ศิริราชจับมือกรมสรรพสามิต พัฒนาแอลกอฮอล์เพื่อการแพทย์และสาธารณสุข

เมื่อไม่นานมานี้ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง ทำพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ความร่วมมือส่งเสริมและเพิ่มประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์เพื่อการแพทย์และสาธารณสุขไทย ในการร่วมกันวิจัยและพัฒนาแอลกอฮอล์เพื่อการแพทย์และสาธารณสุข สำหรับการดูแลสาธารณสุขต่างๆ เพื่อประโยชน์ของประชาชน ตามแผนยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 โดยมุ่งหวังที่จะสร้างความร่วมมือทั้งด้านการพัฒนาคุณภาพ การวิจัย และความร่วมมือทางวิชาการระหว่างหน่วยงานภาครัฐอย่างเป็นรูปธรรม

รศ.นพ.วิศิษฎ์  วามวาณิชย์  ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช เปิดเผยว่า แอลกอฮอล์เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งและเป็นเวชภัณฑ์พื้นฐาน ทั้งในทางการแพทย์และในชีวิตประจำวันของคนไทย สำหรับโรงพยาบาลศิริราช แอลกอฮอล์ถือได้ว่ามีบทบาทที่สำคัญมาก สำหรับการรักษาพยาบาลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องทั่วไปอย่างการทำความสะอาดแผล ฆ่าเชื้อโรค ฉีดยา และการนำมาใช้ทำความสะอาดป้องกันอุปกรณ์ต่างๆ โดยเฉพาะสำหรับบุคลากรการแพทย์ไม่ว่าจะเป็นพยาบาล แพทย์  และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ล้วนมีความจำเป็นที่จะต้องใช้แอลกอฮอล์ในการทำความสะอาดมือและอวัยวะอื่นๆ

“คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่จะได้ร่วมมือกับกรมสรรพสามิต ในการวิจัยและพัฒนาความร่วมมือทางวิชาการ เพื่อส่งเสริมและเพิ่มประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์ ให้ตอบโจทย์การใช้งานด้านสาธารณสุขได้ในทุกรูปแบบ มีการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมและสะดวกต่อการใช้งานมากขึ้น ควบคุมคุณภาพ มีมาตรฐานที่เท่าเทียมกัน รวมไปถึงการพัฒนาบุคลากรในสาขาที่เกี่ยวข้อง อันเป็นหัวใจหลักของการให้บริการทางการแพทย์ ซึ่งจะนำมาสู่การใช้ประโยชน์จากแอลกอฮอล์อย่างเต็มประสิทธิภาพ มีประสิทธิผล ช่วยลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายของโรงพยาบาล”

ด้านนายธรรมศักดิ์ ลออเอี่ยม ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางสรรพสามิต กรมสรรพสามิต กล่าวว่า  ในส่วนของกรมสรรพสามิต ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐที่เป็นผู้ผลิตแอลกอฮอล์ที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานสากลมาโดยตลอด ปัจจุบันทางกรม ได้เล็งเห็นความสำคัญของแผนยุทธศาสตร์ชาติด้านสาธารณสุขระยะ 20 ปี ที่ส่งเสริมในด้านการป้องกันควบคุมโรคและภัยสุขภาพ รวมทั้งการลดปัจจัยเสี่ยงด้านสุขภาพให้กับประชาชน จึงได้มีการพัฒนาบทบาทของหน่วยงานในสังกัดเพิ่มเติม สำหรับเข้ามาดูแลงานด้านการพัฒนาแอลกอฮอล์เพื่อการสาธารณสุข (Alcohol For Public Health) โดยเฉพาะ ได้แก่ LDO ( Liquor  Distillery  Organization )  ซึ่งมีเป้าหมายหลักคือการผลิตแอลกอฮอล์ที่มีคุณภาพ มีประสิทธิภาพและมีความหลากหลาย รวมถึงวิจัยและคิดค้นผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์เพื่อการสาธารณสุขในรูปแบบใหม่ๆ ที่มีความเหมาะสมกับการใช้งานในปัจจุบันมากยิ่งขึ้น อาทิ เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ แอลกอฮอล์สเปรย์ เป็นต้น

“ความร่วมมือที่เกิดขึ้นในวันนี้ เป็นการจับมือกันระหว่างผู้ใช้ คือโรงพยาบาลศิริราช กับ LDO ซึ่งเป็นผู้ผลิต ซึ่งถ้าเราทราบถึงความต้องการที่แท้จริงของผู้ใช้หลัก ได้แก่ แพทย์ และบุคลากรทางการแพทย์ เราจะสามารถผลิตแอลกอฮอล์ที่มีคุณภาพ มีคุณสมบัติที่ดี ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ได้ในราคาที่ถูกลง”

นอกจากนี้ LDO ได้มุ่งหวังที่จะส่งเสริมการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร สร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องต่อการใช้ประโยชน์จากแอลกอฮอล์ซึ่งมีมากมายหลายประเภท มีความเหมาะสมตามการใช้งานที่แตกต่างกัน ให้กับประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ ผ่านศูนย์ข้อมูลแอลกอฮอล์สำหรับประชาชน (Alcohol Information Center) ทางเว็บไซต์ www.liquor.or.th และช่องทางโซเชียลมีเดีย Facebook : ldo.fanclub เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับการดูแลสุขภาพอนามัยของประชาชนทั่วไปให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น