ธนารักษ์ยกเครื่องที่ราชฯ 10 ล้านไร่ เล็งขึ้นค่าเช่ารัฐวิสาหกิจ-เอกชน หารายได้เข้าคลัง

ธนารักษ์ยกเครื่องที่ราชพัสดุ 10 ล้านไร่ ทบทวนค่าเช่ารัฐวิสาหกิจ-เอกชน หารายได้เข้าคลังเพิ่ม พร้อมเร่งขอคืนที่จากหน่วยงานราชการมาดูแลแทน

ธนารักษ์ยกเครื่องที่ราชฯ – น.ส.อมรรัตน์ กล่ำพลบ รองอธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า ในปีงบ 2562 มีแผนพิจารณาการจัดหาประโยชน์ที่ราชพัสดุของกรมธนารักษ์ 10.45 ล้านไร่ทั่วประเทศใหม่ เพื่อเพิ่มการจัดเก็บรายได้เข้ารัฐซึ่งตั้งเป้าหมายไว้ที่ 8,000 ล้านบาท โดยส่วนแรกในที่ราชพัสดุที่เปิดให้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจและเอกชนเช่าอยู่ขนาด 396,000 แสนไร่ สัดส่วน 4% ของพื้นที่ทั้งหมด หากดูว่าสัญญาเดิมไม่เข้าฐานค่าเช่าที่เป็นจริงจะมีการเจรจาขอทบทวนค่าเช่าให้เหมาะสม

ส่วนที่สองที่ราชพัสดุที่ใช้ส่วนราชการอีก 96% หรือประมาณ 10 ล้านไร่ หากพบว่านำที่ไปแล้วแต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ก็เจรจาขอให้ยอมคืนพื้นที่กลับมายังกรมฯ เพื่อนำไปจัดประโยชน์ใหม่

ทั้งนี้ ยืนยันว่าการพิจารณาจัดประโยชน์ครั้งนี้ จะเน้นเข้าไปดูเจรจาเฉพาะหน่วยงานรัฐวิสาหกิจและเอกชนรายใหญ่ซึ่งมีทั้งพื้นที่ที่มีสัญญาอยู่และกำลังหมดสัญญาเท่านั้น ส่วนพื้นที่ใช้ประโยชน์สำหรับให้ประชาชนอยู่อาศัย หรือเป็นที่สำหรับทำการเกษตรกรมฯจะไม่เข้าไปยุ่ง เพราะไม่ต้องการให้กระทบต่อคนชาวบ้าน ส่วนแนวทางการขอคืนพื้นที่ราชพัสดุจากราชการ กรมฯกำลังพิจารณารูปแบบการนำส่งคืน รวมถึงการชดเชยสิทธิประโยชน์ หรือผลตอบแทนคืนให้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา

น.ส.อมรรัตน์ กล่าวว่า โครงการนำที่ราชพัสดุมาสนับสนุนพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ขณะนี้มีความคืบหน้า โดยในปีหน้าจะมีการนำที่ราชพัสดุในนครพรม มุกดาหาร และหนองคาย ออกมาประมูลใหม่ หลังก่อนหน้านี้เปิดไปแล้วแต่ไม่มีเข้าร่วมประมูล พร้อมกับมีการปรับเปลี่ยนวิธีการประเมินใหม่จากรายบล็อก เป็นรายแปลงซึ่งจะทำให้ค่าเช่าที่ปรับลดลงจากเดิมไร่ล่ะ 2,400 บาทต่อปี เหลือเพียง 1,800-2,100 บาท เพื่อสร้างแรงจูงใจให้บริษัทเอกชนเข้ามาตั้งโรงงานในเขตเศรษฐกิจที่รัฐบาลกำหนดไว้ สำหรับรายได้ของกรมธนารักษ์ ปี 2561 ทำได้ 11,342 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 7,400 ล้านบาท เนื่องจากมีรายได้พิเศษจากค่าเช่าที่ดินจากบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) เกือบ 3,000 ล้านบาท

ส่วนที่ราชพัสดุในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษแห่งอื่น มีการลงทุนไปแล้วหลายแห่ง ทั้งจังหวัดสระแก้วที่มีการระยะแรกไปแล้ว โดยมีการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ดูแล ส่วนจังหวัดตราด มีบริษัทพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) ทำสัญญา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างปรับแผนการลงทุนให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐ ขณะที่จังหวัดกาญจนบุรีมีโครงการลงทุน 400 ล้านบาทในธุรกิจโลจิสติกส์ และจังหวัดตากมีโครงการลงทุนอีก 400 ล้านบาท ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ขณะที่การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ได้ส่งพื้นที่ราชพัสดุให้กับสำนักงานอีอีซีไปบริหาร 7,000 ไร่ เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรม 6,500 ไร่ และเขตนวัตกรรม 759 ไร่ ซึ่งเป็นการมอบเอกสิทธิ์บริหารจัดการทั้งหมด

ด้านการบริหารจัดการทรัพย์สินที่ราชพัสดุแปลงใหญ่หลายโครงการ ในสัปดาห์หน้าจะมีการเสนอโครงการพัฒนาที่ราชพัสดุขนส่งหมอชิตให้ ครม.พิจารณา หลังจากมีการเจรจากับภาคเอกชนเสร็จแล้ว โดยปรับรูปแบบการลงทุนจาก 18,000 ล้านบาท เพิ่มเป็น 26,000 ล้านบาท พื้นที่พัฒนา 7 แสนตาราเมตร ในจำนวนนี้ชดเชยพื้นที่ให้กับรัฐ 1.2 แสนตารางเมตร พร้อมมอบผลตอบแทนเป็นเงินสด 600 ล้านบาท และทรัพย์สินอีก 2,400 ล้านบาท รวมเป็น 3,000 ล้านบาท โดยใช้เวลาก่อสร้างใช้เวลา 5 ปี พัฒนาเป็นคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ ศูนย์การค้า โรงแรม ที่จอดรถรองรับการเดินทางรถไฟฟ้าบีทีเอส อพาร์ตเม้นต์

ขณะที่การพัฒนาหอชมเมือง 4,600 ล้านบาท ความสูง 459 เมตร ได้ทำสัญญาไปแล้ว ใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี บริหารโครงการ 30 ปี เพื่อใช้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญใจกลางเมือง โครงการร้อยชักสามติดแม่น้ำเจ้าพระยา ขณะนี้ตำรวจดับเพลิงส่งมอบที่ราชพัสดุแล้ว ได้ปรับสัญญาการลงทุนกับภาคเอกชน ปรับเวลาก่อสร้าง 6 ปี บวกกับสัญญาบริหารโครงการ 30 ปี ทำเป็นโรงแรมที่พักริมแม่น้ำเจ้าพระยาระดับหรู เพื่อดึงดูดการท่องเที่ยว ขณะที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์เจรจาจบแล้ว จะทำสัญญาได้ปีหน้า โดยมีการเปลี่ยนสัญญาจากลงทุนโรงแรมเป็นปรับปรุงพื้นที่มูลค่า 6 พันล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาโครงการศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะโซนซีพื้นที่ 5.1 แสนตารางเมตร ซึ่งมีส่วนราชการ 13 หน่วยงานแสดงความจำนงเช่าพื้นที่ ด้วยวงเงินลงทุน 30,000 ล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปี บริษัทธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์จะใช้แนวทางการระดมทุนแบบผสมทั้งการกู้เงินในประเทศเพราะอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าทำซีเคียวริไทเซชั่นอีกทางหนึ่ง