ถ้ำหลวง ปิดยาว อช.ชง 42 ล้าน สำรวจ-ฟื้นฟู-พัฒนา ฟังความเห็น 25 ก.ค.

 เมื่อวันที่ 11 ก.ค. นายจงคล้าย วรพงศธร รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ขณะนี้ได้ ปิดถ้ำหลวง แล้วตั้งแต่เวลา 10.00 น. ของวันนี้ โดยห้ามผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง เข้าไปโดยเด็ดขาด พร้อมกันนี้ ยังเตรียมการฟื้นฟูให้กลับสู่สภาพเดิมมากที่สุด

ถ้ำหลวง / ทั้งนี้เจ้าหน้าที่เริ่มทยอยขนอุปกรณ์ต่างๆ ออกจากถ้ำหลวงแล้ว บางส่วนที่ยังไม่สามารถขนออกได้ เนื่องจากระดับน้ำภายในถ้ำจะกลับมาสูงอีก ก็ต้องเก็บไว้ก่อน และรอเจ้าหน้าที่เข้าไปสำรวจในหน้าแล้ง ดูว่าสภาพภายในถ้ำ มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง และจะฟื้นฟูทั้งระบบต่อไป โดยยังไม่สามารถบอกได้ ว่าจะใช้เวลาระยะเวลาเท่าไร

ขณะนี้ได้จัดเวรยามเฝ้าปากถ้ำตลอด 24 ช.ม. และในอนาคตจะห้ามไม่ให้นักท่องเที่ยวหรือเจ้าหน้าที่ เข้าไปภายในส่วนลึกของถ้ำ หากไม่ได้รับการอนุญาตก่อน

นายจงคล้าย กล่าวว่า ส่วนแผนฟื้นฟูและพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว มีทั้งแผนงานเร่งด่วน และแผนระยะยาวที่อาจต้องใช้เวลา ยังไม่สามารถระบุแน่ชัดได้ โดยจะต้องมีการสำรวจสภาพทั้งหมด ก่อนนำมาประเมินเพื่อดำเนินการ

ขณะนี้มีการทำแผนเสนอให้กับพล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.)แล้ว มีรายละเอียดเรื่องวงเงินงบประมาณคร่าวๆไว้ และการทำงานต้องมีผู้เชี่ยวชาญจากกรมทรัพยากรธรณี กรมทรพยากรน้ำบาดาลและนักวิชาการด้านถ้ำ มาร่วมในการชี้แนะแผนถ้ำหลวง

รองอธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวอีกว่า สิ่งที่ทำได้ทันทีคือระบบฝายต้องรื้อออกทั้งหมด เพื่อให้ระบบน้ำไหลกลับเข้าถ้ำหลวงฯเช่นเดิม โดยในส่วนนี้จะมีราษฎรจิตอาสาในพื้นที่เข้ามาร่วมด้วย ส่วนโพรงที่สำรวจเป็น 100 โพรง มีแค่ 3 โพรงขนาดใหญ่ที่มีการเจาะสำรวจ หลังจากนี้ต้องอุดกลับไปสู่สภาพเดิมซึ่งทำได้ไม่ยาก ต้องให้กรมทรัพยากรธรณี มาช่วยดำเนินการด้วย

รวมทั้งต้องเร่งกำหนดโซนนิ่งถ้ำ และเขตบริการนอกถ้ำให้ชัดเจน กำหนดการเข้า-ออก การติดตั้งระบบตรวจวัดระดับน้ำ การเตือนภัยต่อไป ส่วนการสร้างพิพิธภัณฑ์หรืออนุสาวรีย์บริเวณถ้ำตามที่นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร อดีต ผวจ.เชียงราย เสนอนั้น พล.อ.สุรศักดิ์ ได้เตรียมแผนไว้แล้ว ซึ่งจะต้องทำทั้งระบบ เท่าที่ทราบจะมีการนำแผนฟื้นฟูถ้ำ มาเปิดรับฟังความคิดเห็นกับประชาชนในพื้นที่ ในวันที่ 25 ก.ค.นี้ เราจะได้มั่นใจว่าสามารถดำเนินการได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งฟื้นฟูถ้ำหลวง ให้ระบบนิเวศกลับมาเป็นปกติ และพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมีมาตรการดูแลความปลอดภัยอย่างเป็นระบบนั้น

กรมอุทยานฯ ได้นำเสนอร่างแนวทางการฟื้นฟูถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ต่อพล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรฯ โดยในระยะเร่งด่วน ด้านบริหารจัดการ จะมีการแบ่งเขตการบริหารจัดการให้ชัดเจน ทั้งในส่วนของเขตบริการ และเขตหวงห้าม พื้นที่ป่าโดยรอบที่มีความเปราะบาง ต้องมีการกำหนดขอบเขตการใช้ประโยชน์และการเข้า-ออกภายในถ้ำหลวงฯ

พร้อมทั้งจัดให้มีอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานเฉพาะด้าน เจ้าหน้าที่กู้ภัย และจัดเวรยามเพิ่มขึ้น ส่วนด้านการรักษาความปลอดภัย จะมีการติดตั้งระบบกล้องวงจรปิดทั่วทั้งบริเวณแหล่งท่องเที่ยว ปรับปรุงระบบไฟฟ้าส่องสว่าง และจัดทำแผนช่วยเหลือฉุกเฉิน พร้อมทั้งมีการจัดทำระบบป้ายสื่อความหมายต่างๆ ติดตั้งระบบวัดระดับน้ำและการแจ้งเตือน จัดทำรั้วหรือประตู บริเวณทางเข้าไปภายในถ้ำหลวงฯ เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นซ้ำอีก

ส่วนการฟื้นฟูสภาพพื้นที่ที่ดำเนินการค้นหาและกู้ภัย ให้กลับคืนสู่สภาพเดิมต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน จะมีการฟื้นฟูปลูกต้นไม้ให้กลับสู่สภาพเดิม ทั้งในบริเวณที่ปรับปรุงเป็นลานจอดเฮลิคอปเตอร์ 2 จุด บริเวณหลุมหรือปล่องที่มีการเจาะสำรวจ และบริเวณที่มีการปิดกั้นเส้นทางน้ำ และฝายจำนวน 5 แห่ง

สำหรับมาตรการในระยะยาวจะมีการจัดตั้งศูนย์บริการนักท่องเที่ยวและรักษาความปลอดภัย ให้ครอบคลุมทุกด้าน มีการปรับปรุงพื้นที่ พัฒนาถนนลาดยางแบบมีไหล่ทางและรางน้ำ ทั้งภายในและภายนอกวนอุทยานฯ ระยะทาง 10 ก.ม. พร้อมทั้งปรับปรุงภูมิทัศน์และพัฒนาระบบสาธารณูปโภคที่จำเป็น ให้มีความเหมาะสมกับสภาพพื้นที่ เป็นต้น โดยเบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบประมาณในการดำเนินการกว่า 42 ล้านบาท

ทั้งนี้นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานฯ ได้ออกคำสั่งกรมอุทยานฯ ลงวันที่ 10 ก.ค. เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่ถ้ำ มีนายจงคล้าย วรพงศธร รองอธิบดีกรมอุทยานฯ เป็นประธาน โดยมีตัวแทนนักวิชาการ ตัวแทนกรมทรัพยากรธรณี และกรมอุทยานฯ ร่วมเป็นกรรมการ

เพื่อทำหน้าที่วิเคราะห์ วางแผน กำหนดแนวทาง ควบคุม ดูแล และติดตาม วางแผนการใช้ประโยชน์และขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่ถ้ำที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมอุทยานฯ ให้ได้รับการบริหารจัดการ พัฒนาไปในแนวทางที่ถูกต้องและเหมาะสมตามหลักวิชาการ

นอกจากนั้นนายธัญญาได้มีหนังสือเวียน ลงวันที่ 10 ก.ค. ถึงผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1-16 ขอให้สำรวจ ตรวจสอบแหล่งท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขตห้ามล่าสัตว์ป่าและวนอุทยานแห่งชาติในความรับผิดชอบ

หากพบว่ามีสถานที่ใดหรือบริเวณใดมีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ ส่งผลต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยว ให้ปิดประกาศและประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวทราบโดยทั่วกัน และรายงานให้กรมอุทยานฯทราบ รวมทั้งพิจารณาปิดแหล่งท่องเที่ยวและพักแรมในอุทยานฯ เขตรักษาพันธ์ฯ เขตห้ามล่าฯ และวนอุทยานฯ ประจำปี ตามแนวทางปฏิบัติของกรมอุทยานฯต่อไป

ที่มา ข่าวสดออนไลน์