมการขนส่งทางบกมีคำสั่งห้ามรถตู้โดยสารที่มีอายุมากกว่า 10 ปี วิ่งบนท้องถนนไม่สามารถทำได้นั้น จึงอยากขอให้รถตู้หมวดที่ 2 คือ รถตู้ที่วิ่งจาก กรุงเทพฯ ไปยังต่างจังหวัด เมื่อรถมีอายุการใช้งานมากกว่า 10 ปี จะต้องเปลี่ยนรถนั้น ขอเปลี่ยนจากรถตู้เป็นรถตู้เหมือนเดิม โดยล่าสุดทางกรมการขนส่งทางบกอนุมัติให้เปลี่ยนจากรถตู้เป็นรถมินิบัส ทางผู้ประกอบการไม่ไหวในเรื่องค่าใช้จ่าย หากเป็นรถตู้จะผ่อน 20,000 บาทต่อเดือน แต่หากเปลี่ยนเป็นมินิบัสจะต้องผ่อนรถเดือนละ 30,000-40,000 บาท อีกทั้งยังมี 20 ที่นั่ง กว่ารถจะเต็มใช้เวลานาน และรถมินิบัสใช้น้ำมันดีเซลต่างจากรถตู้ที่ใช้แก๊ส ค่าใช้จ่ายจึงแตกต่างกัน

ส่วนรถตู้หมวดที่ 1 คือ รถตู้ที่วิ่งในกรุงเทพฯ ไม่บอบช้ำเพราะวิ่งในความเร็วที่จำกัด ดังนั้น จึงขอขยายอายุอีก 5 ปี เพราะอีก 3 ปีข้างหน้า รถไฟฟ้าจะมารายได้จะลดลง และสาเหตุที่เกิดอุบัติเหตุนั้น ส่วนใหญ่เกิดในต่างจังหวัด ขณะที่ในกรุงเทพฯ เกิดน้อยมาก เนื่องจากขับในความเร็วที่จำกัด ส่วนรถต่างจังหวัดอยากให้มองว่า สาเหตุที่เกิดอุบัติเหตุไม่ได้เกิดจากรถ แต่เกิดจากตัวบุคคล

วันเดียวกัน นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ รองปลัดกระทรวงคมนาคม หัวหน้ากลุ่มภารกิจการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านทางหลวง รรท.อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยถึงกรณีรถตู้โดยสารประจำทางที่วิ่งเส้นทางในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล 20 เส้นทาง ครบกำหนดอายุ 10 ปี วันที่ 30 ก.ย. และหยุดวิ่งให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.เป็นต้นไปว่า จะมีรถตู้ครบอายุการใช้งาน 10 ปี ในวันที่ 30 ก.ย. เพียง 584 คัน มิใช่มากถึง 1,800 คัน ดังที่ปรากฏเป็นข่าวผ่านสื่อต่างๆ

เพื่อการติดตามและแก้ไขปัญหาการเดินรถตู้โดยสารประจำทาง พร้อมประเมินสถานการณ์การเดินรถอย่างต่อเนื่องให้เพียงพอ ไม่ให้ส่งผลกระทบแก่ประชาชนผู้ใช้บริการ คณะทำงานได้มีการตั้งศูนย์ติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อแก้ปัญหาและการสำรองรถ ไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน ในเบื้องต้นกรมการขนส่งทางบกให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จัดรถตู้โดยสารที่ให้บริการในเส้นทางอื่นที่มีปริมาณรถมากแบ่งมาเสริมในเส้นทางที่มีรถตู้ไม่เพียงพอตามสัดส่วน พร้อมจัดรถโดยสารปรับอากาศจำนวน 65 คัน สำรองให้บริการรับ-ส่งผู้โดยสารทันทีที่รถตู้มีไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน โดย ขสมก.จะส่งรถโดยสารมาสำรองในพื้นที่ทั้ง 4 จุด เริ่มตั้งแต่เวลา 05.30 น. ของวันที่ 1 ต.ค.เป็นต้นไป

 

นอกจากนี้ กรมการขนส่งทางบกจัดตั้งศูนย์บริการเบ็ดเสร็จรถตู้โดยสารประจำทาง บริเวณอาคาร 3 ชั้น 1 อำนวยความสะดวกให้คำปรึกษาแนะนำกรณีรถตู้โดยสารประจำทางจะครบกำหนดอายุ 10 ปี และขั้นตอนการจดทะเบียนรถแบบเบ็ดเสร็จ เพื่อช่วยเหลือเจ้าของรถในกรณีมีความประสงค์ที่จะทำการเปลี่ยนรถทดแทนรถคันเดิมที่หมดอายุ ขณะนี้พบว่าเจ้าของรถตู้คันเดิมได้แจ้งความประสงค์และยื่นขอเปลี่ยนรถกับขสมก.แล้ว 391 คัน

ด้าน นายปัญญา เลิศหงิม ประธานชมรมรถตู้โดยสารกรุงเทพฯ และปริมณฑล ประธานรถตู้สาย ต.84 เอ เส้นทางจตุจักร-รังสิต เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา บริษัท คอมมอนวิว จำกัด บริษัทที่รับผิดชอบดูแลให้บริการที่จอดรถของศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ทำหนังสือส่งมายังผู้ประกอบการรถตู้สาธารณะที่ทำสัญญาเช่าพื้นที่ห้างเป็นคิวจอดรถตู้ ขอให้ปฏิบัติตามสัญญาและการจัดระเบียบรถตู้สาธารณะของกรมการขนส่งทางบก

โดยห้ามผู้ประกอบการรถตู้นำรถตู้โดยสารสาธารณะที่มีอายุการใช้งานเกิน 10 ปี มาจอดและให้บริการภายในพื้นที่ตามสัญญาเช่า จนกว่าจะดำเนินการแก้ไขและเปลี่ยนรถตู้สาธารณะให้ถูกต้องตามกฎหมาย หากบริษัทตรวจพบการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องตามที่ทางราชการกำหนด บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการระงับการนำรถตู้มาจอดและให้บริการในพื้นที่ตามสัญญา

นายปัญญา กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินผลกระทบผู้โดยสารกรณีรถหยุดวิ่งจากกรณีหมดอายุ เพราะบางคนยังอยู่ระหว่างเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ หลังจากหยุดเสาร์-อาทิตย์ อาจจะต้องรอดูต่อไปอีก 1-2 วัน อย่างไรก็ตาม ต้องการให้ภาครัฐตั้งคณะทำงานขึ้นมาเยียวยากลุ่มผู้ขับขี่ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป เพราะหลายคนไม่ประสงค์จะขับรถตู้ต่อไป เนื่องจากไม่มีกำลังเพียงพอที่จะซื้อรถใหม่มาให้บริการ การเยียวยาอาจจะเป็นการหางานให้ทำ เพื่อให้สามารถเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ เนื่องจากบางคนขายไร่ขายนาจากต่างจังหวัด ซื้อรถตู้มาวิ่งให้บริการ และบางคนยังผ่อนรถไม่หมด เพราะเป็นการซื้อรถตู้ต่อจากคนอื่นมาให้บริการจึงยังติดไฟแนนซ์อยู่ เป็นต้น

สำหรับบรรยากาศในเส้นทางให้บริการรถตู้โดยสาร เช้าวันจันทร์ที่ผู้โดยสารนิยมใช้บริการเพื่อไปทำงาน หรือไปยังจุดหมายปลายทาง พบว่าต่างเดือดร้อนกันทั่วหน้า โดยส่วนใหญ่ต้องเสียเวลากับการรอคิวเพื่อขึ้นรถตู้เป็นเวลานาน เนื่องจากรถตู้ขาดระยะ นอกจากนี้ ในโลกโซเชี่ยลมีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง

น.ส.ชนิดา (ขอสงวนนามสกุล) ผู้โดยสารบริเวณท่ารถตู้ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี กล่าวว่า ใช้รถตู้โดยสารเป็นประจำในการไปทำงาน แต่คิดว่าน่าจะมีการแก้ปัญหารองรับอยู่แล้ว แม้รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไร แต่ไม่คิดว่าจะต้องยืนรอนาน เห็นทางเจ้าหน้าที่ลงมาช่วยอยู่ ซึ่งการรอรถตู้ก็ส่วนใหญ่เป็นการรอในวันจันทร์ แต่ตอนนี้ยังไม่มีวี่แววเลยว่าจะได้ไปรถอะไร

นายชัยยุทธ (ขอสงวนนามสกุล) อีกหนึ่งผู้โดยสาร กล่าวว่า ไปทำงานก็จะต่อรถจากที่นี่ไปอนุสาวรีย์ชัยฯ และต่อรถไฟฟ้า รู้สึกว่ารถตู้น้อยลงทำให้รอนานขึ้น เนื่องจากวันนี้เป็นวันจันทร์ปกติจะรอนานอยู่แล้ว ถ้าเป็นวันธรรมดาจะรอรถประมาณสัก 20-30 นาที แต่วันจันทร์อาจจะมีการรอมากกว่าครึ่งชั่วโมงขึ้นไปถึง 1 ชั่วโมง เนื่องจากคนต่างจังหวัดจะมาลงรถทัวร์ที่นี่แล้วต่อรถตู้เข้าไปทำงานในกรุงเทพฯ

 

ที่มา ข่าวสดออนไลน์