เลือดข้นไอติมจาง ชิง “ไผ่ทอง” เปิดหมดเปลือก ลูกเปิดธุรกิจแข่งแม่ อ้างพ่อยกมรดก!

เลือดข้นไอติมจาง ชิง “ไผ่ทอง” เปิดหมดเปลือก ลูกเปิดธุรกิจแข่งแม่ อ้างพ่อยกมรดก!

จากกรณี ข่าวไอติมไผ่ทองปลอม จนบานปลายกลายเป็น เรื่องเลือดข้นไอติมจาง! เมื่อพี่น้องตระกูลไอศกรีมดังแย่งชิง “แบรนด์ไผ่ทอง” ที่เป็นข่าวดังในโซเชียล และมีประเด็นการฟ้องร้องเรื่องปลอมแปลงเครื่องหมายตราสินค้า

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์ น.ส.รตา ชัยผาติกุล บุตรสาวคนเล็กของครอบครัว ถึงประเด็นดังกล่าว โดยเปิดเผยว่า สินค้า “ไผ่ทองไอสครีม” เป็นของครอบครัวตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ โดยมีคุณสุนีย์ ซึ่งเป็นพี่สาวของตน เป็นผู้คิดค้นคำว่า “ไผ่ทองไอสครีม” โดยใช้ไอศกรีมสะกดด้วย ส.เสือ ส่วนคุณปรีชาลูกคุณโตเป็นคนจ้างช่างวาด คุณสุนีย์และคุณปรีชาคิดว่า ไผ่ทองไอสครีม เป็นตราสินค้าของพ่อแม่

แต่เจ้าของร้านจริงๆ ก็คือคุณสุนีย์ แค่ทำงานร่วมกันในขอบข่ายของความเป็นครอบครัว คือกงสี เพราะก่อนหน้านี้บ้านตนทำธุรกิจแบบไม่เป็นนิติบุคคล เหมือนทำกันเองในครอบครัว จนปี 2526 ถึงเริ่มเป็นตราต้นไผ่ แต่เจ้าของยังเป็นชื่อคุณสุนีย์อยู่

ส่วนประเด็นว่าคุณบุญชัยกล่าวอ้างว่าพ่อยกธุรกิจให้ ตนอยากถามกลับว่าถ้าพ่อยกให้ทำไมพ่อเปิดบริษัทใช้ชื่อพ่อ คือ หจก.ไผ่ทองซีกิมเซ็ง ทำไมพ่อไม่เปิดบริษัทชื่อลูกชายที่ยกให้ ซึ่งตนมีเอกสารหลักฐานไม่ใช่พูดกล่าวอ้างลอยๆ โดยจดตราสินค้า พ.ศ. 2526 กระทั่ง ปี 2541 ถึงเปิดบริษัทชื่อ หจก.ไผ่ทองซีกิมเซ็ง แล้วค่อยจดเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดไผ่ทองซีกิมเช็ง โดยมีคุณพ่อเป็นหนึ่งในกรรมการ

น.ส.รตา กล่าวว่า เรื่องที่คุณบุญชัยปลอมแปลงลายเซ็นแม่ตอนนี้ศาลรับฟ้องแล้ว ส่วนเรื่องการปลอมแปลงเครื่องหมายตราสินค้ากำลังอยู่ในกระบวนการของศาล ประเด็นที่คุณบุญชัยปลอมแปลงลายเซ็นแม่เริ่มจากคุณบุญชัยเปิดบริษัท ชัยกิจเอสซีเค เมื่อ ปี 2546 วัตถุประสงค์คือการจำหน่ายรถ

แต่ตนไม่รู้รายละเอียดบริษัท จนเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ตนเริ่มดำเนินการทางกฎหมายกับเขา ทางทนายต้องคัดเอกสารต่างๆ ขึ้นมา จึงได้รู้ว่าตอนที่เขาเปิด เขาได้ปลอมลายเซ็นแม่ ส่วนเรื่องที่คุณบุญชัยบอกว่าแม่ให้เขาเซ็น ตนอยากให้มาถามแม่โดยตรง ขณะนี้พักอยู่ที่โรงพยาบาล

คุณบุญชัยใช้ชื่อบริษัทเอสซีเคมาตลอด จนกระทั่งพ่อเสียชีวิต เมื่อ พ.ศ. 2557 ถึงมาเปลี่ยนเป็นบริษัทไผ่ทองไอศครีม เพราะพ่อเคยสั่งเขาว่าอย่าเปิดโรงไอศกรีมในชื่อเดียวกัน ก่อนหน้านี้ เมื่อปี พ.ศ. 2538 คุณบุญชัยได้หนีออกจากบ้าน โดยตัดสายโทรศัพท์ทิ้งทั้งหมด ทำให้ไม่สามารถติดต่อกับลูกค้าได้ และยังขับรถชนรถส่งของทั้งหมด สาเหตุที่ทำตนรู้เพียงว่า หนึ่งสัปดาห์ก่อนคุณบุญชัยออกจากบ้าน ภรรยาของเขาท้อง จึงไปหาแม่แล้วบอกให้ไล่ คุณสุนีย์ พี่สาวที่มีหน้าที่จัดการเรื่องการเงินทั้งหมดของครอบครัวออก แต่ก็ไม่ทราบเหตุผลว่าเพราะอะไร

ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัวตน ช่วงตรุษจีน ปีใหม่ วันแม่ ทุกคนก็ยังกลับมารวมตัวกันอยู่ แต่จะให้มาครบ 30-40 คนคงไม่ง่าย มีคุณบุญชัยคนเดียวที่ไม่กลับมาบ้าน 15 ปีแล้ว ขนาดแม่ป่วย ผ่าตัดหัวเข่าก็ไม่เคยมา หนำซ้ำยังเคยด่าคุณแม่ที่โรงพักด้วย

เรื่องเกิดจาก เมื่อ พ.ศ. 2554 คุณทศพร หุ้นส่วนของคุณบุญชัย มีปัญหากับแม่ เลยแจ้งจับแม่กับคุณสุนีย์ ขณะที่คุณบุญชัยจะต่อยคุณสุนีย์ แม่เข้ามาห้าม เขาเลยด่าแม่ว่าไม่สมควรเป็นแม่ใคร แม่ก็ตอบว่า “ชัย เธอก็มีลูกเหมือนกัน” จากเหตุการณ์นี้ ตนจึงไม่ได้อยากให้คุณบุญชัยกลับมาเป็นครอบครัวเดียวกันอีก

น.ส.รตาเล่าว่า แม่ต้องการให้แบรนด์ไผ่ทองเหลือสินค้าแบบเดียว เพราะไอศกรีมสองอันใช้ชื่อเดียวกัน แต่คุณภาพสินค้าแตกต่างกัน พวกตนโตมาในโรงไอศกรีม แค่ทานก็รู้แล้วว่ารสชาติเป็นอย่างไร คนทั่วไปอาจไม่รู้สึกว่าแย่มาก แต่ในมุมของตน ตนรักษามา 68 ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 2493

ส่วนเรื่องละคร “เลือดข้นคนจาง” ที่เป็นกระแสอยู่ขณะนี้ ตนเล่าว่าเรื่องของครอบครัวตนไม่เหมือนในละคร เพราะในละครอยากได้เงิน แต่พวกตนไม่ได้อยากได้เงิน ครอบครัวตนใช้ชีวิตสมถะ ที่อยากได้มีแค่แบรนด์ไผ่ทองที่ถูกต้องเพียงแบรนด์เดียว