มนุษย์ป้าจูงสุนัขเข้าร้านสะดวกซื้อ แถมปล่อยให้เลียสินค้าในตู้เเช่

กลายเป็นกระเเสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์ เมื่อ MDsurfer สมาชิกเว็บไซต์พันทิป ได้ตั้งกระทู้ชื่อ “ต่อไปคงจะไม่หยิบของจากชั้นล่างๆ ใน 7-11 อีกแล้ว…” โดยระบุว่า

ประมาณ 5 ทุ่ม ลงไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ได้เจอกับคุณป้าวัยกลางคนจูงหมาตัวใหญ่ตัวหนึ่งเข้ามาในร้าน แล้วก็ไปที่ตู้แช่สินค้าประเภทนม

“เจ้าหมายักษ์ของป้าก็เอาจมูกไปดมๆ เอาลิ้นเลียๆ สินค้าที่อยู่โซนล่างๆ ไปทั่วแบบมีความสุขมาก แถมตอนนั้นก็เป็นจังหวะที่สาขานั้นวางลังสินค้าเตรียมเอาขึ้นตู้แช่อยู่พอดี หางอันฟูฟ่องของเจ้าหมายักษ์ตัวนี้ก็สะบัดไปมาอยู่บนของพวกนั้นเหมือนที่ปัดน้ำฝนเปิดโหมดเร็วที่สุด ซึ่งของที่โดนแบบเต็มๆ ก็เป็นพวกไข่ โยเกิร์ตและนม (ที่ไม่มีฝาแข็งๆ ปิดด้านบน เป็นแบบเจาะหลอดแล้วดูดเลย) และไส้กรอก ฯลฯ”

เเล้วก็เห็นพนักงานที่ดูแลอยู่แถวนั้นก็มองป้าคนนี้ แต่ป้าก็ไม่ได้สนใจอะไร ผมก็เลยเข้าไปถามพนักงานคนนั้น โดยที่ป้ายืนอยู่ข้างๆ ว่า:

“สาขานี้เอาหมาเข้ามาเดินได้ด้วยเหรอครับ? ผมว่ามันไม่โอเคนะครับ ทำไมพนักงานถึงไม่แจ้งลูกค้าให้ทราบถึงเรื่องนี้ครับ?”

ซึ่งคุณป้าคนนั้นได้ยินผมแน่นอน แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ คือเพิกเฉยต่อคอมเมนต์ และไม่ใส่ใจว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่นั้นมันเหมาะสมหรือไม่

นโยบายของร้านจะเป็นอย่างไรก็ตาม ผมเป็นคนนึงที่รู้สึกไม่สบายใจที่เข้ามาซื้อของกินในนี้แล้วมีหมามายืนช็อปปิ้งกับผมด้วย ทางร้านควรจะมีระเบียบที่ชัดเจนสำหรับเรื่องนี้ และให้อำนาจกับพนักงานสามารถห้ามลูกค้าที่ยืนยันจะเอาหมาเข้าร้าน และปฏิเสธการให้บริการได้ (เหมือนกับที่รปภ.ธนาคารจะไม่อนุญาตให้ใครใส่หมวกกันน็อกเข้าไปโดยเด็ดขาด) ผมมีสำนึกพอว่าการที่เอาหมามาใกล้กับอาหารคนมันเป็นเรื่องที่ไม่ถูกสุขอนามัย เจ้าของบางคนชอบเลียปากหมาตัวเอง นั่นก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา แต่ผมไม่โอเคถ้าผมจะมีโอกาสไปกินนมที่มีหมามายืนดม เลีย หรือเอาหางมาสะบัดใส่ไปมาครับ

แล้วที่เด็ดคือคุณป้าไม่ได้มาคนเดียว มีคุณลุงคนนึงยืนรออยู่หน้าร้าน ทำไมคุณป้าไม่ฝากน้องหมาเอาไปกับคุณลุง แล้วทำไมคุณลุงถึงให้หมาเข้ามาช้อปปิ้งครับ

เอาเป็นว่าต่อไปนี้ ถ้าไม่จำเป็น ผมก็คงจะไม่กล้าหยิบของจากชั้นล่างๆ ที่หมาเลียถึงแล้วแน่นอน ไม่อยากต้องไปเสี่ยงเลียปากกับหมาของคนอื่นจริงๆ เพราะมันก็เป็นเรื่องของสุขอนามัยที่เราต้องใส่ใจอย่างจริงจัง เชื้อโรคในปากหมาคือมหาศาลนะครับเผื่อใครที่ไม่รู้

และที่สำคัญ เรื่องนี้มันก็เป็นแค่เรื่องจิตสำนึกของพลเมืองที่ดีที่จะต้องคิดถึงผู้อื่นที่อยู่ในสังคมให้เยอะๆ กันด้วยครับ ถ้าคนไทยยังเห็นแก่ตัว คิดถึงแต่ความสุขหรือความสะดวกของตัวเองเป็นที่ตั้ง สังคมจะอยู่กันอย่างมีวินัยและมีความปกติสุขกันได้อย่างไรครับ

ปล. อย่าไปว่าพนักงานนะครับ เพราะเขาบอกว่าเคยห้ามคุณป้าคนนี้หลายครั้งแล้ว แต่คุณป้าเขาก็ไม่เคยสนใจครับ บางทีก็เห็นใจพนักงานครับ แต่เอาจริงๆ เห็นใจตัวเองมากกว่าครับ 555


ทั้งนี้ ภายหลังการตั้งกระทู้ดังกล่าวไม่นานก็มีผู้เข้ามาเเสดงความเห็น เเละเเสดงความไม่พอใจจำนวนมาก

ต่อมา น้องเปาเซเว่น ได้ออกมาสอบถามรายละเอียดเพื่อหาเเนวทางเเก้ไขต่อไป โดยระบุว่า “ขอบคุณนะคะที่แจ้งเรื่องเข้ามาให้ทางเราได้รับทราบนะคะ น้องเปาต้องขอรบกวนสอบถามชื่อร้านสาขาที่ใช้บริการ เพื่อเป็นข้อมูลในการตรวจสอบ พร้อมทั้งหาแนวทางในการแก้ปัญหาที่ตรงจุดค่ะ โดยรบกวนแจ้งผ่านทางหลังไมค์ของน้องเปาด้วยนะคะ”

ที่มา มติชน