พาไปดูฟาร์มผลิต “คาเวียร์” เมนูสุดหรู-แพง-อร่อย (คลิป)

 

 

ได้ยินเรื่องคาเวียร์ เมนูสุดหรูกันคุ้นหู เพราะเป็นเมนูในประวัติศาสตร์โลกที่บรรดาชนชั้นนำ-ผู้ปกครองในอดีตทางฝั่งยุโรปนิยมรับประทานกันอย่างมาก กระทั่งแพร่หลายในบรรดาผู้มีฐานะทั่วโลก โดยคาเวียร์ได้มีการโฆษณาและได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในอาหารที่อร่อยที่สุดในโลกและเป็นเมนูราคาสูงอันดับต้นๆของโลกเช่นกัน เพราะราคาซื้อขายก็แพงในหลักกิโลกรัมละเป็นล้านบาท

สำหรับบ้านเราช่วงนี้กระแสข่าวยังพูดกันให้ได้ยินกันบ่อยๆ เราลองมาดูธุรกิจฟาร์มคาเวียร์กันบ้างว่าเขาผลิตคาเวียร์ โดยไม่ล่าปลาได้อย่างไร เพราะทราบกันดีว่า “คาเวียร์” หรือไข่ปลาคาเวียร์นั้น เป็นไข่ปลาที่ผ่านการปรุงรสมาแล้ว โดยไข่มาจากปลาหลากหลายประเภท ส่วนมากนิยมนำมาจากไข่ปลาสเตอร์เจียน

สำหรับแหล่งที่ขึ้นชื่อว่ามีปลาสเตอร์เจียนชุกชุม คือทะเลสาบแคสเปียน ทำให้มีการล่ากันเป็นจำนวนมาก กระทั่งมีการออกกฎหมายห้ามจับปลาเกินกำหนด และให้ทุกประเทศที่รายรอบทะเลสาบแคสเปียนปฏิบัติตาม

ซึ่งเมื่อปลาสเตอร์เจียนตามธรรมชาติ หาได้ยากขึ้นก็ยิ่งทำให้เกิดดีมานด์ทำให้ราคาพุ่งขึ้นไปอีก

แต่ด้านหนึ่งก็มีการรับมือและบริหารจัดการของเอกชนบางแห่ง ที่มีการทำฟาร์มคาเวียร์ นั่นคือ การเพาะพันธุ์ปลาสเตอร์เจียน เพื่อผลิตคาเวียร์ ซึ่งในกระบวนการเพาะพันธุ์นั้นมีการดูแลอย่างละเอียด และน่าสนใจ ซึ่งต้องควบคุมการให้โปรตีนแก่ปลา ไปจนถึงตรวจสอบสภาพน้ำ ดูแบคทีเรีย และอื่นๆในน้ำ โดยดูแลละเอียดตั้งแต่ยังอยู่ในช่วงอนุบาลดูแลลูกปลา กระทั่งเริ่มโตจะมีการย้ายอ่างและดูแลระมัดระวังการกรองแบคทีเรียในน้ำ รวมทั้งกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปลาปล่อยออกมาโดยธรรมชาติ และควบคุมปริมาณออกซิเจน

ทั้งนี้ เมื่อถึงช่วงภาวะเติบโต โดยพิจารณาตามขนาดกำลังเหมาะสมจะมีการคัดปลาชึ้นมาใส่อ่างน้ำเล็ก ซึ่งน้ำในอ่างเล็กจะมีส่วนผสมของแก๊สที่ทำให้ปลาสลบไป ขั้นตอนนี้เป็นการนำปลาไปอัลตราซาวด์ โดยตรวจวัดด้วยระบบคลื่นไฟฟ้า ซึ่งจะเป็นจุดในการพิสูจน์ว่าปลาตั้งไข่แล้ว และในจอภาพจะทำให้วิเคราะห์ได้ว่ามีไข่จำนวนมากเท่าไหร่

ส่วนถ้าตัวไหนนำขึ้นมาตรวจแล้วไม่พบการตั้งไข่ก็จะนำไปปล่อยกลับและเพาะเลี้ยงต่อเพื่อรอความพร้อมนำมาตรวจอีกครั้ง ส่วนตัวไหนที่ผ่านก็จะถูกนำมาสู่กระบวนการผลิคคาเวียร์ โดยคาเวียร์ที่ได้มาจากปลาที่เพาะพันธุ์นั้น โดยกรรมวิธี คือการขอดเอาไข่เม็ดกลมๆเล็กๆออกมา จากนั้นนำไข่ทั้งหมดไปแช่ด้วยน้ำเย็นไม่กี่นาที และทำการคัดเอาส่วนที่ไม่สมบูรณ์ออก จากนั้นนำคาเวียร์มาปรุงคลุกเคล้ากับเกลือ และนำไปวางตั้งบนถาดน้ำแข็ง และใช้กระดาษมาซับเพื่อรักษาความชุ่มชื้นไม่ให้ระเหยออก จากนั้นแพคใส่แพคเกจที่เป็นกระป๋องและซีลอย่างแน่นหนาโดยมียางหุ้มด้านนอกกระป๋องอีกทอดหนึ่ง
ประชาชาติฯออนไลน์แปลและเรียบเรียง

 

ที่มา ประชาชาติธุรกิจ